เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

ปัญหาขยะในทะเล ภัยเงียบทำลายทะเลไทยที่สังคมควรตระหนัก

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัจจุบันปัญหาขยะในทะเลไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตสัตว์และระบบนิเวศใต้ทะเลอย่างมาก พร้อมอธิบายวิธีแก้ปัญหา ลดขยะในทะเล
ปัญหาขยะในทะเล ภัยเงียบทำลายทะเลไทยที่สังคมควรตระหนัก
Table of Contents

Key Takeaway

  • ขยะในทะเลคือของเสียที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือใช้แล้วทิ้งลงทะเลโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ และรวมถึงวัตถุที่สูญหายระหว่างพายุในทะเล ส่งผลกระทบต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อมใต้ทะเล
  • แหล่งที่มาของขยะทะเลมาจากกิจกรรมของมนุษย์ แบ่งออกเป็นกิจกรรมบนบกที่มีการทิ้งขยะตามชายฝั่ง การกำจัดขยะผิดวิธี และกิจกรรมในทะเลที่มาจากการทำอุตสาหกรรมประมง การเดินเรือท่องเที่ยว หรือการลักลอบทิ้งขยะแบบผิดกฎหมาย
  • ปัญหาขยะในทะเลส่งผลกระทบด้านสังคมและเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวที่ลดลง และขยะอาจทำลายเครื่องมือที่ใช้ทำกิจกรรมทางทะเล รวมถึงไมโครพลาสติกที่สามารถปนเปื้อนในสัตว์ทะเล เมื่อมนุษย์นำมาบริโภคอาจเกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวได้

 

ทะเลไทยขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต เป็นแหล่งอนุบาลเหล่าสัตว์ทะเล และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม แต่กลับมีภัยเงียบค่อยๆ คุกคามระบบนิเวศใต้ทะเลอย่างขยะในทะเล นอกจากจะส่งผลกระทบต่อเหล่าสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลแล้ว ยังส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการประมง และคุณภาพชีวิตของประชาชนอีกด้วย 

บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจปัญหาขยะในทะเลให้มากขึ้น หาคำตอบว่าขยะพลาสติกใช้เวลาย่อยสลายกี่ปี? และปลุกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อท้องทะเลไทยกัน!

 

ขยะทะเลคืออะไร มาจากไหนบ้าง?

ขยะทะเลคืออะไร มาจากไหนบ้าง?

ขยะทะเลคือของเสียที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือใช้แล้วทิ้งลงสู่ทะเล หรือทิ้งขยะลงชายหาดโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงวัตถุที่สูญหายระหว่างพายุในทะเล เช่น เครื่องมือประมงหรือสินค้าที่หล่นจากเรือ โดยขยะเกือบทั้งหมดถูกพัดพาไปไกลด้วยกระแสน้ำทะเลและลม ทำให้สามารถพบขยะในทะเลได้ทุกที่ ไม่จำกัดแค่บริเวณชายฝั่งเท่านั้น แต่ยังพบในพื้นที่ห่างไกลออกไปในมหาสมุทร ขยะทะเลยังพบได้ทั้งลอยอยู่บนผิวน้ำ ปะปนอยู่ในมวลน้ำ หรือจมก้นทะเลตามระดับความลึกที่ต่างกันอีกด้วย

 

แหล่งที่มาของขยะทะเล

แหล่งที่มาของขยะในทะเลสามารถแบ่งออกเป็น 2 แหล่ง ทั้งจากกิจกรรมของมนุษย์บนบกและในทะเล ดังนี้

  • กิจกรรมบนบกและชายฝั่ง ได้แก่ การทิ้งขยะตามชายฝั่ง การจัดการขยะแบบผิดวิธี ขยะที่มาจากการระบายน้ำ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
  • กิจกรรมในทะเล ได้แก่ การทำอุตสาหกรรมการประมง การเดินเรือท่องเที่ยวหรือพาณิชย์ การทิ้งขยะลงทะเลแบบผิดกฎหมาย การทำเหมืองแร่

 

 

ประเภทของขยะในทะเลที่พบบ่อย

ประเภทของขยะในทะเลที่พบบ่อย

ขยะทะเลล้วนเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล ประเภทของขยะที่พบเจอบ่อยมีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นขวดแก้ว กระป๋องอะลูมิเนียม ขยะพลาสติก เศษอุปกรณ์ตกปลา ขยะทางการแพทย์ กล่องโฟม เชือก หรือเศษโฟม โดยขยะที่พบเจอในทะเลมากที่สุดก็คือ “ขยะพลาสติก” ที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์และขาดการจัดการขยะพลาสติกที่มีประสิทธิภาพ เช่น ขวดพลาสติก ถุงพลาสติก ถุงขนม หลอดดูดน้ำ หรือฝาพลาสติก 

