เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

Crowdfunding คืออะไร? ระดมทุนเพื่อสังคมแบบไหนถ้าเป็นชาว SE

CHEEWID จะพาทุกคนไปหาคำตอบร่วมกันว่า Crowdfunding คืออะไร พร้อมด้วยคำแนะนำเกี่ยวกับการระดมทุนสำหรับองค์กรเพื่อสังคมว่ามีวิธีการแบบใดและสามารถทำได้อย่างไรบ้าง
Crowdfunding คืออะไร? ระดมทุนเพื่อสังคมแบบไหนถ้าเป็นชาว SE
Table of Contents

ปัจจุบันการระดมทุน หรือ Crowdfunding ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของธุรกิจแต่เพียงเท่านั้น อีกทั้งการตั้งรับไม่ใช่แค่การสร้างความเปลี่ยนแปลงเดียวขององค์กรเพื่อสังคมในยุคดิจิทัล การดำเนินงานขององค์กรเพื่อสังคมจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อทำให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ให้องค์กรมีเงินทุนหมุนเวียน สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้หลากหลายและรวดเร็ว 

Crowdfunding คืออะไร แนวโน้มการระดมทุนจากคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น

Crowdfunding คืออะไร

Crowdfunding คือ การระดมทุน โดยการเปิดพื้นที่ให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งองค์กรก็จะมีการแนะนำรูปแบบและลักษณะการดำเนินการขององค์กรให้แก่ผู้คนได้ทราบ เพื่อการตัดสินใจของผู้คนที่จะเข้ามาร่วมสนับสนุน 

การระดมทุนแบบนี้ผู้ประกอบการ หรือ องค์กรและธุรกิจเพื่อสังคม (social enterprise) จำเป็นต้องนำเสนอโครงการหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขององค์กรออกไปสู่สาธารณะ หรือให้แก่ผู้ที่สนใจจะสนับสนุนได้ทราบถึงรายละเอียดของการดำเนินงาน เพื่อให้เป็นการจัดระดมทุนที่เข้าถึงผู้คนได้มากยิ่งขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างองค์กร ผู้สนับสนุน และชุมชนได้เป็นอย่างดี

แนวโน้มการระดมทุนจากคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น

จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันมาสนใจเรื่องราวการเคลื่อนไหวของสังคมมากยิ่งขึ้น และการระดมทุนเพื่อสังคมนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจไม่แพ้กัน โดยพบว่าในช่วงโควิดที่ผ่านมาคนกลุ่ม Gen Z (อายุระหว่าง 9 – 24 ปี) มีอัตราในการบริจาคมากขึ้นถึง 2 เท่า ซึ่งปัจจัยหลักของการบริจาคก็เพื่อมุ่งหวังให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นผล ดังนั้นอาจกล่าวได้เลยว่า การระดมทุนแบบ Crowdfunding นั้นเหมาะต่อองค์กรเพื่อสังคมและกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก

การระดมทุนแบบ Crowdfunding สำหรับองค์กรเพื่อสังคม

การระดมทุนแบบ Crowdfunding สำหรับองค์กรเพื่อสังคม

เราสามารถแบ่ง Crowdfunding ได้ด้วยกัน 4 ประเภท โดยแต่ละประเภทก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างออกไป และ อาจไม่ได้เหมาะกับทุกกระบวนการ แต่จะเหมาะสมที่สุดในขั้นแรกเริ่ม  ซึ่งเราจะมาดูกันว่าการระดมเงินทุนมีกี่วิธีกันบ้าง ดังนี้ 

1. Donation-based Crowdfunding

Crowdfunding ในรูปแบบนี้ คือการระดมทุนจากผู้คนจำนวนมาก ส่วนใหญ่เพื่อบริจาคให้แก่องค์กรการกุศล มูลนิธิต่างๆ ซึ่งจะเป็นการระดมทุนเพื่อกิจกรรมในระยะสั้น ดังนั้นจึงเป็นการระดมทุนที่ผู้บริจาคหวังเพียงแต่ “ความสุขทางจิตใจ” มากกว่าผลตอบแทนอื่นๆ จากการลงทุน

