เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

รู้จักกับ พ.ร.บ. กฎหมายคุ้มครองสัตว์ กระบอกเสียงสำคัญเพื่อทุกชีวิต

CHEEWID พาสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ที่สามารถสร้างผลกระทบเพื่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปกป้องสิทธิ์ของตนเองได้
รู้จักกับ พ.ร.บ. กฎหมายคุ้มครองสัตว์ กระบอกเสียงสำคัญเพื่อทุกชีวิต
Table of Contents

ในปีพ.ศ 2563 มีจำนวนของสัตว์ป่า 2 ใน 3 สายพันธุ์ที่กลายมาเป็น สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ สาเหตุหลักๆ นั้นเกิดจากพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีความรับผิดชอบของมนุษย์ ต่อมาในปีพ.ศ 2565 สัตว์ป่ามีจำนวนลดลงสูงถึง 58% ทำให้หน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เหล่านี้ และพยายามที่จะให้การคุ้มครองทางด้านกฏหมายแก่สัตว์

 

 

นั่นจึงเป็นที่มาของพ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งเป็นพ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ที่สำคัญและมีค่าต่อสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่าตลอดจนสัตว์เลี้ยงนั้นมีผลกระทบต่อสังคมมนุษย์ และระบบนิเวศโดยตรง

พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ คืออะไร

พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ คืออะไร

พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ เป็นพระราชบัญญัติที่ใช้ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพของสัตว์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้คุ้มครองสัตว์จากการถูกทารุณกรรมด้วยน้ำมือมนุษย์ แต่กระนั้น กฏหมายนี้ก็เป็นกฏหมายที่มีไว้เพื่อปกป้องมนุษย์จากการกระทำที่เกิดจากสัตว์ด้วยเช่นกัน 

ตามกฏหมายระบุไว้ว่า หากมีการทำร้ายหรือทารุณกรรมสัตว์จะมีโทษตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ ซึ่งทางกฎหมายได้มีการกำหนดไว้ว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุผลอันควร หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยพ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์มีอำนาจที่สามารถครอบคลุมทั้งการคุ้มครองสัตว์ทั่วไป ไปจนถึงการคุ้มครองสัตว์ป่า 

 

พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ทั่วไป

ประเภทของสัตว์ทั่วไปที่ครอบคลุมในการบังคับใช้กฏหมายมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อยกเว้นให้ฆ่าได้ เช่น สัตว์ที่นำมาใช้ประกอบอาหาร แต่โดยส่วนใหญ่ สัตว์ทั่วไปที่คนนิยมเลี้ยงกัน เช่น หมา แมว มักโดนทารุณกรรมจากน้ำมือมนุษย์อยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้เกิดพ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ขึ้น โดยกฏหมายได้มีข้อกำหนด ดังนี้

พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ทั่วไป

เจ้าของสัตว์และหน้าที่ของเจ้าของสัตว์

เจ้าของสัตว์ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ผู้ที่ครอบครองสัตว์ หรือการได้รับมอบหมายให้มีการดูแล ไม่ว่าจะเป็นการได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์เพี่อให้ดูแล เจ้าของสัตว์จะต้องมีการดำเนินการจัดสวัสดิภาพให้แก่สัตว์อย่างเหมาะสมตามหลักของกฏหมายคุ้มครองสัตว์ โดยเจ้าของสัตว์ห้ามละเลย หรือกระทำการใดๆ ที่พ้นจากการดูแล และห้ามนำสัตว์ไปใช้งานการแสดง หรือการขนส่งสัตว์

การกระทำที่ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์

การทารุณกรรมสัตว์ เป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ ทำให้สัตว์ทุกข์ทรมาน ซึ่งการกระทำดังต่อไปนี้ ไม่ว่าข้อใดก็ถือเป็นการทารุณสัตว์

  • ทำร้ายสัตว์จนได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือการทำให้สัตว์ตาย
  • แสวงหาประโยชน์จากสัตว์พิการ สัตว์ที่เจ็บป่วย รวมไปถึงสัตว์ที่กำลังตั้งท้อง
  • ใช้สัตว์ในการประกอบกามกิจ
  • ใช้สัตว์ทำงานเกินเหตุ หรือใช้งานไม่เหมาะสม

การกระทำที่ไม่ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์

ตามกฏหมายคุ้มครองสัตว์ มาตรา 21 คุ้มครองและป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ โดยการกระทำดังต่อไปนี้ แม้จะเป็นการทำร้ายหรือทำให้สัตว์มีอันเป็นไปก็ถือว่าไม่เป็นการทารุณสัตว์