โดยขยะพลาสติกเป็นขยะที่ย่อยสลายยาก ในแต่ละปีจะมีขยะพลาสติกราว 12 ล้านตันถูกทิ้งลงสู่ทะเล โดยมีเพียง 5% เท่านั้นที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ และส่วนที่เหลือจมลงก้นทะเล เพราะพลาสติกมีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลผ่านคลื่น ลม และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ 

แล้วพลาสติกใช้เวลาย่อยสลายกี่ปี? ขยะพลาสติกบางชนิดใช้เวลาย่อยสลายถึง 450 ปี แต่ในบางชิ้นก็สลายตัวไปเป็นไมโครพลาสติกที่มีขนาดเล็ก หนาเพียง 0.3 – 5 มิลลิเมตร ปนเปื้อนในระบบนิเวศทางทะเล ส่งผลกระทบต่อเหล่าสัตว์ทะเล จนกระทั่งส่งผลต่อมนุษย์เมื่อกินสัตว์ทะเลเหล่านั้นเข้าไป

 

ผลกระทบของปัญหาขยะในทะเล

ผลกระทบของปัญหาขยะในทะเล

ปัญหาขยะในทะเลเป็นปัญหาที่ควรได้รับการตระหนักรู้ถึงผลกระทบรอบด้าน ทั้งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสังคม ดังนี้

สิ่งแวดล้อม

ขยะทะเลส่งผลกระทบอย่างมากในด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล ทั้งสัตว์และระบบนิเวศ โดยสัตว์ทะเลจำนวนมากเข้าใจผิดคิดว่าขยะพลาสติกเป็นอาหาร เมื่อกลืนเข้าไป พลาสติกจะไปรบกวนระบบทางเดินอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มตลอดเวลาและไม่ได้รับสารอาหารจริงๆ ทำให้สัตว์ขาดสารอาหารและอาจเสียชีวิตได้ ขยะพลาสติกยังเป็นอันตรายต่อสัตว์จากการถูกรัดจากเศษอวน เชือก หรือเศษพลาสติก ทำให้สัตว์ทะเลได้รับบาดเจ็บ หรือไม่สามารถเคลื่อนได้ตามปกติจนเสียชีวิตนั่นเอง ซึ่งรวมถึงส่งผลกระทบต่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ด้วยเช่นกัน

นอกจากสัตว์ทะเลที่ได้รับผลกระทบแล้ว ขยะทะเลยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ทั้งอวนและขยะพลาสติกอาจทำลายแนวปะการังได้ ไมโครพลาสติกยังส่งผลกระทบต่อสายใยอาหาร บังแสงแดดไม่ให้ส่องถึงแพลงตอนและสาหร่ายทะเล ทำให้ห่วงโซ่อาหารเสียสมดุลและลดปริมาณอาหารทะเล รวมถึงพลาสติกยังส่งผลให้เกิดมลพิษทางทะเลสะสมในตัวสัตว์ทะเลและส่งต่อไปถึงมนุษย์ผ่านการบริโภคอีกด้วย

เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ปัญหาขยะในทะเลส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทั้งการประมงและการท่องเที่ยว เนื่องจากขยะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ทำให้ระบบนิเวศไม่สมบูรณ์ ปริมาณสัตว์ลดลง และขยะอาจทำลายเครื่องมือที่ใช้ทำกิจกรรมทางทะเล ทำให้การท่องเที่ยวลดลงและส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาวประมง นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเก็บและจัดการขยะทั้งในทะเลและชายฝั่งอีกด้วย

สังคม

ผลกระทบจากปัญหาขยะทะเลด้านสังคม ทั้งความปลอดภัย สุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนบริเวณชายฝั่ง เช่น ขยะอาจทำให้คนที่เดินตามชายหาดหรือว่ายน้ำได้รับบาดเจ็บจากขยะโดยไม่รู้ตัว ทำให้ความน่าเที่ยวลดลง ส่วนไมโครพลาสติกสามารถปนเปื้อนในสัตว์ทะเลที่มนุษย์นำมาบริโภค เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น สะสมสารพิษในร่างกายโดยไม่รู้ตัว 

นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบถึงคุณภาพชีวิตของผู้คนที่อยู่อาศัยและทำมาหากินตามชายฝั่งทะเล ตัวอย่างเช่น ชาวประมงต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เต็มไปด้วยขยะ หรือประชาชนไม่สามารถใช้พื้นที่ชายหาดเพื่อพักผ่อนหรือทำกิจกรรมได้อย่างปลอดภัย

 

