เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

ปัญหามลพิษทางทะเล วิกฤตสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด

บทความนี้ CHEEWID จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับ ปัญหามลพิษทางทะเลส่งผลร้ายแรงกับหลายชีวิต สาเหตุปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลมีอะไรบ้าง ส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน มีแนวทางการแก้ไขและป้องกันอย่างไร ไปดูกัน!
ปัญหามลพิษทางทะเล วิกฤตสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด
Table of Contents

 

Key Takeaway

  • ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลมีมากมาย เช่น ปัญหาปิโตรเลียมรั่วไหล ปัญหาสารปรอท ปัญหาคุณภาพน้ำทะเล ปัญหาขยะพลาสติก
  • มลพิษทางทะเลส่วนใหญ่คือปัญหาน้ำเสีย ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในน้ำ ซึ่งน้ำที่เน่าเสียมีสิ่งที่ก่อให้เกิดการนำเชื้อโรค สารปนเปื้อน และขยะต่างๆ ลงสู่ทะเล ทำให้เกิดการฟอกขาวของปะการัง ส่งผลให้สัตว์น้ำไม่สามารถอยู่ได้ เพราะไม่มีออกซิเจนเพียงพอ
  • การป้องกันปัญหามลพิษทางทะเลสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ เช่น ช่วยกันเก็บขยะและแยกขยะ งดทิ้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกลงในแม่น้ำ

 

ในปัจจุบัน ผู้คนมักให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ป่าไม้ อนุรักษ์สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ และอนุรักษ์สัตว์ป่าสงวน จนลืมไปว่า ‘ทะเล’ ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ควรร่วมมือกันอนุรักษ์ด้วยเช่นกัน ซึ่งปัญหามลพิษทางทะเล  มักส่งผลร้ายแรง ทั้งกับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในทะเลต่างๆ รวมไปถึงระบบนิเวศในทะเล แล้วสาเหตุปัญหาทางทะเลมีอะไรบ้าง ส่งผลกระทบอย่างไร มีแนวทางการแก้ไขและป้องกันอย่างไร ไปดูกัน!

 

ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลมีอะไรบ้าง

ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลมีอะไรบ้าง

มลพิษทางทะเลไม่ได้มีแค่ขยะ แต่ปัญหาหาทางทะเลมีอะไรบ้าง มาดูกัน!

ปัญหาปิโตรเลียมรั่วไหล

ปัญหาปิโตรเลียมรั่วไหลก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศในทะเล โดยเฉพาะพืชทะเลที่ไม่สามารถเคลื่อนหนีได้เหมือนสัตว์ทะเลบางชนิด เมื่อคราบน้ำมันปกคลุมผิวน้ำ จะขัดขวางทั้งการละลายของออกซิเจนและการส่องผ่านของแสงลงสู่ใต้น้ำ ส่งผลให้พืชทะเลไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้อย่างเต็มที่ 

นอกจากนี้ คราบน้ำมันยังสร้างปัญหาให้กับสิ่งมีชีวิตในทะเลโดยการเกาะติดตามผิวภายนอก ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากสัตว์ทะเลกลืนกินเข้าไป

 

ปัญหาสารปรอท

สารปรอทเกิดจากการเผาถ่านหินในอุตสาหกรรม ซึ่งสารปรอททำให้เกิดปัญหามลพิษทางทะเล เพราะเมื่อเกิดการเผาไหม้ ไอของปรอทจะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและถูกชะล้างลงสู่ทะเล เมื่อสารปรอทถูกสะสมในระดับสูงๆ จึงทำให้ปลาหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในทะเลนั้นปนเปื้อน หากสัตว์ทะเลที่ปนเปื้อนสารปรอทถูกนำไปเป็นอาหารให้กับมนุษย์ ก็อาจจะส่งผลอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์

 

ปัญหามลพิษทางชายฝั่ง

ปัญหามลพิษทางชายฝั่งเกิดจากของเสียอุตสาหกรรม น้ำทิ้งจากภาคเกษตรกรรม ยาฆ่าแมลง และสิ่งปฏิกูลต่างๆ ส่งผลให้สาหร่ายที่มีอันตรายเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว สาหร่ายเหล่านี้จะผลิตสารพิษอย่างซิกัวเตราและกรดโดโมอิค ซึ่งจะสะสมในตัวปลาและถ่ายทอดสู่มนุษย์ผ่านการบริโภค เมื่อมนุษย์ได้รับสารพิษเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย อาจก่อให้เกิดอาการร้ายแรงหลายประการ ทั้งภาวะสมองเสื่อม อัมพาต และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการสูดดมสารพิษเหล่านี้ยังอาจทำให้เกิดโรคหอบหืดได้อีกด้วย

