เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

อนุรักษ์เต่าทะเลใกล้สูญพันธุ์ ปกป้องสมบัติล้ำค่าแห่งท้องทะเลไทย

บทความนี้ CHEEWID จะพาทุกคนมารู้จักทะเลไทยไม่ใช่แค่สวย แต่ยังเป็นบ้านของเต่าทะเล มาร่วมอนุรักษ์เต่าทะเลที่กำลังเผชิญวิกฤต ให้สัตว์ทะเลผู้ยิ่งใหญ่คงอยู่คู่ท้องทะเลไทยของเราไปอีกนานแสนนานกัน!
อนุรักษ์เต่าทะเลใกล้สูญพันธุ์ ปกป้องสมบัติล้ำค่าแห่งท้องทะเลไทย
Table of Contents

Key Takeaway

  • ประเทศไทยมีเต่าทะเลกี่ชนิด? มีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า เต่าหัวค้อน และเต่ามะเฟือง ซึ่งแต่ละชนิดต่างมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล
  • เต่าทะเลช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ เช่น เต่าตนุช่วยควบคุมหญ้าทะเล เต่ากระควบคุมฟองน้ำทะเล และเต่ามะเฟืองช่วยลดจำนวนแมงกะพรุน ทำให้ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารในทะเลมีความสมบูรณ์
  • เต่าทะเลในประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการสูญเสียถิ่นที่อยู่ การติดเครื่องมือประมง การล่าและเก็บไข่ รวมถึงขยะทะเลและมลพิษ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้จำนวนเต่าทะเลลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • แนวทางการอนุรักษ์เต่าทะเล ได้แก่ การปกป้องพื้นที่วางไข่ ลดการจับโดยบังเอิญจากเครื่องมือประมง การรณรงค์ลดขยะพลาสติกในทะเล และการให้ความรู้กับชุมชนเพื่อสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์

 

ท่ามกลางท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เต่าทะเลเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลมาก ไม่เพียงช่วยควบคุมประชากรแมงกะพรุนและรักษาสมดุลของห่วงโซ่อาหาร แต่ยังเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของทะเลและเป็นแรงดึงดูดสำคัญทางการท่องเที่ยว 

ปัจจุบันเต่าทะเลกำลังเผชิญกับภัยคุกคามรอบด้าน ทั้งจากกิจกรรมของมนุษย์ การสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย การลักลอบจับและการทิ้งขยะลงสู่ทะเล ส่งผลให้เต่าทะเลในประเทศไทยตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ การอนุรักษ์เต่าทะเลจึงไม่ใช่เพียงภารกิจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพราะทะเลไทยไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังเป็นบ้านของเต่าทะเล มาร่วมรักษ์โลกด้วยการอนุรักษ์เต่าทะเลที่กำลังเผชิญวิกฤต ให้สัตว์ทะเลผู้ยิ่งใหญ่คงอยู่คู่ท้องทะเลไทยของเราไปอีกนานแสนนานกัน!

 ทำความรู้จัก เต่าทะเลไทยมีกี่ชนิด?

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อนว่าเต่าทะเลไทยมีกี่ชนิด สายพันธุ์เต่าในไทยมีอะไรบ้าง มีลักษณะแบบไหน แล้วพบได้บริเวณไหน?

เต่ามะเฟือง (Leatherback turtle)

 1. เต่ามะเฟือง (Leatherback turtle)

เต่ามะเฟือง (Leatherback turtle) ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเล เต่ามะเฟืองเป็นเต่าทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีขนาดลำตัวยาวได้กว่า 2 เมตร จุดเด่นคือผิวหนังที่หนาแทนกระดอง และมีสันนูนคล้ายลูกฟูกพาดตามความยาวหลัง เต่ามะเฟืองกินแมงกะพรุนเป็นอาหารหลัก และสามารถกินได้มากถึง 200 กิโลกรัมต่อวัน 

พบเห็นได้ทั่วไปในทะเลเปิดและจะอพยพข้ามมหาสมุทรเพื่อหาอาหารและผสมพันธุ์ น่าเสียดายที่เต่ามะเฟืองกำลังตกอยู่ในสถานะวิกฤตสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ จากการติดอวนประมงโดยไม่ได้ตั้งใจ และการเข้าใจผิดคิดว่าถุงพลาสติกเป็นอาหาร

