เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

ปัญหาหมาแมวจรจัดสำคัญยังไง วิธีแก้ปัญหา และการช่วยเหลือ

ปัญหาหมาแมวจรจัดในไทยส่งผลกระทบในแง่ลบมากมาย แต่ที่สำคัญที่สุดคือสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของหมาแมวเหล่านั้นที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ Cheewid มีข้อมูลน่าสนใจพร้อมช่องทางการช่วยเหลือมาฝาก
ปัญหาหมาแมวจรจัดสำคัญยังไง วิธีแก้ปัญหา และการช่วยเหลือ
Table of Contents

ปัจจุบันปัญหาหมาแมวจรจัดล้นเมืองยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้จะมีการพูดถึงมาอย่างยาวนาน แต่ยังคงก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ตามมาไม่เว้นวัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเห่าหอนที่ถือเป็นมลพิษทางเสียง ปัญหาสิ่งปฏิกูลจากหมาแมวจรจัด ที่ก่อให้เกิดโรคระบาดจากสัตว์สู่คน หรือคนสู่สัตว์ พาหะของโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงอันตรายและอุบัติเหตุจากหมาแมวที่คร่าชีวิตผู้คนทุกปี 

ปัญหาหมาแมวจรจัดในสังคมไทย

แม้หมาแมวจะเป็นสัตว์ที่อยู่ใกล้ชิดกับสังคมมนุษย์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยที่คนเริ่มสนใจเลี้ยงสัตว์แสนรู้เหล่านี้แทนการมีลูก แต่กลับเป็นที่น่าตกใจว่าอัตราของหมาแมวจรจัดยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี

สถิติของหมาแมวจรจัดในประเทศไทย

สถิติของหมาแมวจรจัดในประเทศไทย

ฐานข้อมูลเพื่อการขึ้นทะเบียนสุนัข-แมว ได้มีการรายงานตัวเลขของหมาจรจัด และแมวจรในไทยเอาไว้ในช่วงปี 2562 โดยมีการสำรวจผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่า

  • สัตว์เลี้ยงมีเจ้าของ 

หมาที่มีเจ้าของเป็นจำนวน 2,064,876 ตัว

แมวที่มีเจ้าของเป็นจำนวน 799,235 ตัว

  • สัตว์เลี้ยงไม่มีเจ้าของ

หมาจรจัดเป็นจำนวน 109,123 ตัว 

แมวจรจัดเป็นจำนวน 55,021 ตัว

 

ซึ่งการแก้ปัญหานี้ได้ จำเป็นต้องมีความร่วมมือทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทุกคนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง

สาเหตุของปัญหาหมาแมวจรจัด

สาเหตุของปัญหาหมาแมวจรจัด

สาเหตุของปัญหาหมาจรจัด หรือแมวจรจัดในไทยเกิดและมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากหลายประการ โดยจำแนกออกเป็น 5 สาเหตุหลักๆ ดังนี้

1. การขาดจิตสำนึกรับผิดชอบของเจ้าของ

จากการวิจัยพบว่า น่าเศร้าไม่น้อยที่สาเหตุของปัญหาหมาจรจัด หรือแมวจรจัดส่วนใหญ่เกิดจากการขาดจิตสำนึกของผู้เลี้ยงดู การขาดความรู้ในการเลี้ยงสัตว์ หรือไม่สามารถดูแลในด้านค่าใช้จ่าย พื้นที่อาศัยเพื่ออำนวยความสะดวกให้สัตว์เลี้ยง หรือรุนแรงถึงขั้นการทำร้ายหมาแมว นำไปสู่การปล่อยปละละเลย จนกลายเป็นปัญหาหมาแมวจรจัดตามมา

2. สัตว์เลี้ยงพลัดหลงออกจากบ้าน

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าหมาและแมวมักกลัวเสียงดัง ในช่วงเทศกาลจึงเป็นช่วงที่มีข่าวสัตว์เลี้ยงหายออกจากบ้านบ่อยๆ เพราะตกใจเสียงพลุ การแสดง หรือดนตรีต่างๆ ทำให้เกิดปัญหาพลัดหลงของสัตว์เลี้ยง ไม่สามารถตามเจอได้ และกลายเป็นสัตว์จรจัดในที่สุด 

