เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย 11 ไอเดียเพื่อธุรกิจ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ ช่วยให้โลกน่าอยู่

วิธีรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นมีหลากหลายรูปแบบ แต่เพื่อคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อโลกของเรามากยิ่งขึ้นผ่านมุมมองของการทำธุรกิจนั้นเป็นอย่างไรบ้าง CHEEWID จะพาทุกคนไปร่วมหาคำตอบผ่านบทความนี้กัน
รักษ์ โลก รักษ์ สิ่งแวดล้อม ด้วย 11 ไอเดียธุรกิจ สินค้า รักษ์ โลก ผลิตภัณฑ์ รักษ์ โลก ผลิตภัณฑ์ รักษ์ สิ่งแวดล้อม
Table of Contents

ในปัจจุบันโลกของเรากำลังเผชิญอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรงและรวดเร็วซึ่งผลกระทบของภาวะโลกร้อนเองก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตและมนุษย์ ตลอดจนกิจกรรมและการดำเนินธุรกิจด้วยเช่นกัน องค์กรต่างๆ จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินกิจการไปพร้อมๆ กับการรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม จะมีไอเดียอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ให้ความรู้ผ่านโซเชียล

1. ให้ความรู้ เข้าถึงง่ายผ่านโซเชียล

ปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียเข้าถึงผู้คนในสังคมได้อย่างกว้างขวางและง่ายดาย การที่คนจะสามารถเรียนรู้และตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรได้นั้นการใช้ช่องทางออนไลน์ต่างๆ จึงเป็นอีกหนึ่งที่วิธีที่จะช่วยเป็นกระบอกเสียงไปสู่คนในสังคม ซึ่งจะช่วยให้คนในสังคมได้เห็นและเข้าใจถึงวิธีการรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น 

ตัวอย่างธุรกิจ

  • ลุงซาเล็งกับขยะที่หายไป

มีแนวคิดที่ว่า “เพราะขยะเป็นเรื่องของทุกคน” จึงได้ทำเพจที่ให้ความรู้เรื่องขยะอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกขยะแต่ละประเภท นำขยะไปทิ้งอย่างไร จุดรับซื้อขยะ หรือจุดรับบริจาคของเหลือใช้จากภายในครัวเรือน เพราะนอกจากการทิ้งขยะที่ถูกวิธีจะช่วยสร้างรายได้แล้วยังทำให้เกิดการหมุนเวียนของสิ่งของและทรัพยากร ซึ่งเป็นหนึ่งวิธีรักษ์โลกที่ดีอีกด้วย

  • Kong Green Green

อีกหนึ่งครีเอเตอร์ที่สร้างคอนเทนต์เพื่อช่วยให้คนได้ตระหนักถึงการรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม ผ่านการนำเสนอวิธีการจัดการกับขยะอย่างน่าสนใจ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีการจัดการกับขยะอย่างเป็นระบบ และจากการช่วยรณรงค์การคัดแยกขยะของ “Kong GreenGreen” มีคนเข้าร่วมโครงการกว่า 2 หมื่นคน และทำให้คนในสังคมหันมาตระหนักถึงปัญหาจากขยะมากขึ้น 

รักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยสินค้าจากธรรมชาติเพื่อธรรมชาติ

2. สินค้าจากธรรมชาติ เพื่อธรรมชาติ

ผลิตภัณฑ์จำนวนมากในโลกของเราใช้วัสดุและองค์ประกอบที่มาจากสารเคมีอันตรายต่างๆ ถึงแม้ว่าในตัวผลิตภัณฑ์จะมีสารเคมีจำนวนไม่มากนัก หากแต่ว่าในอุตสาหกรรมเพื่อการผลิตการใช้สิ่งอันตรายเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อโลกเราเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการหันมาใช้ผลผลิตจากธรรมชาติเพื่อการสร้างผลิตภัณฑ์รักษ์โลก จะทำให้ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมได้สร้างคุณค่าให้แก่กันและกัน 

ตัวอย่างธุรกิจ

  • ชีวาร์ (Chewa)

ชีวาร์ (Chewa)”คือวิสาหกิจชุมชนที่ได้ผลักดันให้คนในชุมชนหันมาปลูกพืชสมุนไพร และนำผลผลิตจากพืชไปทำเป็นสินค้ารักษ์โลกต่างๆ ทั้งเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร นอกจากนี้แล้วยังส่งเสริมให้คนในชุมชนสามารถสร้างงานสร้างรายได้และได้ผลกำไรกลับคืนสู่สังคมด้วยเช่นกัน 