เต่าตนุ (Green turtle)

 2. เต่าตนุ (Green turtle)

สายพันธุ์เต่าในไทยอีกสายพันธุ์คือ เต่าตนุ (Green turtle) ผู้พิทักษ์หญ้าทะเลใกล้สูญพันธุ์ มีกระดองสีเขียวอมน้ำตาลอันเป็นเอกลักษณ์ เต่าตนุเป็นนักกินพืชตัวยง โดยเฉพาะหญ้าทะเล ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตของหญ้าทะเลไม่ให้หนาแน่นจนเกินไป เต่าทะเลชนิดนี้พบได้บ่อยในทะเลเขตร้อน รวมถึงบริเวณหมู่เกาะของประเทศไทย เช่น หมู่เกาะเสม็ดและสิมิลัน 

น่าเศร้าที่เต่าตนุถูกคุกคามอย่างหนักจากการทำลายแหล่งทำรังและการติดอวนประมง ทำให้ปัจจุบันถูกจัดเป็นสัตว์ “ใกล้สูญพันธุ์” ที่ต้องการการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน

เต่ากระ (Hawksbill turtle)

 3. เต่ากระ (Hawksbill turtle)

เต่ากระ (Hawksbill turtle) ผู้พิทักษ์ปะการังผู้งดงาม เต่ากระเป็นสัตว์ทะเลที่มีความโดดเด่นด้วยลวดลายสวยงามบนกระดอง และมีปากแหลมคล้ายจะงอยปากนกอันเป็นเอกลักษณ์ มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศแนวปะการัง โดยกินฟองน้ำทะเลเป็นอาหารหลัก ช่วยควบคุมไม่ให้ฟองน้ำขยายพันธุ์จนไปแย่งพื้นที่ของปะการัง

เป็นสายพันธุ์เต่าในไทยที่สามารถพบได้ตามแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ในทะเลไทย โดยเฉพาะที่หมู่เกาะสุรินทร์ น่าเสียดายที่เต่ากระกำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติขั้นสูงสุด เนื่องจากการถูกล่าเพื่อนำกระดองไปทำเครื่องประดับอย่างต่อเนื่อง ทำให้ “เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์” อย่างมาก

เต่าหญ้าหรือเต่าหัวค้อน (Loggerhead turtle)

 4. เต่าหญ้าหรือเต่าหัวค้อน (Loggerhead turtle)

เต่าหญ้าหรือเต่าหัวค้อน (Loggerhead turtle) ผู้ล่าแห่งท้องทะเลใกล้สูญพันธุ์ เต่าหญ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ เต่าหัวค้อนเป็นเต่าทะเลขนาดใหญ่ที่มีหัวใหญ่และกรามที่แข็งแรงเป็นพิเศษ ทำให้เป็นนักล่าที่เชี่ยวชาญในการกินสัตว์มีเปลือก เช่น หอยและปู 

แม้จะพบเห็นได้น้อยในน่านน้ำไทย แต่เต่าชนิดนี้มักอาศัยอยู่ในทะเลเขตอบอุ่นทั่วโลก โดยมักจะขึ้นมาสร้างรังบนชายหาดทรายเปิดโล่งเพื่อวางไข่ น่าเสียดายที่เต่าหญ้ากำลังเผชิญกับการคุกคามอย่างหนักจากขยะทะเลและเครื่องมือประมงประเภทอวนลอย ส่งผลให้ถูกจัดอยู่ในสถานะ “ใกล้สูญพันธุ์” และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในการอนุรักษ์

เต่าแสมดำหรือเต่าริดลีย์ (Olive Ridley turtle)

 5. เต่าแสมดำหรือเต่าริดลีย์ (Olive Ridley turtle)

เต่าริดลีย์ (Olive Ridley turtle) ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเลไทย เต่าริดลีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อเต่าแสมดำ เป็นเต่าทะเลที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาเต่าทะเลทั้งหมด ด้วยกระดองสีเทาอมเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ มักจะขึ้นมาวางไข่เป็นกลุ่มใหญ่ ที่เรียกว่า “Arribada” บริเวณชายฝั่งอันดามันและอ่าวไทยของประเทศไทย 

อาหารหลักคือกุ้งและปู ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล อย่างไรก็ตาม เต่าริดลีย์กำลังเผชิญกับภัยคุกคามอย่างหนักจากการรบกวนของนักท่องเที่ยวในแหล่งวางไข่ ส่งผลให้ปัจจุบันมีสถานะเป็นสัตว์ที่ “เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์”

 ทำไมเต่าทะเลถึงสำคัญต่อระบบนิเวศ?