3. การขาดความรับผิดชอบของผู้เพาะพันธุ์สัตว์

หลายฟาร์มเพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้มีการดูแลหมาแมวอย่างเหมาะสม ทำให้สัตว์เจ็บป่วย หรือมีอันตรายอื่นๆ เกิดขึ้น ก็ทำให้เกิดปัญหาหมาจรจัด หรือแมวจรจัดได้ เพราะสัตว์เหล่านั้นมักถูกทิ้งขว้าง หรือนำไปปล่อย โดยปราศจากความรับผิดชอบและบทลงโทษ

4. การจัดการที่ไม่เพียงพอจากหน่วยงานของรัฐ

รัฐจำเป็นที่ต้องให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนให้สัตว์เลี้ยงได้ขึ้นทะเบียนสำหรับการดูแล และควบคุมสัตว์จรจัด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดมาจากข้อมูลที่ The Standard ได้รวบรวมและสรุปการอภิปรายของคุณ นิภาพรรณ จึงเลิศศิริ (สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร) ที่กล่าวถึงงบประมาณการจัดทำหมันแมว 1 หมื่นตัว ในปี 2566 ว่า “เราจำเป็นต้องตั้งเป้าไว้ให้สูงกว่านั้น.. ถ้ามีเป้าหมายเพียงเท่านี้ ปัญหาแมวจรจัด หรือสุนัขจรจัดจะไม่มีวันลดลง” 

5. การขาดศูนย์ดูแลพักพิงสัตว์จร

เมื่อสัตว์เลี้ยงอย่างหมาแมวถูกทอดทิ้ง หรือพลัดหลงจากเจ้าของ แม้จะเข้าสู่กระบวนการฉีดวัคซีนทำหมันแล้ว จากทั้งเจ้าของเก่าเอง หรือทางหน่วยงานของรัฐจัดสรร แต่หากไม่ได้รับการดูแลต่อจากศูนย์ดูแลพักพิงสัตว์จรจัด ผู้ใจดี และไม่ได้เข้าสู่ระบบการจัดหาบ้านสุนัขจรจัด บ้านแมวจรจัดที่สามารถเลี้ยงดู ให้ที่พักพิงถาวรกับพวกเขาได้ สัตว์เหล่านั้นก็จะถูกส่งกลับสู่สังคมเหมือนอย่างเคย แค่บางตัวเท่านั้นที่จะไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ต่อไป แต่แน่นอนว่าปัญหายังคงอยู่ที่เดิม

ผลกระทบจากปัญหาหมาจรแมวจัด

ผลกระทบจากปัญหาหมาจรแมวจัด

จากปัญหาหมาจรจัด และแมวจรจัดเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่เพียงแค่ผู้อยู่อาศัยในละแวกชุมชนที่มีหมาแมวจรจัดเท่านั้น แต่หมาแมวจรจัดอาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาระดับประเทศได้เช่นกัน โดยผลกระทบจากปัญหาหมาแมวจรจัดนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ

ผลกระทบต่อสวัสดิภาพของสัตว์

สำหรับบางตัวที่เคยถูกเลี้ยงมา เมื่อต้องออกเผชิญโลกภายนอก สวัสดิภาพและความเป็นอยู่พลิกผัน เหมือนกันกับสัตว์จรที่ไม่ได้รับการดูแลจากเจ้าของ หรือไม่เคยมีเจ้าของมาก่อน ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างดิ้นรนด้วยตัวเอง ในสภาพแวดล้อมไม่แน่ไม่นอน เช่น