  • ฆ่าสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหาร โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่ใช้เป็นอาหารเท่านั้น
  • ฆ่าสัตว์ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการควบคุมฆ่าสัตว์และจัดจำหน่าย
  • ฆ่าสัตว์เพื่อควบคุมโรคระบาด
  • ฆ่าสัตว์ในกรณีที่สัตวแพทย์เห็นว่าเป็นสัตว์ที่ป่วย พิการ บาดเจ็บ และไม่สามารถเยียวยาหรือรักษาชีวิตให้อยู่รอดได้
  • ฆ่าสัตว์ตามพิธีกรรมความเชื่อทางศาสนา
  • ฆ่าสัตว์ในกรณีที่มีความจำเป็น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดแก่ชีวิตได้

โทษที่จะได้รับหากทารุณกรรมสัตว์

โทษตามกฏหมายคุ้มครองสัตว์ที่จะได้รับหากทำการทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งจะมีการเอาผิดทั้งเจ้าของสัตว์ที่ไม่ทำหน้าที่ตามที่ของตนเอง รวมไปถึงคนที่มีการทารุณกรรมสัตว์ด้วยเหตุไม่ควร ดังนี้ 

  • มาตรา 31 ผู้ใดที่มีการฝ่าฝืนตามมาตรา 20 ต้องระวางโทษไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • มาตรา 32 เจ้าของสัตว์ที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่รัฐกำหนดตามมาตรา 22 มาตรา 23 และมาตรา 24 ต้องระวางโทษไม่เกิน 40,000 บาท
  • มาตรา 34 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 28 ต้องระวางโทษไม่เกิน 20,000 บาท

 

พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ป่า

สัตว์ป่า หมายถึงสัตว์ป่าทุกชนิด นอกจากสัตว์ป่าทั่วไปแล้ว ยังมีสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ และผู้ใดที่พยายามล่าสัตว์เหล่านี้เพื่อหาผลประโยชน์ จะต้องได้รับโทษตามที่พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าได้กำหนดเอาไว้

พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ป่า

  • สัตว์ป่าสงวน เป็นสัตว์ที่หายากตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ ได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร กระซู่ แรด กูปรี ควายป่า ละมั่ง สมัน เลียงผา นกแต้วแร้วท้องดำ กวางผา นกกระเรียน สมเสร็จ แมวลายหินอ่อน พะยูน และเก้งหม้อ เป็นต้น
  • สัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นสัตว์ป่าที่กระทรวงกฎหมายกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เช่น ชะนี ช้างป่า ไก่ฟ้า นกขุนทอง เสือดาว หมีดำ และเสือโคร่ง เป็นต้น 

ข้อห้ามเกี่ยวกับสัตว์ป่า

พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ามีข้อห้ามเกี่ยวกับสัตว์ป่าที่รับความคุ้มครองตามที่กำหนดเอาไว้ ตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้

  • ห้ามล่าสัตว์ป่า ห้ามไม่ให้ล่าสัตว์ป่าสงวน เว้นแต่เป็นการกระทำทางราชการเพื่อประโยชน์ในการสำรวจ การศึกษา การวิจัย และการคุ้มครองสัตว์ป่า 
  • ห้ามเพาะพันธุ์สัตว์ป่า ห้ามไม่ให้ทำการเพาะพันธุ์สัตว์ป่าสงวนและสัตว์คุ้มครอง เว้นแต่เป็นการเพาะพันธุ์ชนิดที่ได้รับการอนุญาตจากอธิการบดี หรือการอนุญาตในกิจการสาธารณะ
  • ห้ามครองสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่า เว้นแต่จะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดให้เพาะพันธุ์ตามกฎหมาย และต้องได้รับการอนุญาตจากอธิการบดี 
  • ห้ามค้าสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่า รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากสัตว์ เว้นแต่เป็นการค้าสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์ และต้องได้รับการอนุญาตจากอธิการบดี

โทษที่จะได้รับหากฝ่าฝืนข้อห้าม

ผู้ใดที่มีการฝ่าฝืนข้อห้ามก็จะได้รับโทษตามที่กฎหมายหรือพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ากำหนดเอาไว้ ดังนี้