เต่าทะเลไม่ใช่แค่สัตว์ทะเลน่ารักๆ ที่หลายคนชื่นชอบ แต่คือนักรบผู้พิทักษ์ความสมบูรณ์ของท้องทะเลอย่างแท้จริง เช่น เต่ามะเฟืองที่ช่วยควบคุมประชากรแมงกะพรุนไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันผลกระทบลูกโซ่ต่อสัตว์ทะเลอื่นๆ ขณะที่เต่าตนุจอมแทะเล็มทำหน้าที่เหมือนชาวสวนใต้ทะเล ด้วยการเล็มหญ้าทะเลให้เติบโตแข็งแรง ทำให้ทุ่งหญ้าทะเลกลายเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนที่อุดมสมบูรณ์ 

ส่วนเต่ากระก็ไม่น้อยหน้า เพราะช่วยกำจัดฟองน้ำทะเลที่อาจไปรุกรานพื้นที่ของปะการังอันเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น การที่แม่เต่าขึ้นมาวางไข่บนชายหาดก็เป็นการเติมสารอาหารให้ผืนทรายอีกด้วย ทำให้พืชและสัตว์ชายฝั่งเจริญเติบโตได้ดี ด้วยบทบาทที่หลากหลายนี้เอง เต่าทะเลจึงเป็นเหมือนเครื่องชี้วัดสุขภาพของทั้งทะเลและชายหาด ถ้ามีเต่าทะเลมาก นั่นหมายถึงระบบนิเวศของเรายังคงสมบูรณ์แข็งแรงนั่นเอง

ปัญหาที่เต่าทะเลในประเทศไทยกำลังเผชิญ

 ปัญหาที่เต่าทะเลในประเทศไทยกำลังเผชิญ

ปัจจุบัน เต่าทะเลในประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาหลายด้านที่คุกคามต่อการอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงภัยคุกคามโดยตรงจากการล่าและการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลให้จำนวนประชากรเต่าทะเลลดลงอย่างต่อเนื่อง และหากไม่มีมาตรการอนุรักษ์เต่าทะเลอย่างจริงจัง อาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ของเต่าทะเลในอนาคต

 ขยะทะเลและพลาสติก

วิกฤตขยะพลาสติกและปัญหามลพิษทางทะเล เป็นภัยคุกคามชีวิตเต่าทะเล และกำลังเป็นหายนะใหญ่หลวงต่อท้องทะเลและสิ่งมีชีวิตใต้ผืนน้ำ ปัญหาหลักเกิดจากการทิ้งขยะลงสู่ทะเลอย่างไร้ความรับผิดชอบ และหนึ่งในเหยื่อที่น่าสงสารที่สุดคือเต่าทะเล เต่าทะเลมักเข้าใจผิดว่าถุงพลาสติกที่ลอยอยู่ในน้ำคือแมงกะพรุน ที่เป็นอาหารโปรดของเต่าทะเล เมื่อกินพลาสติกเข้าไป พลาสติกเหล่านั้นจะเข้าไปอุดตันในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เต่าป่วย อ่อนแอ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

นอกจากอันตรายจากการกินพลาสติกแล้ว ขยะเหล่านี้ยังก่อให้เกิดมลภาวะและทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของเต่าทะเลอีกด้วย หากเราไม่ลงมือแก้ไข ปัญหาขยะทะเลจะยังคงเป็นเงาตามติดชีวิตสัตว์ทะเลที่น่ารักเหล่านี้ไปอีกนานเท่านาน

 การสูญเสียพื้นที่วางไข่

ผลกระทบต่อเต่าทะเลไทยจากการพัฒนาชายฝั่ง โดยการพัฒนาและก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบริเวณชายหาด ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ตหรือถนน ล้วนส่งผลกระทบทำให้เต่าทะเลสูญเสียแหล่งวางไข่ การก่อสร้างต่างๆ ได้รุกรานพื้นที่ชายหาดตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งวางไข่สำคัญของเต่าทะเล เมื่อเต่าทะเลมีพื้นที่วางไข่น้อยลง โอกาสที่ไข่จะฟักเป็นตัวและลูกเต่าจะรอดชีวิตจนลงสู่ทะเลได้สำเร็จก็ลดน้อยลงมาก