  • ReReef

ปัจจุบันโลกเรามีการใช้พลาสติกและสารเคมีจำนวนมากที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในธรรมชาติ “ReReef” จึงได้ศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิตและองค์กรสามารถใช้วัสดุทางเลือกที่ทำมาจากธรรมชาติมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ เช่น ครีมกันแดด เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ทั้งกลุ่มผู้ผลิตและผู้บริโภคมีการบริโภคผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยลดความอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราได้ 

สินค้ารักษ์โลก เปลี่ยนของเหลือ(ไม่)ใช้ ให้เป็นมูลค่า

3. เปลี่ยนของเหลือ(ไม่)ใช้ ให้เป็นมูลค่า

ของเหลือใช้หรือของที่ไม่เป็นที่ต้องการในอีกที่หนึ่ง อาจกลับกลายมาเป็นของที่มีคุณค่าและมีคุณประโยชน์ในอีกที่หนึ่ง ดังนั้นการเปลี่ยนของเหลือใช้และนำมาสร้างมูลค่าจะช่วยทำให้ชะลอการเกิดขึ้นของขยะ สร้างมูลค่าให้กับสิ่งของ อีกทั้งยังช่วยทำให้เกิดธุรกิจรักโลก หรือ green business ได้อีกด้วย

ตัวอย่างธุรกิจ

  • หรีดบุญ

พวงหรีดเพื่อสิ่งแวดล้อมโดย “หรีดบุญ” คือการนำสิ่งของต่างๆ มาใช้ซ้ำโดยการทำเป็นพวงหรีดเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่จะช่วยชะลอการสร้างขยะ อีกทั้งยังนำรายได้ 25 % ไปบริจาคเพื่อคืนประโยชน์สู่สังคม ดังนั้นนับได้ว่าหรีดบุญนอกจากจะเป็นหนึ่งในธุรกิจรักโลกแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะช่วยมอบความสุขและคืนผลประโยชน์ให้แก่สังคมด้วย 

  • Moreloop

หนึ่งในตลาดออนไลน์ที่ทำให้ผู้ผลิตที่มีผ้าเหลือจากโรงงานในการผลิตมาขายให้แก่ผู้ที่ต้องการนำไปใช้ โดย “Moreloop” จะเป็นส่วนกลางในการอำนวยความสะดวกและประสานระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ อีกทั้งผู้ที่ต้องการซื้อผ้าต่างๆ ก็สามารถเข้าไปเลือกชมตัวอย่างของผ้าได้ที่ออฟฟิศของ Moreloop จึงกล่าวได้เลยว่านี่คือธุรกิจรักโลกที่ได้นำของที่เหลือใช้ให้กลับมามีคุณค่าและไม่ต้องกลายไปเป็นขยะ 

รักษ์โลกผ่านการสร้างความยั่งยืนด้วยเกษตรกรรม

4. สร้างความยั่งยืนด้วยเกษตรกรรม

การเกษตรในปัจจุบันที่ผูกติดอยู่กับโลกทุนนิยมนั้นเน้นสร้างผลผลิตให้ได้จำนวนมากๆ จึงทำให้ต้องใช้สารเคมีที่อาจก่อให้เกิดความอันตรายต่อกระบวนการผลิตและการบริโภค ดังนั้นการเกษตรที่จะสร้างความยั่งยืนผ่านการใช้สารอินทรีย์จะช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวและทำให้เกิดการผลิตแบบรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่เป็นมิตรต่อทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม 

ตัวอย่างธุรกิจ

  • FARMTO 

เกษตรกรมากมายกำลังต้องเผชิญกับปัญหาจากการผลิตทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่ลดลง หนี้สินที่เพิ่มมากขึ้น การลงทุนเพื่อผลผลิตมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น หรือโดนกดราคาผลผลิตจากพ่อค้าคนกลาง ดังนั้น “FARMTO” จึงเข้ามาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว ที่จะช่วยทำให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ใช้การผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ที่จะช่วยลดความอันตรายจากการใช้สารเคมีในการผลิต นอกจากนี้แล้วยังช่วยทำให้เกษตรกรสามารถทำการค้าขายโดยตรงกับผู้บริโภคได้ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการโดนกดราคาจากคนกลางได้ 

  • EarthSafe อินทรีย์วิถีไทย

เป็นการทำการเกษตรกรรมโดยการพึ่งพาอินทรีย์และธรรมชาติในการสร้างผลผลิต ตามภูมิปัญญาการผลิตแบบไทยๆ “EarthSafe อินทรีย์วิถีไทย ช่วยทำให้ผลผลิตที่ได้ปลอดภัยจากสารเคมี อีกทั้งรูปแบบของการผลิตยังมีความยั่งยืน นอกจากนี้แล้วยังเป็นการช่วยสร้างความร่วมมือกันระหว่างเกษตรกร ตลาด และผู้บริโภค รวมไปถึงยังเป็นการผลักดันให้วิธีการผลิตเกษตรแบบวิถีไทยนี้มีความเป็นสากลที่พร้อมจะมอบความรู้ ความสุข และแบ่งปันไปสู่เกษตรกรในนานาชาติ