 

ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร องค์กรเพื่อสังคม หรือมูลนิธิต่างๆ รวมไปถึงธุรกิจ Startups ที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนทางการเงิน ดังนั้นองค์กรหรือธุรกิจเพื่อสังคมต่างๆ จึงจะต้องมีการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้สอดรับกับความสนใจ และคอยมีการกระตุ้นให้เห็นถึงความสำคัญของการบริจาคให้แก่กลุ่มผู้สนใจให้ได้ 

ข้อดีของ Donation-based Crowdfunding 

  • ไม่มีการชำระคืน หรือการแลกเปลี่ยนด้านการลงทุน หรือหุ้นต่างๆ โดยจะเป็นการระดมทุนแบบให้เปล่าแก่องค์กรเพื่อสังคมเท่านั้น
  • เป็นการระดมทุนเพื่อการกุศลโดยให้การสนับสนุนต่อการเคลื่อนไหวต่างๆ ของสังคม เพื่อการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาสังคม 
  • เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กร สังคมและชุมชน รวมไปถึงผู้ร่วมระดมทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อกิจกรรมต่าง ๆ ในอนาคตภายภาคหน้าได้ด้วยเช่นกัน 

ข้อเสียของ Donation-based Crowdfunding 

  • วิธีระดมทุนขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของโครงการ และกลุ่มเป้าหมายผู้ร่วมระดมทุนอาจจะไม่กว้างมากนัก 
  • ไม่สามารถรับรองได้ว่าการระดมทุนจะบรรลุเป้าที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ 
  • การเปิดการระดมทุนออนไลน์ทำให้ต้องเปิดเผยรูปแบบโครงการบางส่วนออกไปสู่สาธารณะจึงทำให้แนวคิดหรือโครงการต่างๆ ถูกผู้อื่นนำไปใช้ทำตามหรืออาจเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้
  • หากนำลงแพลตฟอร์มตัวกลาง ก็อาจมีข้อจำกัดหรือนโยบายที่ต้องเรียนรู้และปฏิบัติตามเพิ่มเติม ซึ่งบางแพลตฟอร์มอาจไม่สามารถตอบรับความต้องการหรือตัวตนขององค์กรได้อย่างเต็มที่

2. Reward Crowdfunding

การระดมทุนในรูปแบบนี้ ผู้ที่ร่วมระดมทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นรางวัล ซึ่งอาจเป็นผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่างๆ ของบริษัท อาจมีการประชาสัมพันธ์โครงการแบบออนไลน์ โดยใช้ Influencer มาเพื่อดึงดูดและสร้างความน่าสนใจให้แก่โครงการได้มากยิ่งขึ้น 

เหมาะกับธุรกิจที่กำลังเริ่มพัฒนาผลิตสินค้าและบริการใหม่ออกมา เพื่อให้ผู้คนเกิดความสนใจและอยากที่จะทดลองใช้สินค้าและบริการใหม่ๆ นี้ หรืออาจจะเป็นการให้ผลตอบแทนผ่านการให้ของสมนาคุณหรือของที่ระลึกเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้สนใจให้มาบริจาคเฉยๆ ก็ย่อมได้

ข้อดีของ Donation-based Crowdfunding 

  • สามารถสำรวจความสนใจของตลาดได้ผ่านการนำเสนอโครงการต่างๆ 
  • เป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการล่วงหน้าให้แก่ผู้ที่สนใจ
  • มีการสร้างฐานลูกค้า และเป็นการรวมกลุ่มกันของผู้ที่มีความสนใจในตัวสินค้าและบริการ เอาไว้ก่อนการผลิตหรือจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จริง 
  • ไม่ต้องเสียหรือสละสิทธิ์ทางทุนทรัพย์ขององค์กร 