แสงไฟจากรีสอร์ตและถนนริมชายหาดยังเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่รบกวนพฤติกรรมการวางไข่ของแม่เต่า และที่สำคัญกว่านั้นคือ ทำให้ลูกเต่าที่เพิ่งฟักออกจากไข่เกิดความสับสนทิศทาง ไม่สามารถหาทางลงสู่ทะเลได้จนเป็นอันตรายถึงชีวิต การรบกวนและทำลายแหล่งวางไข่ตามธรรมชาติจึงทำให้ประชากรเต่าทะเลลดลงอย่างน่าเป็นห่วง และอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลในระยะยาวได้

 การจับเต่าและเก็บไข่ไปบริโภค

การจับเต่าทะเลคือภัยคุกคามที่ต้องหยุดยั้ง เป็นเรื่องน่าเศร้าที่การจับเต่าทะเลและเก็บไข่เพื่อบริโภคหรือค้าขายยังคงมีให้เห็นในบางพื้นที่ แม้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายคุ้มครองสัตว์อย่างชัดเจน การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงลดจำนวนเต่าทะเลลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังส่งผลกระทบต่อวัฏจักรชีวิตของเต่าทะเลโดยตรง โดยเฉพาะการเก็บไข่เต่า ทำให้ลูกเต่าเกิดใหม่น้อยลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการอยู่รอดของเต่าทะเลในระยะยาว

 ติดเครื่องมือประมง

ในปัจจุบัน เต่าทะเลไทยต้องเผชิญกับภัยร้ายเมื่อติดกับดักหรืออวนประมงขณะออกหาอาหาร จนไม่สามารถขึ้นมาหายใจได้และมักจมน้ำตายอย่างน่าเศร้า การทำประมงที่ไร้การควบคุมยังทำลายแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของเต่าทะเล ทำให้ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ปัญหานี้เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่คร่าชีวิตเต่าทะเลเป็นจำนวนมากในแต่ละปีและเป็นภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพในมหาสมุทรของเราอีกด้วย

แนวทางการอนุรักษ์เต่าทะเล ที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้!

แนวทางการอนุรักษ์เต่าทะเล ที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้!

การอนุรักษ์เต่าทะเลไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ในชีวิตประจำวัน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถช่วยลดภัยคุกคามและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับเต่าทะเลได้อย่างมาก มาเริ่มต้นดูแลท้องทะเลและสิ่งมีชีวิตที่สำคัญนี้ไปพร้อมกัน ด้วยแนวทางที่ทุกคนทำได้จริง ดังนี้

 ไม่ทิ้งขยะลงทะเล 

ช่วยเต่าทะเลให้รอดปลอดภัย แค่ไม่ทิ้งขยะลงทะเล! รู้ไหมว่าการไม่ทิ้งขยะ โดยเฉพาะขยะพลาสติกลงทะเล เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยชีวิตเต่าทะเลได้? เต่าทะเลมักเข้าใจผิดว่าถุงพลาสติกคือแมงกะพรุน เมื่อกินเข้าไปก็เป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย การลดขยะพลาสติกจึงช่วยป้องกันการบาดเจ็บและตายของเต่าทะเลโดยตรง แถมยังช่วยให้ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งของเราสะอาดสวยงามและยั่งยืนอีกด้วย แค่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ก็สร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้แล้ว!

 งดรบกวนพื้นที่วางไข่ของเต่า

ช่วยเต่าทะเลวางไข่ ฤดูสำคัญที่คุณทำได้! ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงพฤษภาคมคือฤดูวางไข่ของเต่าทะเล โดยเฉพาะตามชายหาดทางภาคใต้ การช่วยเหลือเต่าเป็นเรื่องง่ายๆ แค่งดเดินเหยียบหรือขุดทรายใกล้รัง ลดเสียงดังและเลี่ยงใช้แสงไฟจ้าบนชายหาด การกระทำเล็กๆ เหล่านี้จะช่วยให้แม่เต่าขึ้นมาวางไข่ได้อย่างปลอดภัย และลูกเต่าฟักตัวได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสรอดของเต่าทะเลในธรรมชาติอย่างยั่งยืน

 สนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์เต่าทะเล

การอนุรักษ์เต่าทะเลไทยเป็นเรื่องที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ คุณสามารถเริ่มต้นจากการเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยลูกเต่าทะเล หรือสนับสนุนองค์กรที่ทำงานด้านนี้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือ หรือศูนย์ฯ ในจังหวัดต่างๆ เช่น ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลในจังหวัดพังงาและชลบุรี

การบริจาคหรือเป็นอาสาสมัคร ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความรู้และสนับสนุนงานวิจัยเท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูประชากรเต่าทะเล และสร้างเครือข่ายการอนุรักษ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อให้เต่าทะเลยังคงอยู่คู่ท้องทะเลไทยของเราตลอดไป

 เฝ้าระวังกรณีเต่าทะเลถูกคุกคาม

ปกป้องเต่าทะเลไทย พบเห็นภัยคุกคาม รีบแจ้ง! เพราะเต่าทะเลกำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามมากมาย หากคุณพบเห็นเต่าทะเลบาดเจ็บ ติดอวน หรือถูกล่า อย่าลังเลที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที การแจ้งเหตุอย่างรวดเร็วไปยังกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) หรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล จะช่วยให้เต่าเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที และลดการสูญเสียที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ลงได้ การเฝ้าระวังของคุณคือหัวใจสำคัญในการปกป้องชีวิตอันเปราะบางเหล่านี้!

สรุป

การอนุรักษ์เต่าทะเลเป็นภารกิจที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ นักวิจัย ชุมชนท้องถิ่น และประชาชนทั่วไป แนวทางสำคัญ ได้แก่ การวิจัยและฟื้นฟูประชากรเต่าทะเล การป้องกันการประมงที่ผิดกฎหมาย การรณรงค์ลดขยะทะเล และการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สังคม เต่าทะเลมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศและเศรษฐกิจ หากปล่อยให้สูญพันธุ์จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ในระยะยาว 

ดังนั้น การอนุรักษ์เต่าทะเลไทยจึงเป็นหน้าที่ร่วมกันของเราทุกคน เพื่อให้ท้องทะเลยังคงอุดมสมบูรณ์และมีชีวิตชีวาต่อไป มาร่วมสนับสนุนและอนุรักษ์เต่าทะเลกันได้ที่ Cheewid ที่พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคมไทย เป็นศูนย์กลางที่คอยเชื่อมโยงผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงกับผู้สนับสนุน พร้อมขับเคลื่อนผลกระทบทางสังคมและเสริมสร้างพลังให้กับองค์กร

 

References

  1. NGThai. เต่าทะเล 5 สายพันธุ์ ที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำไทย. ngthai.com. Published 5 February 2019. Retrieved 30 May 2025. 
  2. ศูนย์องค์ความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “เต่าทะเล” ในโลกมี 8 ชนิด พบในประเทศไทย 5 ชนิด. hub.mnre.go.th. Published 20 September 2023. Retrieved 30 May 2025. 
  3. Black Turtle Dive. ทำไมเต่าทะเลถึงสำคัญและทำให้มหาสมุทรอุดมสมบูรณ์. blackturtledive.com. Retrieved 30 May 2025. 

 

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

world animal protection - banner
logo - world animal protection

World Animal Protection

เราส่งเสริมการแก้ไขปัญหาสวัสดิภาพสัตว์ระดับโลก ร่วมสนับสนุนงานรณรงค์ และบริจาคให้กับมูลนิธิพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (ประเทศไทย) เพื่อยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ และยุติการทารุณกรรมสัตว์ในประเทศไทยให้หมดไป

logo - warf

มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย

​​รณรงค์ ต่อต้าน ป้องกันการล่าและทารุณสัตว์ป่า ช่วยเหลือสัตว์ป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ป่าที่พิการหรือถูกทารุณ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ให้กลับมามีชีวิตใกล้เคียงกับธรรมชาติ
banner - siam marrine
logo - siam marine

มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม

อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สร้างความยั่งยืนในการพัฒนาพื้นที่เกาะทะลุและอ่าวบางสะพาน ให้เป็นแหล่งศึกษา เรียนรู้ ฟื้นฟู ดูแล เพื่อสร้างจิตสํานึกให้กับชุมชน