ต่อยอดผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยสินค้าคืนกำไรสู่ชุมชน

5. ต่อยอดผลผลิต คืนกำไรสู่สังคม

การสร้างผลผลิตโดยการคำนึงถึงผู้ผลิตและผู้บริโภคผ่านธุรกิจเพื่อสังคมต่างๆ นี้ นอกจากจะช่วยให้ผู้บริโภคมีความสุขและความมั่นใจในความปลอดภัยจากการจับจ่ายสินค้าและบริการต่างๆ แล้ว ยังช่วยทำให้ผู้คนในท้องถิ่นสามารถมีบทบาทในการผลิต มีความรู้ ทักษะและรายได้เพื่อต่อยอดผลประโยชน์ให้แก่สิ่งต่างๆ ภายในชุมชนและเพื่อการสร้างกำไรหวนคืนสู่สังคมได้เป็นอย่างดี 

ตัวอย่างธุรกิจ

  • Akha Ama Coffee 

ธุรกิจกาแฟเพื่อสังคม โดยการนำเอากาแฟที่ผลิตอย่างมีคุณภาพโดยพี่น้องชาวอาข่ามาสร้างเป็นธุรกิจกาแฟของชุมชน โดยนอกจาก “Akha Ama Coffee” จะสร้างอาชีพให้แก่พี่น้องชาวอาข่าแล้วยังช่วยให้พวกเขามีความรู้และทักษะโดยการใช้วัตถุดิบที่มีในชุมชนเพื่อการผลิตกาแฟอย่างมีคุณภาพมาผสมผสานไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างความรู้ติดตัวให้แก่พี่น้องในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ความยั่งยืนที่มาพร้อมกับยอดขาย”

  • Hempthai

เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจกัญชงในประเทศไทย โดยใช้การผลิตทางการเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี โดยผลผลิตที่ได้จะเป็นต้นกัญชงออร์แกนิกปลอดสารพิษ ซึ่งการเพาะปลูกนี้ได้ช่วยเหลือพี่น้องชาวเขาเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะพี่น้องชาวม้งให้ได้รู้จักกับการผลิตและเทคโนโลยีทางการเกษตรจากพลังสีเขียว ซึ่งผลผลิตจากกัญชงที่ได้จะถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์โลกต่างๆ เช่น สิ่งทอต่างๆ และบรรจุภัณฑ์ จึงกล่าวได้เลยว่า “Hempthai” นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความรู้ทางการเกษตรแบบสีเขียวให้แก่พี่น้องในชุมชนแล้วยังเป็นอีกหนึ่งธุรกิจรักโลกที่ช่วยต่อยอดผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างยั่งยืน

ร้านชำรักษ์โลก ลดมลพิษ รักษ์สิ่งแวดล้อม

6. ร้านชำรักษ์โลก

คนส่วนใหญ่มักจะเข้าไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันผ่านร้านของชำ หรือห้างร้านต่างๆ และแน่นอนว่าบรรจุภัณฑ์ของสินค้าต่างๆ ที่เราซื้อนั้นได้สร้างขยะจำนวนมากให้แก่โลกเรา ดังนั้นการสร้างธุรกิจที่ช่วยลดขยะและหันมารักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม ผ่านการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อธรรมชาตินี้ช่วยทำให้โลกของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น 

ตัวอย่างธุรกิจ

  • Happy Grocers

Happy Grocers เป็นตัวกลางที่จะช่วยส่งผลผลิตต่างๆ จากผู้ผลิตไปถึงมือผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคเองสามารถหาซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหารได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างอาชีพเสริมให้แก่ผู้ขับรถขนส่งสินค้าผ่านโครงการ “Grocers Truck” ที่จะช่วยขนส่งวัตถุดิบจากเกษตรกรไปถึงมือผู้บริโภคได้อย่างมีคุณภาพ 

  • ZeroMoment Refillery

ZeroMoment Refillery คือร้านขายของกินของใช้ที่คุณสามารถนำภาชนะบรรจุภัณฑ์ของคุณมาจากบ้านแล้วเข้ามา “ตัก ตวง เติม” ของกินของใช้ต่างๆ มากกว่า 200 รายการได้ ธุรกิจนี้ช่วยลดจำนวนขยะพลาสติกและยังช่วยลดต้นทุนจากบรรจุภัณฑ์ได้เช่นกัน นับได้ว่านี่คืออีกหนึ่งธุรกิจรักโลกที่จะช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของพวกเราให้ยั่งยืน

