เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

อาสาสมัครคืออะไร อยากเป็นอาสาสมัครต้องทำอย่างไรบ้าง

อาสาสมัครเป็นงานสมัครใจ ที่ให้ความช่วยเหลือเป็นประโยชน์แก่สังคมหรือเฉพาะกลุ่ม ซึ่ง Cheewid ได้ตอบทุกข้อสงสัย อาสาสมัครมีคุณสมบัติแบบไหน มีรูปแบบใด ขอบเขตของการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง มารู้ไปพร้อมกันที่นี่
อาสาสมัครคืออะไร อยากเป็นอาสาสมัครต้องทำอย่างไรบ้าง
Table of Contents

คำว่า อาสาสมัคร ที่เคยได้ยินกันมานานแล้ว คนทั่วไปมักจะรู้แค่ว่า อาสาสมัคร คือ การอาสามาทำงาน เป็นใครก็ได้ที่มีจิตอาสา แต่แท้จริงแล้วอาสาสมัครมีรายละเอียดที่มากกว่านั้น เพราะการทำงานอาสา เป็นงานที่ทุกคนทำด้วยความเต็มใจ ที่อยากจะช่วยเหลือประชาชนและสังคม อีกทั้งงานอาสาก็มีหลายรูปแบบ แต่ละงานก็จะมีคุณสมบัติของอาสาสมัคร รวมถึงขอบเขตของการอาสาที่แตกต่างกัน 

งานอาสาสมัครคืออะไร

อาสาสมัครคืออะไร

อาสาสมัคร คือ ผู้ที่พร้อมทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนและสังคมส่วนรวม งานที่ทำด้วยใจและไม่ถูกบังคับ การทำงานอาสา เป็นการทำงานที่ไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนหรือผลประโยชน์ เรียกได้ว่า เป็นการทำงานเพื่อสังคมส่วนรวมโดยแท้จริง

การมีอาสาสมัครถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะงานอาสาสมัคร คือ งานที่ทุกคนร่วมใจกันลงมือทำ อีกทั้งงาน อาสาสมัครแต่ละงาน เป็นการทำงาน เพื่อดูแล พัฒนา แก้ปัญหาและป้องกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่ได้มีผู้รับเพียงแค่คนเดียว แต่ผู้รับยังหมายถึงสังคมส่วนรวมทั้งหมดอีกด้วย 

อาสาสมัครมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

คุณสมบัติของอาสาสมัคร

  • การทำงานอาสา ควรเลือกทำงานด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่จากการบังคับ
  • มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมส่วนรวม
  • ไม่หวังผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนจากการทำงานอาสา
  • มีความปรารถนาดี จิตใจที่เอื้อเฟื้อ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
  • มีความอดทนและความเสียสละ

รูปแบบ และประเภทงานอาสาสมัคร

รูปแบบของอาสาสมัคร

รูปแบบของอาสาสมัคร แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ อาสาสมัครทั่วไป และอาสาสมัครพนักงาน จะทำงานกับ องค์กร โครงการเพื่อสังคม มูลนิธิ และสมาคม เรียกโดยรวมว่าองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรหรือองค์กรสาธารณประโยชน์ โดยลักษณะการทำงานอาสา ​​​​​​​มีดังนี้

  • อาสาสมัครทั่วไป (Volunteer)

อาสาสมัครทั่วไป คือ งานที่ใครๆ ก็สมัครได้ สามารถเลือกสมัครจากความชอบ ความสนใจ และเป็นงานที่ทำร่วมกับองค์กร หน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐ เอกชน อิสระ ฯลฯ เช่น NGO เป็นต้น การทำงานเช่นนี้จะไม่มีค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์ แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาในการทำงานอาสา คือ ความสุขใจ โดยมีองค์กรระดับประเทศที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภากาชาดไทย มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม และระดับนานาชาติ ได้แก่ เอฟเอชไอ (Family Health International) และกรีนพีซ (Green Peace) เป็นต้น

  • อาสาสมัครพนักงาน (Corporate Volunteer) 