 

ปัญหาจุลินทรีย์อันตราย

ปัญหาจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล ที่มักเกิดจากการรวมตัวกันของมลพิษบริเวณชายฝั่ง หรือเกิดจากน้ำทะเลที่ร้อนขึ้น ทำให้เกิดการแพร่กระจายของจุลินทรีย์บางชนิด อย่างเช่น แบคทีเรีย วิบริโอ สปีชีส์ (Vibrio spp) ที่เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อวิบริโอซิส ซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย

 

ปัญหาขยะพลาสติก

ปัญหาขยะพลาสติกส่งผลให้เกิดการแตกตัวเป็นอนุภาคไมโครพลาสติก จนถูกสะสมอยู่บริเวณชายฝั่งและในทะเลลึก ซึ่งไมโครพลาสติกมีสารเคมีที่เป็นพิษอันตรายหลายชนิด อาจรบกวนต่อระบบฮอร์โมนและอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ เมื่ออนุภาคไมโครพลาสติกเหล่านี้ถูกสะสมในสัตว์ทะเล แล้วมนุษย์บริโภคอาหารทะเลที่ปนเปื้อนเข้าไป สารเคมีเหล่านั้นก็จะเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ด้วยนั่นเอง

 

ปัญหาคุณภาพน้ำทะเล

เมื่อชุมชนเมืองได้ขยายตัวขึ้น มีผู้คนเข้ามารุกล้ำพื้นที่มากขึ้น จนเกิดเป็นท่าเทียบเรือ สถานที่ท่องเที่ยว หรือโรงแรม ทำให้เกิดปัญหาการระบายน้ำเสียทิ้งลงสู่ทะเล การปล่อยน้ำเสียจากชุมชนเมือง โรงงานอุตสาหกรรม และพื้นที่เกษตรกรรมลงสู่ทะเลโดยไม่ผ่านการบำบัด ทำให้เกิดการสะสมของสารพิษและสารอาหารมากเกินไป จนทำให้เกิดปัญหาน้ำทะเลไม่มีคุณภาพ เสี่ยงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล แม้จะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่ไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่ก็ไม่ควรข้ามเลย

 

ปัญหาปะการังฟอกขาว

ปัญหาปะการังฟอกขาวเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในน้ำทะเล ความเป็นกรด-ด่าง คุณภาพน้ำทะเล หรือมลพิษทางทะเลต่างๆ แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาปะการังฟอกขาวคือการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเล เมื่อเกิดการฟอกขาวในช่วงแรกนั้น ปะการังจะยังไม่ตายในทันที แต่จะอ่อนแอลง หากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้นลดลงก็จะกลับสู่สภาวะปกติ ปะการังสามารถฟื้นตัวได้เอง แต่ถ้าอุณหภูมิน้ำยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลให้ปะการังตายได้ในที่สุด

 

ปัญหาน้ำทะเลเปลี่ยนสี

ปัญหาน้ําทะเลเปลี่ยนสี หรือที่เรียกว่า ‘ขี้ปลาวาฬ’ เป็นปัญหาทางทะเลที่เกิดจากแพลงก์ตอนของพืชบางชนิดที่รับธาตุอาหารเฉพาะไนโตรเจนและฟอสฟอรัสเพิ่มจํานวนขึ้น ทําให้น้ําทะเลมีสีที่เปลี่ยนไป จนส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนน้อยลงและทำให้สัตว์น้ําต่างๆ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็น และชายฝั่งสกปรก ส่งผลต่อทัศนียภาพและการท่องเที่ยวได้

 

ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเกิดขึ้นตลอดเวลาจากการกัดเซาะของคลื่นและลม ทำให้แนวของชายฝั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการกัดเซาะชายฝั่งทำให้สูญเสียแนวชายหาดเดิมที่เคยมี เกิดตะกอนทับถมบนแนวปะการัง และหญ้าทะเล ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลงไปจนส่งผลกระทบถึงสมดุลของระบบนิเวศ

 

 

มลพิษทางทะเล กับผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิต

มลพิษทางทะเล กับผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิต

ปัญหามลพิษทางทะเลส่วนใหญ่คือปัญหาน้ำเสีย ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ซึ่งน้ำที่เน่าเสียมีสิ่งที่ก่อให้เกิดการนำเชื้อโรค สารปนเปื้อน และขยะต่างๆ ลงสู่ทะเล ทำให้เกิดการฟอกขาวของปะการังและทำให้สัตว์ทะเลไม่สามารถอยู่ได้เพราะไม่มีออกซิเจนที่เพียงพอ  