เพิ่มพื้นที่สีเขียว เปลี่ยนเป็นธุรกิจให้กำไร

7. เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ได้กำไร

จากการเกิดขึ้นของเมืองและโลกทุนนิยมที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้วิถีชีวิตและพื้นที่สีเขียวทางธรรมชาติลดน้อยลงไป การสร้างธุรกิจที่คำนึงถึงโลกและสิ่งแวดล้อมจึงเข้ามาเพื่อเติมเต็มพื้นที่สีเขียวให้กลับมาและจะช่วยทำให้ผู้คนในสังคมได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้คนมากมายหันมาสนใจในกิจกรรมที่ดำเนินการภายใต้การเป็น green business มากยิ่งขึ้น เพื่อการสร้างสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติให้กลับคืนมาสู่สังคมของเรา  

ตัวอย่างธุรกิจ

  • Bangkok Rooftop Farming (ฟาร์มบนดาดฟ้า)

ปัจจุบันกรุงเทพเป็นเมืองที่พื้นที่สีเขียวเริ่มลดน้อยลงไปทุกที “Bangkok Rooftop Farming” จึงปิ๊งไอเดียที่จะใช้ประโยชน์จากอาคารสูงเหล่านี้มาเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่เมือง โดยการเริ่มทำโมเดลธุรกิจภายใต้รูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ธุรกิจฟาร์มบนดาดฟ้า ที่จะช่วยจัดการตั้งแต่การกำจัดเศษขยะจากอาหารแปลงเป็นวัสดุปรุงดิน เพื่อนำไปต่อยอดเป็นการเพาะปลูกแบบออร์แกนิก

  • ไร่รื่นรมย์ (Rai Ruen Rom) 

ไร่รื่นรมย์ (Rai Ruen Rom) ทำให้คนและธรรมชาติกลับมาคืนดีและเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันผ่านกิจกรรมมากมายภายใต้คอนเซปต์ “กิน อยู่ รู้ นอน” ช่วยทำให้ผู้คนได้เรียนรู้วิถีชีวิตที่ติดกับธรรมชาติตั้งแต่การ Workshop ที่เกี่ยวกับการเกษตร การรับประทานอาหารออร์แกนิก และการได้พักผ่อนแบบใกล้ชิดกับธรรมชาติ และช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเพื่อกระจายไปสู่กลุ่มลูกค้าได้อย่างกว้างขวางด้วยเช่นกัน 

ธุรกิจสีเขียว Green Business ด้วยการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

8. ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

การท่องเที่ยวที่มีอยู่หลากหลายรูปแบบนั้นช่วยทำให้ผู้คนได้พบกับความผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า ซึ่งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ไม่เพียงแต่สร้างความสุขให้แก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความสุขให้แก่ผู้คนในท้องถิ่น ผู้ดำเนินธุรกิจรายย่อยประจำท้องถิ่นได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง รวมไปถึงยังเป็นการท่องเที่ยวที่จะช่วยรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมประจำท้องถิ่นยังคงดำรงอยู่ได้อย่างสวยงามควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน  

ตัวอย่างธุรกิจ

  • Local Alike (โลเคิล อไลค์) 

Local Alike (โลเคิล อไลค์) เป็นธุรกิจที่ช่วยส่งเสริมรายได้ให้แก่ท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยว โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อทำให้ผู้ที่สนใจอยากมีประสบการณ์ในการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ได้มีประสบการณ์ในการเรียนรู้ท้องถิ่นต่างๆ ตามที่ตนเองสนใจ โดยส่งเสริมทำให้คนในชุมชนเองสามารถมีรายได้ที่มั่นคง ลดการย้ายถิ่นฐานเพื่อออกไปหางานในเมืองใหญ่ และช่วยทำให้ผู้คนในสังคมได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่หลากหลายผ่านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นี้ 

  • Guide GURU

ช่วยทำให้นักท่องเที่ยวได้มีประสบการณ์ที่ดีกลับบ้าน โดยการท่องเที่ยวผ่าน “Guide Guru” จะเริ่มตั้งแต่การแนะนำวิธีการเดินทาง ไปจนถึงการท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ ในรูปแบบที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนให้ผู้คนหันมาสนใจท่องเที่ยวและเลือกบริโภคธุรกิจท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น ทำให้ทั้งผู้ท่องเที่ยวและผู้ดำเนินธุรกิจท้องถิ่นต่างมีความสุขและอิ่มเอมใจ 