อาสาสมัครพนักงาน คือ งานรูปแบบองค์กรหรือที่เรียกว่า CSR โดยการทำงานเป็นการจัดกิจกรรมงานอาสาเพื่อสังคม จัดขึ้นโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่จัดขึ้นเพื่อคืนกำไรให้สังคม องค์กรที่มี CSR ได้แก่ เซ็นทรัลกรุ๊ป, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชันแนล เป็นต้น

รวมโครงการงานอาสาสมัครและองค์กรที่รับอาสาสมัคร

รวมโครงการและองค์กรที่รับอาสาสมัคร 

CHEEWID เองก็เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดพื้นที่ให้อาสาได้เข้ามาเจอกับโครงการและโครงการได้เข้ามาเจอกับอาสา ซึ่งงานจะเน้นไปที่การอาสาแบบทั่วไป การทำงานอาสาจะสามารถเลือกได้ตามด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและเป็นประเด็นสำคัญของไทยได้ดังนี้

 

1. อาสาสมัครด้านการศึกษา

อาสาสมัครด้านการศึกษา คือ การทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านการศึกษา ให้ทุกคนได้เข้าถึงโอกาสการศึกษาได้มากขึ้นและมีโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากทั้งในและนอกตำราเรียน

  • Inskru 

Inskru เป็นพื้นที่ที่ให้คุณครูมาแบ่งปันไอเดียการสอนหรือพูดคุยเกี่ยวกับอาชีพของคุณครู รวมถึงมีการจัดงาน PLC day หรือครูปล่อยของ จัดขึ้นประมาณ 2-3 เดือนต่อครั้ง เป็นงานที่คุณครูอาสาแต่ละคนจะนำไอเดียการเรียน การสอนมาแชร์ร่วมกัน

ช่องทางติดต่อ

Website: https://new.inskru.com/idea-library/

FB Page: Inskru -พื้นที่แบ่งปันไอเดียการสอน

เบอร์โทรติดต่อ: 085-977-0646

  • Teach for Thailand

Teach for Thailand สนับสนุนให้เด็กรุ่นใหม่ที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีได้ทดลองเป็นครูในโรงเรียน เป็นระยะเวลา 2 ปี การเป็นอาสาจะมีค่าตอบแทน โดยจะมีรอบการสมัครที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์เลย

ช่องทางติดต่อ

Website: https://www.teachforthailand.org/

FB Page: Teach For Thailand

เบอร์โทรติดต่อ: 02-064-3919

  • มูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ (Saturday School)

โรงเรียนวันเสาร์ เป็นพื้นที่การศึกษาที่สอนวิชานอกตำราเรียน มีวิชาที่หลากหลายตามความสนใจของเด็กๆ พร้อมครูผู้สอนที่เป็นครูอาสา เปิดให้เรียนฟรีในวันเสาร์ การเปิดรับครูอาสาและทีมอาสาจะมีการเปิดรับเรื่อยๆ ซึ่งสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์และเฟสบุ๊คของมูลนิธิ

ช่องทางติดต่อ

Website: https://www.saturday-school.org/

FB Page: Saturday School

เบอร์โทรติดต่อ: 080-536-3506

 

2. อาสาสมัครด้านการบริการเพื่อชุมชนและสังคม

อาสาสมัครด้านบริการเพื่อชุมชนและสังคม คือ การทำงานเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาสังคม เพื่อให้ความเป็นอยู่ของประชาชนและสังคมดีมากยิ่งขึ้น

  • มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (Thai Volunteer Service)

มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม เป็นมูลนิธิเพื่อเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนในเรื่องของศักยภาพ เพื่อพัฒนาทักษะ ความคิด ส่งเสริมความเข้าใจเรื่องงานอาสาให้กับคนรุ่นใหม่ ในการทำงานอาสาสามารถเลือกสมัครทำงานอาสาตามที่ตนเองสนใจได้ 

ช่องทางติดต่อ

Website: https://thaivolunteer.org/

FB Page: มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม-Thai Volunteer Service 

เบอร์โทรติดต่อ: 02-691-0437-9

  • มูลนิธิอิสรชน (Issarachon Foundation)