ข้อเสียของ Donation-based Crowdfunding 

  • เป็นการระดมทุนที่มีสองด้าน หากได้ผลตอบรับที่ดีก็จะส่งผลดีต่อองค์กร หรือถ้าไม่ดีก็อาจจะต้องเสียทรัพยากรในการลงทุนเบื้องต้นไป
  • การมอบของตอบแทน หรือของสัมมนาคุณของโครงการอาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่าที่คิด และต้องใช้เวลาในการดำเนินการที่เพิ่มมากขึ้น
  • ปัจจัยความสำเร็จ หรือตัวแปรของโครงการมีหลากหลายปัจจัยทั้งตัวผลิตภัณฑ์ การโฆษณา ระยะเวลา เป็นต้น ซึ่งบางอย่างอาจยากต่อการควบคุม

3. Peer to Peer Lending

Peer to Peer Lending คือวิธีระดมทุนแบบกู้ยืม โดยจะเป็นการกู้ยืมเพื่อนำเงินไปใช้ในการดำเนิน และประกอบกิจการทางธุรกิจ ซึ่งจะคล้ายกับการกู้ยืมสินเชื่อส่วนบุคคล ผู้ให้กู้ก็จะได้รับผลตอบแทนคืนเป็นเงินต้น การชำระสินเชื่อพร้อมดอกเบี้ย  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะต้องชำระในอัตราที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ โดยผู้ให้กู้อาจเป็นกลุ่มนักลงทุน หรือในประเทศไทยนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย  

ข้อดีของ Donation-based Crowdfunding 

  • ไม่ต้องเสียสิทธิ์ในการถือครองของบริษัทเมื่อได้ชำระสินเชื่อครบถ้วนแล้ว 
  • มีกระบวนการดำเนินงานของการระดมทุนที่รวดเร็วกว่าการรับสินเชื่อจากธนาคาร 
  • มีรูปแบบกำหนดการชำระที่คงตัว ซึ่งทำให้สามารถวางแผนธุรกิจในขั้นต่อไปได้ 
  • อาจมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่ากรณีการระดมทุนอื่นๆ ตามอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ และระยะเวลาของการชำระสินเชื่อ 

ข้อเสียของ Donation-based Crowdfunding 

  • ต้องมีการวางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้าให้ดี เนื่องจากเป็นการระดมทุนแบบหนี้ที่ต้องชำระคืน 
  • ค่าดอกเบี้ยก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ต้องรับภาระในการใช้จ่ายคืนตลอดอายุของสินเชื่อที่กู้ยืมไป
  • ความเสี่ยงต่อเครดิตของบุคคลผู้กู้ยืมหรือองค์กรที่จะต้องรักษาความน่าเชื่อถือเอาไว้ เพื่อผลที่ดีต่อการรับเงินทุนในอนาคต
  • ความเสี่ยงจากสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ เนื่องจากการระดมทุนแบบนี้บางทีต้องมีการใช้หลักทรัพย์ส่วนตัวในการรับรอง เพื่อป้องกันการชำระหนี้ที่ไม่ตรงตามสัญญา

4. Investment Crowdfunding

เป็นการระดมทุนแบบหลักทรัพย์ที่จะมีแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นตัวกลาง เปรียบเสมือนตลาดให้แก่กลุ่มนักลงทุนได้เข้ามาเลือกลงทุน โดยผู้ที่ระดมทุนนั้นมักเป็นกลุ่มธุรกิจ Startups หรือ ธุรกิจที่ต้องการที่จะแสวงหาเงินทุนเพื่อการหมุนเวียนธุรกิจ เพื่อการดำเนินกิจการหรือเพื่อการขยายธุรกิจ จึงต้องการความร่วมมือทางด้านการลงทุนจากนักลงทุนหลายๆ ท่าน

โดยแพลตฟอร์มเพื่อการระดมทุนนั้นจะเป็นแพลตฟอร์มที่มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เข้ามาดูแลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการกำหนดระยะเวลาชำระ และดอกเบี้ยคืนอย่างเป็นระบบ 