จัดกิจกรรม การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ Green Business

9. จัดกิจกรรม การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ

ปัจจุบันการผสมผสานระหว่างการเรียนรู้วิถีชุมชนและการลงมือปฏิบัติ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสนใจวิธีการในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และมีความตระหนักในด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น การจัดกิจกรรมอาสาสมัครเพื่อการเรียนรู้และการลงมือปฏิบัติในสถานที่จริงๆ จะช่วยทำให้ผู้เข้าร่วมเองได้เรียนรู้และลงมือทำอย่างถูกวิธีภายใต้การดูแลของคนในชุมชนอย่างแท้จริง ช่วยเสริมสร้างให้การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น 

ตัวอย่างธุรกิจ

  • ONE FINE DAY

การท่องเที่ยวผสมผสานการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ ที่จะชวนให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้วิถีชุมชนผ่านการลงมือทำจริงๆ อีกทั้ง “ONE FINE DAY” จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะนำเสนอบุคคลที่เป็นตัวอย่างของสังคมเพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ตามวิถีชุมชน ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าร่วมได้ทั้งการมาท่องเที่ยวผ่อนคลาย ได้ความรู้พร้อมกับการนำไปใช้เพื่อการรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และชุมชนเองก็สามารถช่วยเหลือดูแลตนเองได้เช่นกัน 

  • อาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม

การที่จะสร้างให้สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติกลับมายั่งยืนอีกครั้งต้องอาศัยความตระหนักรู้ของผู้คนไปพร้อมๆ กับการปฏิบัติตามวิธีการรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ถูกต้อง “อาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม” จึงเชิญชวนให้ทุกคนมาสร้างสรรค์ประสบการณ์และความตระหนักรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การสร้างสวนป่า และป่าชุมชน เป็นต้น

นวัตกรรมรักษ์โลกอย่างยั่งยืน

10. นวัตกรรมรักษ์โลกอย่างยั่งยืน

มีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้โลกของเราต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหามลภาวะ ปัญหาโลกร้อน ปัญหาขยะ เป็นต้น ซึ่งการสร้างนวัตกรรมเพื่อการรักษ์โลกอย่างยั่งยืนจะช่วยบรรเทาให้ปัญหาเหล่านี้ลดลงไปภายใต้ความคิดรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม  อีกทั้งยังส่งผลดีต่อผู้คนมากมายจากการเกิดขึ้นของนวัตกรรมต่างๆ ด้วยเช่นกัน 

ตัวอย่างธุรกิจ

  • ยุ๊มมาฉ่า เพื่อพี่น้องชาวอาข่า (Yummacha)

สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อทำให้ไม้ไผ่ที่มีอยู่จำนวนมากในหมู่บ้านของชาวอาช่าได้รับการรักษาและยืดอายุของการใช้งาน เนื่องจากแต่เดิมชาวอาข่านิยมสร้างบ้านด้วยไม้ไผ่แต่ระยะเวลาของการคงสภาพของไม้ไผ่นั้นสั้นมากๆ จึงทำให้ “ยุ๊มมาฉ่า” เห็นโอกาสที่จะสร้างบ่อแช่น้ำยาไม้ไผ่เพื่อยืดอายุและรักษาสภาพที่ดีของไม้ไผ่เอาไว้ อีกทั้งยังส่งเสริมให้เด็กๆ ในชุมชนได้เรียนรู้ที่จะนำไม้ไผ่มาสร้างเป็นของใช้ต่างๆ หรือสถาปัตยกรรมจากไม้ไผ่ เพื่อส่งเสริมการสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชน และช่วยทำให้วัสดุที่มีอยู่มากในชุมชนถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  • Scholars of Sustenance Foundation

ปัจจุบันปัญหาขยะจากอาหารนับว่าส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมโลกอย่างมาก เนื่องจากในภาคธุรกิจอาหารมีอาหารจำนวนมากที่ยังคงมีคุณภาพแต่ถูกนำมาทิ้งทั้งๆ ที่ยังไม่ได้นำไปประกอบอาหาร “Scholars Of Sustenance Foundation” จึงจัดตั้งโครงการเพื่อเข้ามาเป็นส่วนกลางที่จะนำอาหารที่เหลือจากภาคธุรกิจอาหารไปส่งต่อให้แก่ผู้ที่ยากไร้และขาดแคลนในคุณภาพที่ยังคงทนดีอยู่ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้คนได้มีอาหารเพื่อการบริโภคแล้วยังทำให้ปัญหาขยะอาหารลดน้อยลงได้เช่นเดียวกัน 