  • หากล่า ครอบครอง และค้าสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่า ต้องจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • หากเพาะพันธุ์สัตว์ป่า นำเข้า หรือส่งออกสัตว์ป่าสงวน รวมถึงการจัดตั้งกิจการสวนสัตว์สาธารณะที่ไม่ได้รับอนุญาต ต้องจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • หากมีสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตไว้ในครอบครอง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • หากค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

สถิติของสัตว์ที่ถูกทำร้าย

สถิติของสัตว์ที่ถูกทำร้าย

สัตว์ที่ถูกทำร้าย มักจะเป็นสัตว์ที่มีผลทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น สัตว์เศรษฐกิจ สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า และสัตว์ทดลอง โดยส่วนใหญ่สัตว์จะถูกทำร้ายโดยการใช้แรงงาน การทารุณกรรมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ แม้จะผิดกฏหมายคุ้มครองสัตว์ แต่ก็ยังคงพบสัตว์ที่ถูกทำร้ายอยู่บ่อยครั้งในปัจจุบัน

สัตว์เศรษฐกิจ

สัตว์เศรษฐกิจ เป็นสัตว์ที่มนุษย์นำมาเลี้ยงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ มักถูกทำร้ายโดยการเลี้ยงในกรงแคบ มีวิธีการเลี้ยงดู และอุปกรณ์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และพบการใช้สารเคมีเร่งเนื้อที่มีความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ รวมถึงการเชือดและชำแหละที่ไม่ถูกหลักทางวิชาการ อุปกรณ์ไม่พร้อม และสถานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ

สัตว์เลี้ยง

สัตว์เลี้ยงมักถูกทำร้ายโดยการถูกทอดทิ้งให้กลายเป็นสัตว์จรจัด ถูกทำให้เป็นสินค้า รวมถึงการทำร้ายร่างกายและจิตใจ แม้ว่าจะมีการแก้ ปัญหาสัตว์จรจัด รวมถึงปัญหาอื่นๆ แล้วส่วนหนึ่ง แต่ปัจจุบันก็ยังมีการทารุณสัตว์เลี้ยงด้วยการขาดจิตสำนึก และการขาดความรับผิดชอบของเจ้าของ หลังจากมีพ.ร.บ.คุ้มครองแมวและกฏหมายคุ้มครองหมา ปัญหาเหล่านี้จึงเริ่มทุเลาลง เพราะโดยส่วนใหญ่คนมักจะนิยมเลี้ยงหมาและแมว การเรียกร้องจึงมีพลัง จนทำให้เกิดกฏหมายคุ้มครองสัตว์ดังที่เห็นได้ในปัจจุบัน

สัตว์ป่า

สัตว์ป่ามักถูกทำร้ายโดยการนำออกมาจากป่า การกักขังในที่แคบ การใช้งาน การดูแลที่ไม่ถูกสุขลักษณะ การนำสัตว์ป่ามาแล้วนำไปปล่อยในป่า ทั้งที่สูญสิ้นสัญชาตญาณของสัตว์ป่าไปแล้ว ทำให้สัตว์ป่าเหล่านั้นไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข ตัวอย่างการทารุณกรรมที่เห็นได้ชัด เช่น การนำสัตว์ป่าทั่วไป หรือสัตว์ป่าหายากมาขังในกรงแคบๆ เพื่อจัดการแสดง และสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยว

สัตว์ทดลอง

สัตว์ทดลอง คือสัตว์ที่นำมาเพาะเลี้ยง หรือสัตว์ที่นำมาทดลองทางวิทยาศาสตร์ เมื่อสัตว์เหล่านั้นหมดประโยชน์จึงมีการกักขังเอาไว้ โดยส่วนใหญ่ถูกทำร้ายจากการขาดการดูแลทั้งก่อนและหลังทำการทดลอง และไม่มีการคำนึงถึงความพร้อมของสัตว์ในระหว่างการทดลอง รวมไปถึงการทอดทิ้งสัตว์ให้เป็นภาระหลังทดลอง ทำให้สัตว์ทดลองเหล่านี้ถูกใช้งานอย่างหนักและอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตไปในที่สุด

ผลกระทบของการทารุณกรรมสัตว์

ผลกระทบของการทารุณกรรมสัตว์

ผลกระทบของการทารุณกรรมสัตว์จะส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์ที่ถูกทารุณ และต่อคนที่ทารุณสัตว์ เพราะมีความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ รวมไปถึงผลกระทบที่มีต่อครอบครัวและสังคมอีกด้วย 