ข้อดีของ Donation-based Crowdfunding 

  • ได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนเป็นจำนวนมากผ่านการระดมทุนในรูปแบบนี้ 
  • สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวกับกลุ่มนักลงทุนได้ 
  • สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลทรัพยากร และมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันระหว่างเครือข่ายผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี 

ข้อเสียของ Donation-based Crowdfunding 

  • ต้องสูญเสียสิทธิ์การครอบครองหรือการตัดสินใจบางประการให้แก่กลุ่มนักลงทุน 
  • มีความซับซ้อนทางด้านกฎหมายมากยิ่งขึ้นจากการมีผู้ลงทุนที่หลากหลาย และอาจทำให้ต้องสูญเสียทรัพยากรเพิ่มจากการดำเนินการทางกฎหมาย 
  • จำเป็นที่จะต้องมีการทำแบบรายงานที่เพิ่มขึ้นให้แก่กลุ่มผู้ลงทุนได้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของโครงการและธุรกิจ
  • มีความกดดันในการผลิต และการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมักแสวงหาผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุน
  • การแบ่งสันปันส่วนในการครอบครอง และผลประโยชน์ทางการดำเนินธุรกิจที่จำเป็นที่จะต้องมีการคิดวิเคราะห์ และวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้ตอบสนองตัวของธุรกิจหรือนักลงทุนได้ 

 

Cheewid Crowdfunding Platform เพื่อทุกชีวิต

Cheewid Crowdfunding Platform เพื่อทุกชีวิต

เราเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเพื่อทุกชีวิต ก่อตั้งขึ้นจากความคิดที่ว่าทุกคนล้วนแล้วแต่อยากสร้างการเปลี่ยนแปลงจากจุดเล็กๆ ไปสู่ผลลัพธ์เชิงบวกที่ยิ่งใหญ่ต่อสังคม แต่ยังไร้ข้อมูล และแนวทางที่ยั่งยืน

Crowdfunding Platform ของ Cheewid เป็นช่องทางการระดมทุนออนไลน์ เพื่อทำให้ผู้ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง และองค์กรเพื่อสังคมในประเทศไทย มีช่องทางสู่การร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ตลอดจนบุคคลที่ต้องการการสนับสนุนการสร้างผลกระทบอย่างยั่งยืน 

เราพร้อมให้การสนับสนุน และร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมไปพร้อมกับคุณ

วิธีการทำ Crowdfunding ที่ตอบโจทย์

วิธีการทำ Crowdfunding ที่ตอบโจทย์ผู้ให้

การระดมทุนเพื่อการกุศลนั้นมีอยู่อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำผ่านตัวกลาง หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่ช่วยในเรื่องของความสะดวก รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ทุกวิธีระดมทุนนั้นมีจุดที่สำคัญคือควรที่จะต้องตรวจสอบได้ มีความชัดเจนและน่าเชื่อถือ เพื่อที่จะทำให้ผู้ให้สามารถวางใจได้ว่าการสนับสนุนของตนเองจะไปถึงผู้ที่ต้องการการสนับสนุนจริงๆ  โดยการทำ Crowdfunding ที่จะตอบโจทย์ผู้ให้นั้น มีหลายแบบด้วยกัน ดังนี้ 

ระดมทุนออนไลน์ (Online Crowdfunding)

การระดมทุนออนไลน์เป็นวิธีที่สะดวก ง่าย และรวดเร็ว โดยผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดของโครงการที่ต้องการสนับสนุนได้บนเว็บไซต์ระดมทุนหรือแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อทำการตัดสินใจในการจะสนับสนุน หรือระดมทุนช่วยเหลือโครงการได้ แต่อย่างไรก็ตามก่อนการระดมทุนควรต้องมีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มนั้น มีความน่าเชื่อถือหรือไม่

บริจาคผ่านตัวแทนระดมทุน (Face-to-Face Crowdfunding)