ธุรกิจสีเขียว ช่วยขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมด้วยพลังงานสะอาด

11. ขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมด้วยพลังงานสะอาด

อีกหนึ่งการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนคือการขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้พลังงานสะอาด ที่จะช่วยทำให้การแก้ไขปัญหาที่มีอยู่อย่างมากมาย สามารถดำเนินขึ้นได้โดยไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร อีกทั้งยังช่วยต่อยอดสิ่งต่างๆ ได้ อย่างเช่นการแปลงขยะรีไซเคิลเป็นรายได้ เป็นต้น นอกจากนี้แล้วยังมีการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและยั่งยืนผ่านการสร้างจิตสำนึกรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้แก่คนในสังคม เพราะเมื่อคนมีความรู้และความตระหนักถึงปัญหาต่างๆ แล้ว ก็จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด 

ตัวอย่างธุรกิจ

  • Green Style

เป็นหนึ่งในองค์กรที่จะช่วยผลักดันให้องค์กรและธุรกิจต่างๆ รวมไปถึงบุคคล มีการคำนึงถึงผลกระทบจากการผลิตที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ โดย “Green Style” มุ่งที่จะแก้ไขปรับเปลี่ยนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน รวมไปถึงพร้อมที่จะช่วยสร้างเสริมพฤติกรรมของผู้คนให้มีการบริโภคที่ดีและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ภายใต้การให้บริการการอบรมเพื่อเรียนรู้และเข้าใจตามพื้นฐานที่ถูกต้อง 

  • Green Link

เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้บ้านเรือนแต่ละหลังสามารถกำจัดกับขยะประเภทรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย “Green Link” จะเป็นตัวกลางระหว่างบุคคลที่ต้องการทิ้งขยะหรือต้นทาง เพื่อส่งขยะรีไซเคิลไปให้แก่ผู้ที่ต้องการนั่นก็คือพี่ซาเล้ง เพื่อจะช่วยทำให้การทิ้งขยะของทุกคนสะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้น และช่วยทำให้พี่ๆ ซาเล้งสามารถนำขยะรีไซเคิลไปแปลงเป็นรายได้เช่นกัน 

 

ทำไมธุรกิจต้องหันมารักษ์โลก

กระแสการหันมารักษ์โลกกำลังเป็นที่นิยมของผู้คนในปัจจุบัน และหากธุรกิจใดที่มีภาพลักษณ์ของการรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะด้วยวิธีดั้งเดิมที่มีอยู่แล้ว หรือเป็นผู้นำเทรนด์การอนุรักษ์โลกด้วยวิธีใหม่ๆ ที่เห็นผลจริง และสร้างผลดีแก่สังคมโดยรอบได้อย่างกว้างขวาง สิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้ธุรกิจน่าสนใจและเป็นที่จับตามองมากขึ้น และสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับธุรกิจได้ เนื่องด้วยเหตุผลดังนี้ 

1. เพื่อรองรับความต้องการของเทรนด์การอุปโภคบริโภคที่เปลี่ยนไป

พฤติกรรมการบริโภคของผู้คนในปัจจุบันเป็นการบริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และมักเลือกสินค้าผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ซึ่งผู้ผลิตมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องนำแนวความคิดหรือองค์ประกอบต่างๆ มาคิดวิเคราะห์เพื่อผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค 

โดยแนวคิดหลักที่สำคัญที่ผู้ผลิตต้องคำนึงถึงคือ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ซึ่งก็คือการทำให้ผู้บริโภคใช้สินค้าได้อย่างยาวนาน และไม่ต้องซื้อสินค้าใหม่บ่อยๆ ทำได้โดยการที่ผลิตสินค้าที่คำนึงถึงประสิทธิภาพการใช้งานของวัสดุอุปกรณ์การผลิตอย่างสูงสุด เพื่อทำให้ลดพลังงานและส่วนเกินที่อาจมาจากการผลิต ในขณะที่ด้านสินค้าที่ผลิตก็จะต้องได้คุณภาพมาตรฐาน และหากสินค้าได้รับความชำรุดเสียหาย ทางผู้ผลิตก็อาจจะต้องเป็นฝ่ายช่วยดูแลซ่อมแซมสินค้า หรืออาจออกโปรโมชันที่สามารถนำสินค้าเดิมมาแลกสินค้าใหม่เพื่อลดขยะที่อาจเกิดขึ้น

การที่องค์กรหรือผู้ผลิตหลายๆ ราย มีการทำงานอย่างประสานร่วมกันก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ดีเพื่อทำให้เกิดเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้มีการแบ่งปันทรัพยากรร่วมกันได้ โดยที่ไม่ต้องไปหาแหล่งทรัพยากรใหม่ และนี่เองคือแนวทางในการผลิตเพื่อทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์โลกที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคพบว่า