ทั้งนี้ ปัญหาน้ำเน่าเสียยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำ ทั้งอุณหภูมิในทะเล ค่า pH ความเค็ม และระดับของออกซิเจน จึงส่งผลกระทบต่อกระบวนการทางชีวภาพและสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่มีความจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในทะเล

 

แนวทางการแก้ไขและป้องกันปัญหามลพิษทางทะเล

แนวทางการแก้ไขและป้องกันปัญหามลพิษทางทะเล

การแก้ไขและป้องกันปัญหามลพิษทางทะเลสามารถทำได้ง่ายๆ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิต โดยมีแนวทางดังนี้

  • เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง เช่น หลอด และช้อนส้อมพลาสติก 
  • พกพาแก้ว ขวดน้ำส่วนตัว หรือใช้กระเป๋าผ้า เพื่อช่วยลดขยะประเภทพลาสติกได้
  • เลือกใช้หรือซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษ เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้
  • ควรแยกขยะทุกครั้ง เพื่อให้ขยะได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธี
  • ควรมีการรณรงค์ร่วมกันเก็บขยะบริเวณชายหาดหรือป่าชายเลน
  • ติดตั้งทุ่นสำหรับดักขยะจากบริเวณปากแม่น้ำที่ระบายน้ำลงสู่ทะเล เพื่อป้องกันไม่ให้ขยะพลาสติกไหลลงสู่ทะเล

 

รวม 5 องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหามลพิษทางทะเล

มาดูทั้ง 5 องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางทะเล ดังนี้

 

Greenpeace Thailand

1. Greenpeace Thailand

Greenpeace Thailand ก่อตั้งเมื่อปี 2000 เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีวัตถุประสงค์ในการรณรงค์เพื่อปกป้องสิทธิทางสิ่งแวดล้อม โดยทำงานร่วมกันกับชุมชนและเครือข่ายประชาชนต่างๆ เพื่อต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมายและส่งเสริมเกษตรกรรมเชิงนิเวศ

  • ที่อยู่: แคปปิตอล แมนชั่น ชั้น 1 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ
  • ติดต่อ: 02-357-1921
  • เว็บไซต์: https://www.greenpeace.org/thailand/ 

 

POSITIV GROUP Social Enterprise / GuideGURU

2. POSITIV GROUP Social Enterprise / GuideGURU

POSITIV GROUP Social Enterprise / GuideGURU เป็นบริษัทนำเที่ยวที่มุ่งสร้างสะพานเชื่อมระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น โดยเน้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนผ่านการร่วมมือกับมัคคุเทศก์และเจ้าบ้านในพื้นที่ที่ดำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ซึ่งไม่เพียงช่วยอนุรักษ์ระบบนิเวศเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างแท้จริงอีกด้วย

  • ที่อยู่: The Villa 199/72 ถนนกาญจนาภิเษก ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง นนทบุรี
  • ติดต่อ: 083-703-4564
  • เว็บไซต์: https://guideguru.live 

 

ReReef

3. ReReef

ReReef เป็นธุรกิจเพื่อสังคม เน้นดำเนินงานเรื่องสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ มุ่งหวังที่จะทำการเปลี่ยนแปลงวิถีของการผลิต และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด รวมไปถึงการส่งเสริมให้ผู้คนคำนึงถึงความสำคัญในการรักษาและอนุรักษ์ปะการังในทะเล

  • ที่อยู่: วิภาวดี กรุงเทพฯ
  • ติดต่อ: 02-001-5997
  • เว็บไซต์: https://www.facebook.com/Re4Reef/ 

 

ปลาออร์แกนิก

4. ปลาออร์แกนิก

ปลาออร์แกนิก เป็นวิสาหกิจเพื่อชุมชน จำหน่ายอาหารทะเลจากการทำประมงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่เบียดเบียนสัตว์ทะเลต่างๆ โดยตั้งใจสร้างเป็นโมเดลให้เห็นว่าชาวประมงนั้นเป็นเจ้าของทุกอย่าง และสิ่งที่สำคัญคือไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อมด้วย ชาวประมงอยู่รอดและผู้บริโภคก็ได้กินอาหารที่ดีด้วย 

มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสารเคมีในอาหารทะเล ทำให้วิถีประมงพื้นบ้านมีจุดยืนในสังคมมากขึ้น และสร้างตลาดสินค้าอาหารทะเลที่มีคุณภาพดี ปลอดสารเคมี ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