วิธีระดมทุนแบบนี้เป็นการระดมทุนแบบ Onsite ที่จะมีนักระดมทุน หรือ Fundraiser เป็นคนกลางในการนำเสนอรายละเอียดของโครงการให้แก่ผู้ที่สนใจ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ต้องการสนับสนุนโครงการได้พูดคุย และสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของโครงการได้โดยตรง โดยโครงการที่มักจะมีการรับระดมทุนผ่านตัวแทน ได้แก่ World Animal Protection และ UNICEF 

สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระดมทุนของ UNICEF ได้ก่อนตัดสินใจ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบตัวแทนขององค์กร

การระดมทุนจากพันธมิตร (Partnership Crowdfunding)

การระดมทุนจากพันธมิตร เป็นการหาผู้สนับสนุนจากองค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับการทำงาน CSR หรือการที่องค์กรหรือหน่วยงานเอกชนมีการทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนผลประโยชน์หวนคืนสู่สังคม ซึ่งองค์กรที่มีการทำ CSR จะมี สิงห์ คอร์ปอเรชั่น ภายใต้ชื่อโครงการ เช่น “สิงห์อาสา” , โตโยต้า โครงการ “ถนนสีขาว” และ ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน) ได้จัดทำโครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” เป็นต้น  

การระดมทุนทางโทรศัพท์ (Telefundraising)

การระดมทุนทางโทรศัพท์เป็นการที่องค์กรต่างๆ จะโทรติดต่อเพื่อบอกเล่ารายละเอียดโครงการ ซึ่งโครงการจะมีการติดต่อโดยตรงไปยังผู้ที่ต้องการสนับสนุน โดยส่วนมากแล้วการระดมทุนทางโทรศัพท์มักเป็นการติดต่อไปยังผู้ที่เคยให้การสนับสนุนเป็นประจำขององค์กร 

ทั้งนี้หากผู้ใดมีความต้องการสนับสนุนองค์กรผ่านการระดมทุนทางโทรศัพท์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือขององค์กรหรือผู้ที่โทรติดต่อมา ตัวอย่างขององค์กรที่มีการระดมทุนทางโทรศัพท์เช่น  UNICEF เป็นต้น

การทำ Crowdfunding สร้างผลกระทบอะไรกับชาว SE บ้าง?

การทำ Crowdfunding สร้างผลกระทบอะไรกับชาว SE บ้าง?

Goergie Carey ได้ทำการศึกษา และสรุปเรื่องราวของ Crowdfunding ได้อย่างน่าสนใจ กล่าวคือ ผลกระทบของ Crowdfunding ที่มีต่อ Social Enterprise นั้นแตกต่างกันออกไป ตามแต่โครงสร้างขององค์กร และระยะของการดำเนินกิจการ โดย Crowdfunding นั้นจะส่งผลกระทบต่อกิจการที่ไม่แสวงหาผลกำไรมากกว่า อีกทั้งยังส่งผลดีต่อกิจการธุรกิจในระยะแรกเริ่มมากกว่าช่วงอื่นๆ ของการดำเนินธุรกิจ ซึ่ง Crowdfunding จะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของ Social Enterprise ได้หลากหลายประการ ดังนี้ 

1. สร้างคอมมูนิตี้ เพิ่มการเข้าถึงความร่วมมือ

Crowdfunding คือการระดมทุนที่จะสามารถหาคนที่ต้องการช่วยเหลือ มายังผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้จริง และจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกลุ่มสองกลุ่มได้เป็นอย่างดี 

2. สร้างความน่าเชื่อถือ ขยายความมั่นคงให้องค์กร

วิธีระดมทุนแบบนี้ทำให้องค์กรหน่วยงานต้องมีการนำเสนอโครงการของตนเองไปสู่ผู้ร่วมลงทุน เพราะความร่วมมือของกลุ่มคน กลุ่มองค์กรหลากหลายกลุ่ม นำมายังความน่าเชื่อถือให้กับชาว SE ได้  