  • ผลกระทบต่อสัตว์ที่ถูกทารุณกรรม

สัตว์ที่ถูกทารุณกรรมไม่ว่าจะในรูปแบบใด มักได้รับผลกระทบทั้งในด้านร่างกายและจิตใจเสมอ โดยทางด้านร่างกายจะพบว่าสัตว์มีบาดแผล และร่องรอยการถูกทำร้าย นอกจากนี้ ทางด้านจิตใจของสัตว์ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เช่น เกิดความเจ็บปวด ความวิตกกังวล และความหวาดระแวง ที่ทำให้สัตว์เกิดความเครียด และอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตไปในที่สุด

  • ผลกระทบต่อคนที่ทารุณกรรมสัตว์

คนที่มีการทารุณกรรมสัตว์ จะได้รับโทษความผิดตามกฏหมายคุ้มครองสัตว์ นอกจากนี้ การกระทำที่มีการทารุณกรรมสัตว์อาจส่งผลต่อการสร้างนิสัยที่ก้าวร้าวและรุนแรงได้ อีกทั้งยังเป็นพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม และที่สำคัญบุคคลที่มีพฤติกรรมในการทารุณกรรมสัตว์ซ้ำๆ อาจส่งผลให้คนผู้นั้นมีอาการป่วยทางจิตใจได้ รวมถึงอาจทำให้มีแรงจูงใจในการทำร้ายคนด้วยกันได้ 

  • ผลกระทบต่อครอบครัวและสังคม

ผลกระทบจากบุคคลที่มีพฤติกรรมทารุณกรรมสัตว์ ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อสัตว์เพียงอย่างเดียว แต่จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวได้  ซึ่งอาจเกิดพฤติกรรมที่มีการทำร้ายคนในครอบครัว อีกทั้ง เมื่อผู้กระทำความผิดได้รับโทษตามกฏหมายคุ้มครองสัตว์ อาจทำให้ครอบครัวเกิดความกังวลใจ และนอกจากนี้ อาจส่งผลกระทบแก่สังคมได้เช่นกัน เนื่องจากอาจเกิดพฤติกรรมก่อกวน ทำให้สังคมไม่น่าอยู่ เกิดความวุ่นวายขึ้น หากมีการใช้ยาเสพติดร่วมด้วย อาจก่อให้เกิดปัญหารุนแรงไปจนถึงก่ออาชญากรรมได้ เพราะคนที่มีพฤติกรรมชอบทารุณกรรมสัตว์มักจะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวมากกว่าคนทั่วไป

 สรุป

พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์นั้น มีไว้เพื่อคุ้มครองทั้งสัตว์ทั่วไปและสัตว์ป่า ถ้าหากไม่มีกฎหมายนี้ขึ้นมา อาจทำให้มีการทารุณกรรมสัตว์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์ คนรอบข้าง ครอบครัว และสังคมได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีกฎหมายคุมครองสัตว์รองรับ แต่ก็ยังมีสถิติการทารุณกรรมสัตว์หลากหลายประเภทให้เห็น 

สำหรับบุคคลใดที่ต้องการช่วยเหลือสัตว์ที่ได้ผลกระทบจากการทารุณกรรม CHEEWID มีวิธีง่ายๆ ที่ทุกท่านสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยการร่วมทุนบริจาคให้กับองค์กรหรือมูลนิธิต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการช่วยเหลือสัตว์ที่ถูกทำร้ายหรือถูกทารุณกรรม โดยสามารถบริจาคได้กับทางมูลนิธิต่อไปนี้ มูลนิธิอนุรักษ์โคกระบือไทยและให้ชีวิตใหม่แก่สัตว์ถูกทอดทิ้ง มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์  หรือ มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย เป็นต้น

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner - soi dog foundation
logo - soi dog foundation

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation)

ด้วยการสนับสนุนของคุณ เราจึงสามารถให้ความช่วยเหลือและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตสัตว์จรจัด โดยการสนับสนุนศูนย์พักพิงอื่นทั่วไทย
banner - thevoicefoundation
logo - the voice foundation

THEVOICEFOUNDATION

ตัวแทนเสียงของสรรพสัตว์ที่ไม่สามารถส่งเสียงเพื่อตัวเองได้แม้ในวันที่เจ็บปวด หากคุณเพียงเปิดใจรับฟัง”เสียงจากเรา”