แนวทางแก้ปัญหาขยะทะเล คืนชีวิตด้วยมือเรา

แนวทางแก้ปัญหาขยะทะเล คืนชีวิตด้วยมือเรา

ปัญหาขยะทะเลเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ เพื่อช่วยท้องทะเล ชายฝั่ง หรือสัตว์ทะเลให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ และเป็นการแก้ปัญหามลพิษให้ดีขึ้น โดยแต่ละภาคส่วนสามารถแก้ปัญหาได้ดังนี้

ภาคประชาชน

  • ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง และเลือกใช้วัสดุทดแทนพลาสติก เช่น ถ้วย จาน หลอดกระดาษ หรือวัสดุธรรมชาติอย่างใบตอง กล่องชานอ้อย เพื่อลดการทิ้งขยะพลาสติกลงทะเล
  • สร้างจิตสำนึกที่ดีต่อท้องทะเล เช่น การแยกขยะให้เป็นนิสัย เพื่อให้ขยะได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธี และการจัดกิจกรรม CSR หรืออาสาสมัคร เพื่อสร้างจิตสำนึกรักธรรมชาติไม่ทิ้งขยะลงทะเล
  • เก็บขยะตามชายหาดและทะเล รวมถึงเก็บขยะตามแนวปะการัง ป่าชายเลน เพื่อหยุดและป้องกันขยะไหลลงทะเล
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีไมโครบีดส์ (Microbeads) เนื่องจากไมโครบีดส์ก็เป็นพลาสติกประเภทหนึ่ง ที่อาจปล่อยไมโครพลาสติกลงน้ำและทะเลได้ เช่น ไมโครบีดส์จากสครับผิว หรือยาสีฟันบางชนิด
  • รีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อยืดอายุการใช้งานของพลาสติก ลดการผลิตใหม่
  • ติดตั้งทุ่นดักขยะในคลองหรือท่อระบายน้ำ โดยใช้แหหรือตาข่ายช่วยดักจับขยะก่อนจะไหลลงสู่ทะเล
  • กำจัดขยะอย่างถูกวิธี เช่น การเผาขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเตาเผาที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม

ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ

  • ออกกฎหมายบังคับใช้ ประเทศไทยกำหนดแผนบริหารจัดการขยะ รวมถึงขยะทะเลด้วยการออกแผนปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกกฎหมายต่างๆ ทำ Roadmap การกำจัดขยะพลาสติก เพื่อลดการใช้พลาสติกและการนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้ 100% 
  • สร้างความร่วมมือ จากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ เช่น การออกแคมเปญรณรงค์ “งดใช้ถุงพลาสติก” โครงการจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนอย่าง โครงการวน (Won Project) โครงการขยะกำพร้า 
  • ผลิตนวัตกรรมเพื่อลดปริมาณขยะในทะเล โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างชุมชน สถานศึกษา และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น การจัดทำทุ่นกักขยะลอยน้ำ หรือเรือเก็บขยะ 

สรุป

ปัญหาขยะในทะเลเป็นปัญหาที่เกิดจากของเสียที่มนุษย์ทิ้งลงทะเลโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ โดยมาจากกิจกรรมบนบกและกิจกรรมในทะเล เช่น การท่องเที่ยว ประมง และการจัดการขยะแบบผิดวิธี โดยขยะทะเลที่พบบ่อยนั้นเป็นขยะพลาสติก ที่มีกระบวนการย่อยสลายนาน และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิตของผู้คน รวมถึงส่งผลต่อการท่องเที่ยวอีกด้วย 

 

การแก้ปัญหาสามารถทำได้โดยเริ่มจากประชาชนด้วยกัน เช่น ลดการใช้พลาสติก แยกขยะ เก็บขยะชายหาด สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนภาครัฐต้องสนับสนุนด้วยการออกกฎหมาย แผนงานและร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อการจัดการขยะอย่างยั่งยืน หรือร่วมสนับสนุน แก้ปัญหาขยะทะเลผ่าน Cheewid ที่พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่สังคมไทย และสามารถค้นหาองค์กรหรือมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือสังคมในทุกแง่มุม และคืนชีวิตให้ท้องทะเลกลับมาสวยงามกัน

 

References

  1. ฐานข้อมูลความรู้ทางทะเล. ขยะทะเล. mkh.in.th. Retrieved 10 June 2025. 
  2. จิตราภรณ์ ฟักโสภา. คุณภาพระบบนิเวศทะเลไทยอาจวิกฤติ หาก “ปัญหาขยะพลาสติกในทะเล” ยังไม่ถูกจัดการอย่างยั่งยืน | SDG Move. sdgmove.com. Retrieved 10 June 2025.
  3. Health & Envitech. วิธีง่าย ๆ ช่วยลดมลพิษ แก้ปัญหาขยะทะเล – HEALTH & ENVITECH. healthenvi.com. Retrieved 10 June 2025.
  4. Thairath. “ขยะพลาสติก” ในทะเล มลพิษทางสิ่งแวดล้อม ที่ไม่ควรมองข้าม. thairath.co.th. Published 24 July 2023. Retrieved 10 June 2025.
  5. Morgan Stanley. Marine Debris. education.nationalgeographic.org. Retrieved 10 June 2025.