มูลนิธิอิสรชน มีโครงการเพื่อฟื้นฟู เยียวยา และให้ความช่วยเหลือคนไร้บ้าน ให้ความช่วยเหลือในเรื่องของอาหาร การรักษา และการได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีทั้งการบริจาคเป็นสิ่งของและการทำงานอาสา

ช่องทางติดต่อ

Website: https://www.issarachonfound.com/

FB Page: มูลนิธิอิสรชน

เบอร์โทรติดต่อ: 092-865-6651

  • Generation Thailand

Generation Thailand โครงการที่มีหลักสูตรการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมและจัดหางานให้กับผู้เรียน โดยมีหลักสูตร ผู้ดูแลผู้สูงอายุมืออาชีพและโครงการนักพัฒนาซอฟต์แวร์ นอกจากหลักสูตรการเรียนแล้ว ก็ยังมีการเปิดรับสมัครสำหรับคนที่สนใจมาเป็นอาสาสมัครอีกเช่นกัน

ช่องทางติดต่อ

Website: https://thailand.generation.org/

FB Page: Generation Thailand – เจเนเรชั่น ประเทศไทย

 

3. อาสาสมัครด้านการช่วยเหลือสัตว์

งานอาสาสมัครด้านช่วยเหลือสัตว์ คือ งานที่เกี่ยวข้องกับสัตว์โดยตรง การทำงานอาสาจะเป็นการช่วยเหลือดูแลสัตว์ต่างๆ และการสมัครเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสัตว์กับองค์กรบางแห่งก็ไม่จำเป็นต้องมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานด้านนี้ก็ได้ เพียงขอแค่มีใจอยากที่จะช่วยเหลือ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

  • มูลนิธิช้างปันน้ำใจสู่ชาวดอย (The Care Project Foundation)

มูลนิธิช้างปันน้ำใจสู่ชาวดอย เป็นโครงการเพื่อสวัสดิภาพของช้างไทย และการอนุรักษ์ช้างไทย มีกิจกรรมส่งเสริม รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับช้างไทย เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนและช้าง ซึ่งเหล่าอาสาจะได้ทำงานร่วมกับชุมชนด้วย โดยมีการเปิดรับอาสาเรื่อยๆ หากใครสนใจก็สามารถ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของโครงการ

ช่องทางติดต่อ
Website: https://www.thecareprojectfoundation.org/
FB Page: The Care Project Foundation – มูลนิธิ ช้างปันน้ำใจสู่ชาวดอย
เบอร์โทรติดต่อ:064-565-3611

  • มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation)

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย คือมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้สุนัขและแมวจรจัดมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยทางมูลนิธิฯ จะมีการช่วยเหลือสัตว์ที่เจ็บป่วย พิการ และถูกทอดทิ้ง มีการให้ความช่วยเหลือ ดูแล รักษา เช่น ทำหมัน ฉีดวัคซีน รวมถึงให้พักในศูนย์พักพิง ซึ่งทางมูลนิธิมีการเปิดรับอาสาอยู่ตลอด หากใครสนใจก็สามารถเข้าร่วมเป็นอาสาได้

ช่องทางติดต่อ

Website: https://www.soidog.org/th

FB Page: มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย, ประเทศไทย (Soi Dog – in Thai)

เบอร์โทรติดต่อ: 061-174-7396

  • Love Wildlife Foundation

Love Wildlife เป็นมูลนิธิอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือ ปกป้อง และดูแลสัตว์ป่าจากการถูกกักขังหรือการถูกทำร้าย ที่นอกจากจะช่วยเหลือดูแล ก็ยังมีการให้ความรู้แก่สวนสัตว์ โรงเรียน และองค์กรด้วยเช่นกัน เป็นความรู้ที่เกี่ยวกับระบบนิเวศสัตว์ป่าและท้องทะเล สำหรับการเปิดรับอาสา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และเพจของมูลนิธิ

ช่องทางติดต่อ

 