  • ที่อยู่: ซอยวิภาวดี 22 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
  • ติดต่อ: 090-004-2401
  • เว็บไซต์: https://www.facebook.com/pla.organic/ 

 

แมวกินปลา

5. แมวกินปลา

แมวกินปลา เป็นแพลตฟอร์มขายอาหารทะเลของจังหวัดพังงา เน้นให้ความสำคัญกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม มีวัตถุประสงค์ช่วยให้ชาวประมงพื้นบ้านได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้แน่นอน และในส่วนของผู้บริโภคก็จะได้กินอาหารที่ดี มีคุณภาพ ส่งผลให้สุขภาพดีไปด้วย และสิ่งแวดล้อมของทะเลก็จะดีไปด้วย

  • ที่อยู่: อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
  • ติดต่อ: 081-908-8345
  • เว็บไซต์: https://cateatfish.co/ 

 

สรุป

ทะเลและบริเวณชายฝั่งถือเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญ รวมทั้งเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำต่างๆ ด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่และชายฝั่งทะเลเพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเลและเกิดปัญหามลพิษทางทะเล ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ ความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศทางทะเล และสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างสูง 

ดังนั้น ทุกคนในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงนักท่องเที่ยว ควรช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นการช่วยกันเก็บขยะทุกครั้งที่ไปเที่ยว หรืองดใช้ถุงพลาสติก 

Cheewid ก็ขอเป็นสื่อกลางในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และการสนับสนุนส่งเสริม เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางทะเล โดยเป็นแพลตฟอร์มสื่อกลางที่จะช่วยให้การบริจาคเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน รวมถึงทุกคนสามารถเป็นอาสาสมัครและใช้ทักษะของตัวเองเพื่อตอบแทนให้กับสังคมได้ด้วย

 

Reference:

  1. ชัยณรงค์ กิตินารถอินทราณี. 11 เรื่อง ‘มลพิษ’ ทาง ‘ทะเล’ ที่เราอาจไม่เคยรู้ ใน ‘วันทะเลโลก. bangkokbiznews.com. Published 8 June 2021. Retrieved 10 December 2024.
  2. Marine Knowledge Hub. ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล. mkh.in.th. Retrieved 10 December 2024.
  3. Reef Resilience Network. ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล. reefresilience.org. Retrieved 10 December 2024.
  4. GENERALI. วิธีการรับมือกับมลพิษทางทะเล. generali.co.th. Published 15 September 2021. Retrieved 10 December 2024.
  5. อัคตัรมีชี อาหามะ. แนะ 5 แนวทางแก้ปัญหาทิ้งขยะพลาสติกลงทะเล (Motion Graphic). thaihealth.or.th. Published 29 June 2023. Retrieved 10 December 2024.

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

greenpeace - banner
Greenpeace Thailand-logo

Greenpeace Thailand

Greenpeace Thailand รณรงค์ขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยทำงานร่วมกับชุมชน และเครือข่ายประชาชนเพื่อสร้างการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด ปกป้องทะเลไทย ส่งเสริมเกษตรกรรมเชิงนิเวศ
banner - positive group guide guru
logo - positive group guide guru

POSITIV GROUP Social Enterprise / GuideGURU

GuideGURU ทัวร์ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงนักเดินทางและคนในท้องถิ่น ยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างยั่งยืน เราสนับสนุนระบบนิเวศและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนโดยใช้ไกด์และโฮสต์ท้องถิ่น
banner-ปลาออร์แกนิก
logo-ปลาออร์แกนิก

ปลาออร์แกนิก

ปลาออร์แกนิก วิสาหกิจเพื่อชุมชน จำหน่ายอาหารทะเลวัตถุดิบจากการทำประมงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่เบียดเบียนสัตว์ทะเล ทำงานกับชาวประมง 7 พื้นที่ คือ สงขลา พัทลุง เพชรบุรี กระบี่ สตูล ปัตตานี และพังงา
banner-แมวกินปลา
logo-แมวกินปลา

แมวกินปลา

แมวกินปลา แพลตฟอร์มขายอาหารทะเลจากชาวประมงพื้นบ้าน สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของชาวประมง การกินดีของผู้บริโภค เพื่อสุขภาพที่ดี ได้กินอาหารมีคุณภาพ สด สะอาด และปลอดภัยอยู่เป็นประจำ

ReReef

ReReef เป็นธุรกิจเพื่อสังคม ทำงานเรื่องสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยความมุ่งหวังเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมและให้สำคัญการรักษาและอนุรักษ์ปะการัง