  • คนช่วงอายุระหว่าง 55 – 73 ปี (ฺBaby Boomer) เป็นกลุ่มคนที่สนใจและบริโภคสินค้ารักษ์โลกมากที่สุด
  • ตามมาด้วยคนช่วงอายุ 39 – 54 ปี (Gen x) 
  • ถัดมาคือคนที่อยู่ในช่วงอายุ 23 – 38 ปี (Gen Y)
  • และสุดท้ายคือ กลุ่มผู้ที่อายุต่ำกว่า 23 ปี (Gen Z) 

ซึ่งทำให้เห็นว่า “อายุมีผลต่อความสามารถในการซื้อสินค้าและบริการ” เนื่องจากกลุ่มที่มีอายุสูงก็มีความสามารถในการสร้างรายได้ที่มากขึ้น อีกทั้งเนื่องด้วยวัยวุฒิสูงมากขึ้นอาจทำให้มีความตระหนักและมีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของตนเองมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้จากการสำรวจโดย “คันทาร์” บริษัทผู้ทำการวิจัยตลาด ร่วมกับ GfK และ Europanel  ได้นำเสนอผลสำรวจจากการศึกษาผู้บริโภคทั้ง 19 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นจำนวนกว่า 80,000 คน ไว้ว่า ภูมิภาคที่มีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากที่สุดคือทวีปยุโรปตะวันตก โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนี ที่มี Eco – actives มากที่สุด โดยคิดเป็นร้อยละ 25 ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียคิดเป็นเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น อย่างไรก็ตามจากการสำรวจโดยรวมของทุกภูมิภาคพบว่าผู้คนจำนวนมากเริ่มมีความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยกลุ่ม Eco – considerers คิดเป็นร้อยละ 39 ซึ่งนี่ถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะทำให้บริโภคมีพฤติกรรมการบริโภคที่ดีมากยิ่งขึ้นในอนาคต 

ผู้บริโภคทุกๆ ท่าน ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ เป็นผู้สนับสนุน “ธุรกิจรักโลก” ได้เช่นกัน ผ่านการหันมาบริโภคหรืออุดหนุนสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม หันมาบริโภคผลิตภัณฑ์รักษ์โลก หรือไม่ว่าจะเป็นการใช้สินค้าและบริการตามประสิทธิภาพสูงสุดของสินค้า ใช้สินค้าอย่างระมัดระวัง เพื่อทำให้อายุการใช้งานของสินค้าและผลิตภัณฑ์ยาวนานยิ่งขึ้น มีการคำนึงถึงความจำเป็นก่อนที่จะซื้อสินค้า การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสร้างความตระหนักถึงการหันมารักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมของทุกๆ คน นั้นนับได้ว่าเป็นก้าวเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ที่จะช่วยให้โลกและสิ่งแวดล้อมกลับหวนคืนความสมบูรณ์และยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้น

2. เพื่อการเพิ่มพูนสิทธิประโยชน์ของธุรกิจ

จากแนวโน้มของพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนที่มีความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น การที่บริษัทผู้ผลิตหันมาใส่ใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็จะช่วยทำให้เป็นที่สนใจและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เองก็จะทำให้เกิดผลดีในด้านอื่นๆ ต่อบริษัทตามมาเช่นกัน ดังนี้ 

  • โอกาสในการแข่งขันที่ดีและยั่งยืนกว่าคู่แข่ง เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจรักโลกยังคงมีอยู่ไม่มากนัก ในขณะกลุ่มลูกค้าที่เริ่มหันมาสนใจและมีความต้องการในผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น 
  • เปิดพื้นที่ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงจริยธรรมต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังควรทำให้ผู้บริโภคเห็นถึงความโปร่งใสในการดำเนินงานด้วยเช่นกัน 
  • ลดต้นทุนและส่วนเกินจากการผลิต ทำให้พลังงานที่ใช้ในการผลิตลดน้อยลงซึ่งจะช่วยทำให้ค่าใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากรน้อยตามลงไปเช่นกัน 
  • เสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ เนื่องด้วยแนวทางขององค์กรรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในการดึงดูดผู้คนให้หันมาสนใจแบรนด์เราเพิ่มมากขึ้น 
  • ลดหย่อนภาษี จากการช่วยเหลือสังคมผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนกว่าในทุกด้าน

กระแสการรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมในตอนนี้นับได้ว่าเป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากความแปรปรวนที่เกิดขึ้นต่อโลกและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน สภาพภูมิอากาศและมลภาวะที่แย่ลง ขยะและของเสียที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น หรือแนวโน้มของพลังงานต่างๆ ที่อาจหมดไป จึงทำให้ผู้คนเริ่มมีแนวคิดที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้การที่บริษัทผู้ผลิตหรือองค์กรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีการให้ความสำคัญต่อทรัพยากรทางธรรมชาติย่อมส่งผลดีต่อการประกอบกิจการในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการดึงดูดผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี หรือสร้างโอกาสที่ดีในการทำธุรกิจ และนอกจากนี้กระบวนการผลิตที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเองก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อทรัพยากรทางธรรมชาติของโลกเราจากการพยายามใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะทำให้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมยังคงมีเหลืออยู่ในอนาคต โดยจะทำให้สิ่งแวดล้อมได้รับการฟื้นฟูกลับมาสู่ความสมบูรณ์อย่างทันท่วงที และแน่นอนว่าจะต้องส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์ในอนาคต 

 

สรุป

เมื่อได้รู้จักกับวิธีรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมสำหรับธุรกิจเพื่อความสร้างสรรค์และความยั่งยืนไปแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่สิ่งที่ใครคนใดคนหนึ่งทำได้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสิ่งที่องค์กรต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อให้ธุรกิจได้คืนกำไรให้กับสังคม สิ่งแวดล้อม และโลก นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณดูดีในสายตาของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน โดยแต่ละธุรกิจก็สามารถนำไอเดียเหล่านี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ การเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ การผลิตสินค้าและนวัตกรรมรักษ์โลกที่ยั่งยืน รวมไปถึงการจัดอาสาสมัคร ลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม

นอกจากนี้แล้วหากคุณมีความสนใจและกำลังมองหาช่องทางที่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจรักโลก cheewid เป็นอีกหนึ่งช่องทางดีๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ที่จะช่วยทำให้คุณสามารถสนับสนุนธุรกิจรักโลกเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ เพราะเราเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรและรับรองได้เลยว่าเราจะช่วยนำเงินบริจาคหรือเงินสนับสนุนของทุกคนไปสู่องค์กรต่างๆ โดยตรงด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้

 

Reference:

  1. ActionCoach. Benefits of Going Green for Your Business. Actioncoachtampabay.com. Published on 11 January 2016. Retrieved 21 August 2023.
  2. Positioning. เจาะลึกพฤติกรรม “ผู้บริโภครักษ์โลก” เพิ่มขึ้นเป็น 20% ยังมีช่องว่างให้แบรนด์ทำตลาด.positioningmag.com. Published on 17 September 2020. Retrieved 20 August 2023.
  3. Solve. 9 Easys Tips to Make Your Business More Eco-Friendly. Solve.co.uk. Published on 7 November 2022. Retrieved 21 August 2023.
  4. กองนโยบายอุตสาหกรรมมหภาค. ธุรกิจรักษ์โลก เทรนด์ใหม่ภายใต้แนวคิดเศรษญกิจหมุนเวียน. Oie.go.th. Retrieved 21 August 2023.
  5. ไทยโพสต์.สำรวจคนรุ่นใหม่ พร้อมจ่ายซื้อสินค้ารักษ์โลก แต่ราคาต้องเข้าถึงได้. Thaipost.net.  Published on 10 January 2023. Retrieved 20 August 2023. 
  6. ธนาคารกรุงเทพ. แม้ราคาสูงขึ้นก็ยอม! เจาะลึกพฤติกรรม ‘ผู้บริโภค’ พร้อมจ่ายเพื่อสินค้ารักษ์โลก SME ปรับตัวอย่างไรไม่ตกเทรนด์. bangkokbanksme.com. Published on 27 March 2022. Retrieved 20 August 2023. 

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner - carenation
logo - carenation

Carenation

กิจกรรมเพื่อสังคม โดยคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดในการช่วยพัฒนาสังคมภายในคอนเซ็ปต์ “สังคมแห่งการให้ เพื่อช่วยให้สังคมดีขึ้นอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม”
banner - kong green green

Kong GreenGreen

คอนเทนต์ครีเอเตอร์สายกรีน ทำคลิปเนื้อหาด้านสิ่งแวดล้อม ภายในช่องจะมีตั้งแต่การจัดการขยะง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการเดินทางไปบันทึกเรื่องราวการจัดการขยะในต่างประเทศ
banner - moreloop
logo - moreloop

Moreloop

เราสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อนำผ้าค้างในสต็อกของโรงงานรับผลิตเสื้อผ้ามาวนใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตเสื้อผ้าใหม่ โดยมีเป้าหมายในการ “Make Circular Economy a Reality”