4. อาสาสมัครด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 อาสาสมัครด้านการอนุรักษ์โลก ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นการทำงานอาสาเกี่ยวกับการปกป้องดูแลระบบนิเวศทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ก็ตาม เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติ

  • Scholars of Sustenance Thailand 

Scholars of Sustenance Thailand จัดการปริมาณอาหารส่วนเกิน โดยการสร้างเครือข่ายผู้บริจาคกับกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อนำอาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดีไปส่งต่อให้ชุมชนที่ขาดแคลนอาหารหรือคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากใครสนใจร่วมเป็นอาสา ก็ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ และเพจของมูลนิธิ

ช่องทางติดต่อ

Website: https://www.scholarsofsustenance.org/

FB Page: Scholars of Sustenance Thailand – SOS Thailand

เบอร์โทรติดต่อ: 062-675-0004

  • ค่ายเยาวชนเชียงดาว 

ค่ายเยาวชนเชียงดาว เป็นค่ายที่มีแหล่งการเรียนรู้มากมายกับธรรมชาติ ปลูกฝังเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ใส่ใจกับการอนุรักษ์ป่ามากขึ้น ด้วยการปลูกจิตสำนึกในการช่วยดูแล ฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับมาสมบูรณ์ ในการเปิดรับอาสา ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยที่เพจ

ช่องทางติดต่อ

FB Page: ค่ายเยาวชนเชียงดาว Chiang Dao Youth Camp

เบอร์โทรติดต่อ: 081-992-6031

  • กลุ่มใบไม้ 

กลุ่มใบไม้เป็นการรวมตัวของคนรุ่นใหม่ จนก่อเกิดเป็นกลุ่มจิตอาสาในการดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากการเรียนรู้และลงมือทำ เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ 

ช่องทางติดต่อ

FB Page: กลุ่มใบไม้

เบอร์โทรติดต่อ: 089-234-0947

 

5. อาสาสมัครด้านนันทนาการ

อาสาสมัครด้านนันทนาการ คือ งานอาสาที่มีรูปแบบการทำงานคล้ายด้านการศึกษา แต่จะเพิ่มกิจกรรมเข้ามาด้วย ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้น นอกจากจะช่วยเหลือเด็กๆ และเยาวชน ก็ยังเป็นการช่วยเหลือกลุ่มคนหรือกลุ่มชุมชนอีกด้วย

  • มูลนิธิไร้ท์ ทู เพลย์ ประเทศไทย (Right To Play Thailand Foundation) 

Right To Play เป็นโครงการเพื่อเด็กและเยาวชน ทำงานร่วมกับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน  มีกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และการพัฒนาศักยภาพรอบด้าน อย่างการเล่นและการกีฬา รวมถึงการพัฒนาทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ ที่ส่งเสริมให้เยาวชนเตรียมพร้อมเข้าสู่การทำงานจริงได้ การเปิดรับอาสาจะขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการย่อยๆ

ช่องทางติดต่อ

Website: https://righttoplay.or.th/

FB Page: Right To Play Thailand

เบอร์โทรติดต่อ: 062-740-3520

  • ครูนอกบ้าน (ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา มูลนิธิกระจกเงา)

ครูนอกบ้าน เป็นโครงการเพื่อการศึกษาให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล เพิ่มโอกาสการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ รวมถึงการช่วยพัฒนาชุมชนในพื้นที่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จะมีการเปิดรับครูอาสาอยู่ตลอด หากใครสนใจ ก็สามารถดูเพิ่มเติมได้ทางเพจได้เลย

ช่องทางติดต่อ

Website: https://www.raisomschool.com/volunteer/

FB Page: ครูนอกบ้าน (ครูนอกบ้าน)

เบอร์โทรติดต่อ: 085-720-8787

 

6. อาสาสมัครด้านสาธารณสุข

อาสาสมัครด้านสาธารณสุข คือ การทำงานอาสาที่ทำงานร่วมกับชุมชน ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล จะเป็นการทำงานเพื่อช่วยเหลือ ดูแล และให้บริการด้านสุขภาพกับชุมชนในพื้นที่นั่นเอง