 

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

ขยะทะเลเป็นปัญหาที่สังคมควรตระหนักถึงผลกระทบ ใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับขยะทะเล เราได้รวบรวมคำถามและคำตอบเกี่ยวกับปัญหาขยะในทะเลมาให้แล้ว

ขยะอะไรที่พบมากที่สุดในทะเลไทย?

ขยะทะเลส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ ถุงพลาสติก ถุงหูหิ้ว บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเศษเชือก แห และอวนจากกิจกรรมประมง โดยคาดว่าทุกปีมีขยะจากแหล่งบนฝั่งไหลลงสู่ทะเลประมาณ 30,000 – 50,000 ตัน

การทิ้งขยะลงทะเลส่งผลกระทบอะไรบ้าง?

ขยะทะเลส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น ปะการังเสียหาย ชายหาดสกปรก และต้นไม้ในป่าชายเลนอ่อนแอจนตาย ส่วนผลกระทบต่อมนุษย์ คือขยะเป็นแหล่งเชื้อโรคและสารพิษที่อาจกระทบต่อสุขภาพระยะยาว และทำให้สูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยว

ขยะริมชายหาดคืออะไร?

ขยะทะเล (Marine debris) คือสิ่งของหรือของเสียที่มนุษย์สร้างขึ้นและหลุดรอดลงสู่ทะเล ไม่ว่าจะตั้งใจทิ้งหรือเกิดจากความประมาท เช่น เครื่องมือประมง วัสดุจากกิจกรรมเรือ และของเสียจากกระบวนการผลิตที่ไหลลงสู่ทะเลและชายฝั่ง

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner-WASTE BUY Delivery

WASTE BUY Delivery

WASTE BUY Delivery ช่วยตอบสนองปัญหากลุ่มคนบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงจุดจำหน่ายขยะได้ เนื่องจากมีการคัดแยกแต่ไม่มีที่เก็บ และไม่ทราบสถานที่รับซื้อขยะ สนับสนุนให้เปลี่ยนขยะในบ้านให้กลายเป็นเงิน เปลี่ยนของเสียเป็นของดี เปลี่ยนรายจ่ายเป็นรายรับ เพื่อสร้างสิ่งที่ดีให้กับชุมชนและเมือง

banner-Recycle Day Thailand
logo-Recycle Day Thailand

Recycle Day Thailand

Recycle Day Thailand เป็นระบบเรียกรถจัดการขยะแบบครบวงจรที่มีคู่มือสอนการแยกขยะอย่างง่าย มีแอปพลิเคชั่นให้เรากดเรียกรถมารับขยะถึงบ้าน นอกจากนี้ยังมีจุดทิ้งขยะใกล้ๆ ให้เราไปส่ง ในแอปพลิเคชั่นจะบันทึกว่าเราแยกขยะไปแล้วเท่าไหร่ ซึ่งขยะเหล่านั้นได้พอยต์สำหรับแลกของรางวัลหรือได้เงินคืน

banner-Wake Up Waste
logo-Wake Up Waste

Wake Up Waste

Wake Up Waste คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการซื้อขายขยะรีไซเคิล และรถบีบอัดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ที่จะช่วยให้กระบวนการตั้งแต่ต้นทางไปจนสู่การรีไซเคิลครบวงจร ในแอปพลิเคชั่น Wake Up Waste ร้อมออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ และสรุปรายงานภาพรวม (Summary Report) รวมถึงสามารถสะสมคะแนนเพื่อแลกแต้มเป็นเงินหรือเป็นสินค้าได้

ฮีโร่รีไซเคิล by Green2Get

ฮีโร่รีไซเคิล by Green2Get เป็นแอปพลิเคชั่นที่ตอบโจทย์ทุกด้านของธุรกิจรีไซเคิล ตั้งแต่การเชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายวัสดุประเภทต่างๆ เข้าด้วยกัน และเชื่อมโยงกับโรงงานรีไซเคิลทุกประเภท ตั้งแต่ ซาเล้งรายย่อย จนถึง โรงงานรีไซเคิล ฮีโร่รีไซเคิล จะเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกันด้วยระบบที่สามารถกำหนดได้เอง เป็นศูนย์รวมเครื่องมือประกอบธุรกิจ