3. สร้างสมดุล องค์กรเติบโตควบคู่กับผลกระทบเชิงบวกให้ทุกฝ่าย

Crowdfunding SE เป็นการระดมทุนที่ส่งผลดีต่อทุกฝ่าย จะช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินโครงการ หรือธุรกิจเพื่อสังคม สร้างผลเชิงบวกคืนสู่สังคม ควบคู่กับการตอบสนองผู้จัดสรรปัจจัยการลงทุน เช่น ผู้บริจาค ผู้ลงทุน ได้อย่างสมดุล 

สรุป

Crowdfunding คือการระดมทุนที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะทำให้ธุรกิจเพื่อสังคมสามารถหาผู้สนับสนุน หรือนักลงทุนผ่านการระดมทุนได้แล้ว ยังทำให้ผลได้รับจากการดำเนินกิจการ สามารถคืนเป็นผลประโยชน์ เพื่อตอบแทนชุมชนและสังคมได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเข้มแข็งระหว่างองค์กรธุรกิจเพื่อสังคม กลุ่มผู้ร่วมระดมทุน และชุมชนสังคมได้เป็นอย่างดี 

Cheewid จึงอยากจะขอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจ และเรียนรู้เรื่อง Crowdfunding ไปพร้อมกัน และต้องการเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ให้แก่ทุกคน ที่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ร่วมสนับสนุน และระดมทุนแก่องค์กรเพื่อสังคมซึ่ง ซึ่งจะนำชุมชนไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต 

 

Reference:

  1. จอมขวัญ คงสกุล. น้ำใจคนไทยในยุคดิจิทัล ใช้ Crowdfunding ร่วมบริจาคสู้ Covid-19. sec.or.th. Published on 17 April 2020. Retrieved 31 October 2023. 
  2. ETDA.รู้จักและทำความเข้าใจ Crowdfunding. etda.or.th. Published on 30 September 2016. Retrieved 31 October 2023. 
  3. Georgie Carey. What Impact Does Crowdfunding Have on Social Enterprise Development?. linkedin.com. Published on 22 January 2019. Retrieved 31 October 2023. 
  4. PeerPower Team. การระดมทุนคราวด์ฟันดิง (Crowdfunding) คืออะไร? สรุปทุกประเด็นสำหรับผู้ประกอบการ. peerpower.co.th. Published on 7 December 2022. Retrieved 31 October 2023. 
  5. SDThailand. อินไซต์คนไทยเกี่ยวกับการบริจาค เทรนด์ผู้บริจาคเริ่มมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ปัจจัยหลักเพื่อ ‘ความสุขทางใจ’ ส่วนการลดหย่อนภาษี เป็นแค่ ‘ของแถม’. Sdthailand.com. Published on 31 January 2023. Retrieved 31 October 2023. 
  6. Stripe. Four types of crowdfunding for startups-and how to choose one. stripe.com. Published on 17 August 2023. Retrieved 31 October 2023. 

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

Hmong Cyber Social Enterprise

เราคือแพลตฟอร์มทางสังคมที่ผสานทักษะอาชีพเชิงวิชาชีพ เช่น การเขียนโค้ด, ผลิตสื่อและวิดีโอ, เทคโนโลยีอาหาร และศิลปะ เข้ากับชุมชนม้ง ที่เราเชื่อว่าการศึกษาเหล่านี้เป็นเป็นประตูสำคัญสู่อนาคต
logo - Yummacha

ยุ๊มมาฉ่า เพื่อพี่น้องชาวอาข่า - Yummacha

เราสร้างบ่อยืดอายุไม้ไผ่ ส่งมอบความยั่งยืนให้ชาวอาข่า เสริมภูมิปัญญาเชื่อมป่ากับคน ด้วยการผสานความรู้ด้านสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ฝึกอาชีพช่างไม้ไผ่ เพิ่มรายได้ให้ชุมชน
banner - inskru
logo - inskru

insKru

เราเปิดพื้นที่รวบรวมไอเดีย กิจกรรม สื่อ เทคนิคการสอน ที่แบ่งปันโดยคนในคอมมูนิตี้ ส่งต่อแรงบันดาลใจสนับสนุน และเติมพลังใจซึ่งกันและกัน