  • Understand: ห้องนั่งเล่นของหัวใจ

ห้องนั่งเล่นของหัวใจ เป็นพื้นที่ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพใจ สำหรับคนทุกวัย โดยเน้นไปที่โรคซึมเศร้า มีการให้คำปรึกษา ให้ความรู้ รวมถึงการให้กำลังใจระหว่างกัน สำหรับการเข้าร่วมเป็นอาสาหรือการเข้าร่วมกิจกรรม สามารถดูเพิ่มเติมที่เพจของโครงการได้เลย

ช่องทางติดต่อ

FB Page: Understand : ห้องนั่งเล่นของหัวใจ

เบอร์โทรติดต่อ: 092-263-8919

 

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายโครงการ ติดตามได้ที่เว็บไซต์ของเราและงานอาสาอีกมากมายตามแพลตฟอร์มที่รวบรวมงานอาสาอื่นๆ เช่น ธนาคารจิตอาสา เครือข่ายจิตอาสา และมูลนิธิกระจกเงา

มุมมองเกี่ยวกับงานอาสาสมัครในไทย งานอาสาสมัครจำเป็นไหม

มุมมองของงานอาสาสมัครในไทย

การทำงานอาสา ถือเป็นอีกหนึ่งทางช่วยเหลือ ในการแก้ปัญหาของสังคมไทย เป็นการทำงานที่เสริมสร้างให้คนเห็นแก่ประโยชน์ของสังคมส่วนรวม ซึ่งการทำงานอาสาเป็นหัวใจขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและองค์กรต่างๆ เพราะหากไม่มีองค์กรเพื่อสังคมเหล่านี้ ก็คงขาดพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะช่วยกันเปลี่ยนแปลงสังคม 


สำหรับสถานะของงานอาสาสมัคร ปัจจุบันมีการยอมรับจากวงกว้างเพิ่มมากขึ้น โดยหน่วยงานต่างๆ ก็มีการส่งบุคลากรที่มีความสามารถเฉพาะทางกับงานนั้นๆ ไปทำงานช่วยเหลือสังคม ทำให้แนวโน้มการทำอาสาสมัครในไทยทั้งจากการส่งบุคลากร และจากการสมัครมาเป็นอาสาสมัครเองมีมากขึ้นเช่นกัน

 

สรุป

อาสาสมัคร คือ ผู้ที่สมัครที่มีใจอยากจะทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนและสังคมส่วนรวม ทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน โดยงานอาสาสมัครเป็นสิ่งที่ใครก็สามารถทำได้ หากคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติตรงตามที่โครงการนั้นหรือองค์กรนั้นตั้งไว้ และหากอยากช่วยเหลือโดยตรงในด้านไหน ก็สามารถเลือกหาโครงการหรือองค์กรที่เราสนใจแล้วไปทำได้เลย

แคมเปญและองค์กรที่เกี่ยวข้อง

banner - super volunteer
logo - super volunteer

ซุปเปอร์โวลันเทียร์ (Super volunteer)

กิจกรรมเวิร์คชอร์ปที่เราจัดให้อาสาสมัครสามารถสร้างทักษะ องค์ความรู้ และแรงบันดาลใจ แก่ตัวบุคคลที่เข้ามาเรียนรู้ ตลอดจนสร้างโอกาสทางการศึกษาในด้านศิลปะวัฒนธรรมมากขึ้น

banner - thai volunteer service
logo - Thai Volunteer Service-

มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (Thai Volunteer Service)

พื้นที่สร้างการเรียนรู้ผ่านการทำงานอาสาสมัครให้กับคนรุ่นใหม่ที่อยากจะขับเคลื่อนสังคม เราสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ เพื่อยกระดับ ทักษะ ความคิด ความเข้าใจ และร่วมกันสร้างสรรค์สังคมที่เท่าเทียม

banner - operation smile
logo - operation smile

มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (Operation Smile Thailand)

เราเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรทางการแพทย์ที่เชื่อว่า ทุกคนควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราช่วยเหลือโดยให้การผ่าตัดแก่ผู้ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ เพื่อคืนรอยยิ้มที่สดใส