  • การไม่มีที่อยู่อาศัยของหมาแมวจรจัด เห็นได้จากการนอนตามท้องถนน หรือหน้าร้านสะดวกซื้อ
  • หมาแมวจรจัดเหล่านั้นมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ไม่ได้กินอาหาร หรือต้องกินเศษอาหารที่ไม่เหมาะสมกับร่างกาย และขับถ่ายไม่เป็นที่ทาง
  • เมื่อเจ็บป่วย หมาจรจัดหรือแมวจรจัดจะไม่ได้รับการรักษา หรือต่อให้ตายลงก็อาจไม่ได้มีการจัดการอย่างเหมาะสม จนอาจเป็นพาหะนำโรคอย่างพิษสุนัขบ้าได้อีกด้วย
  • ขาดความปลอดภัย ไม่ว่าจะจากหมาจรจัด หรือแมวจรจัดตัวอื่นทำร้าย หรือจากมนุษย์ทำร้าย ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก็ตาม เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้น หลากหลายกรณีก็เนื่องมาจากหักหลบสัตว์จรจัด เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า ผลกระทบเหล่านี้ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของหมาแมวจรจัดโดยตรง ผู้คนอาจไม่ได้สนใจความเป็นอยู่ของหมาจรจัด หรือแมวจรจัดมากนัก เพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สัตว์ไร้เจ้าของ และไม่ต้องมีส่วนรับผิดชอบใดๆ แต่อาจลืมไปว่าหมาแมวจรจัดเหล่านั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจ และควรได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นกัน

ผลกระทบต่อคนในสังคม

จากการวิจัยพบว่า เมื่อปัญหาหมาแมวจรจัดไม่ได้รับการดูแลอย่างดีจนเกิดผลกระทบอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ผลกระทบนั้นก็จะถูกส่งต่อมายังมนุษย์ จนถึงระดับสังคม และระดับประเทศได้เช่นกัน ดังนี้

  • ด้านสาธารณะสุข

นอกจากพาหะของโรคพิษสุนัขบ้าที่ติดเชื้อสู่คนได้ง่ายแล้ว ยังมีโรคฉี่หนู โรคกลาก และโรคที่เกิดจากพยาธิในลำไส้ที่มีสาเหตุจากการมีหมาแมว หรือสัตว์จรจัดอื่นๆ อยู่รวมกันได้อีกด้วย เพราะเป็นแหล่งสะสม เพาะเชื้อ และกระจายเชื้อโรคอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังยากต่อการควบคุมการแพร่ระบาด

  • ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

นอกจากกลิ่นเหม็นที่มาจากกองขยะในบริเวณชุมชนแล้ว การขุดคุ้ยหาเศษขยะจากบรรดาหมาแมวจรจัด อาจส่งผลให้กลิ่นขยะรุนแรงขึ้น และทำให้บริเวณรอบๆ ดูไม่สะอาด ไม่ถูกสุขลักษณะ และยังเกิดเสียงเห่าหอนที่ทำให้เกิดความรำคาญ หรือแม้กระทั่งปัญหาที่เจอได้บ่อยอย่างหมาจรจัด หรือแมวจรจัดวิ่งตัดหน้ารถก็ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อน และอุบัติเหตุทางถนนได้เช่นกัน

  • ด้านเศรษฐกิจ

ค่าใช้จ่ายในการดูแล หรือสร้างศูนย์พักพิงสำหรับหมาแมวจรจัดนั้นค่อนข้างมาก อีกทั้งน่วยงานของรัฐยังต้องให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการทำหมัน การฉีดวัคซีน หรือการดูแลอื่นๆ จึงส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ รวมถึงปัญหาเรื่องที่ดินราคาตกเพราะสิ่งแวดล้อมไม่น่าอยู่จากการมีฝูงหมาแมวจรจัดอาศัยอยู่ด้วย

วิธีแก้ปัญหาสุนัขจรจัด และแมวจรจัด

วิธีแก้ปัญหาสุนัขจรจัด และแมวจรจัด

รัฐบาลได้มีการสนับสนุนวิธีแก้ปัญหาสุนัข และแมวจรจัดที่ต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กับภาคประชาชน ดังนี้

  • การสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบในการเลี้ยงสัตว์ ทำให้คนที่เลี้ยงสัตว์ได้เรียนรู้วิธีการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ถูกต้อง และปลูกฝังให้แสดงความรัก ดูแลเหมือนคนในครอบครัว ไม่ละเลยทอดทิ้ง และต้องมีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง
  • การควบคุมสุนัข และแมวจรด้วยการฉีดวัคซีน และทำหมัน ปัจจุบันกรุงเทพฯ ได้มีการลงพื้นที่ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และมีการทำหมันให้กับหมาแมวจรจัด ซึ่งเป็นการนำร่องนโยบายช่วยลดปัญหาโรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคติดต่อจากสัตว์อื่นๆ ตามมาได้
  • การขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง ช่วยลดปัญหาหมาแมวถูกนำไปปล่อยทิ้ง หรือมีการทำร้ายร่างกายสัตว์เลี้ยงได้เพราะมีการกำหนดโทษแก่เจ้าของ เพื่อให้สวัสดิภาพของสัตว์เลี้ยงจะได้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าเดิม
  • การบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองสัตว์อย่างเคร่งครัด สิ่งสำคัญ คือ เมื่อเกิดปัญหาแล้วควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อลดช่องโหว่ในการทำความผิดอันก่อให้เกิดปัญหาหมาแมวจรจัดหรืออื่นๆ ตามมา
  • วางมาตรการดูแลและควบคุมสัตว์จรจัด รัฐจำเป็นที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง และตั้งเป้าหมายในระดับที่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลจริง
  • การสนับสนุนและส่งเสริมหน่วยงานดูแลสัตว์จรจัด มูลนิธิที่ให้การช่วยเหลือหมาแมวจรจัดก็มีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือในด้านค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาบ้านสุนัขจรจัด หรือแมวจรจัด ค่าฉีดวัคซีน ค่าทำหมัน ค่าอาหาร หากมีการสนับสนุนศูนย์ช่วยเหลือหรือหน่วยงานที่ดูแลสัตว์ก็จะทำให้หมาแมวจรจัดได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 
  • ผลักดันและเปิดโอกาสให้สัตว์จรกลายเป็นสัตว์บ้าน จากบทสัมภาษณ์เรื่องสัตว์จรจัดกับ นัชญ์ ประสพสิน เจ้าของเพจทูนหัวของบ่าว และเจ้าของบ้านพักพิงแมวจร Catster by Kingdomoftiger ใน Urban Creature ให้ความเห็นว่า

 

“การจะจบกระบวนการเป็นแมวจรได้ แมวที่เราช่วยต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง” 

 

อันเป็นกระบวนการสำคัญประการสุดท้ายที่จะทำให้ปัญหาหมา แมว และสัตว์จรจัดต่างๆ หมดไปได้

นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาหมาแมวจรจัดของไทย

นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาหมาแมวจรจัดของไทย

ปัจจุบันเรามีหน่วยงานของภาครัฐ และภาคเอกชนร่วมกันกำหนดนโยบายเพื่อใช้เป็นแนวทาง และวิธีแก้ปัญหาหมาจรจัด และแมวจรจัดไว้ ดังนี้

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

องค์กรนี้มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับผิดชอบดูแลครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศสำหรับจัดการปัญหาหมาจรจัด โดยมีการกำหนดให้เจ้าของต้องพาสัตว์เลี้ยงไปขึ้นทะเบียนสัตว์ ต้องได้รับการฉีดวัคซีน และหากสังเกตเห็นว่าหมาแมวของตนมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้า เจ้าของต้องแจ้งแก่ราชการส่วนท้องถิ่นทันที เพื่อจะได้ป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ในการจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่หมาแมวจรจัดด้วย

กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมปศุสัตว์มีบทบาทในด้านการควบคุมดูแลการฉีดวัคซีน การทำหมัน เพื่อควบคุมการกำเนิดสัตว์ และหากได้รับแจ้งเหตุว่ามีการทารุณกรรมสัตว์ กรมปศุสัตว์สามารถเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ หรือดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือสัตว์ได้ อีกทั้งยังมีอำนาจในการสั่งให้การุณฆาตสัตว์ได้ หากพิจารณาแล้วว่าหมาแมวจรจัดมีการเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บสาหัส และสัตวแพทย์ลงความเห็นว่าการอยู่ต่ออาจทำให้ทรมานกว่าเดิม กรณีมีเจ้าของต้องได้รับความยินยอมก่อนด้วย และยังมีบทบาทในด้านการจัดหาบ้านสุนัขจรจัด หรือสัตว์จรจัดอื่นๆ ด้วย

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

บทบาทหน้าที่ของกรมควบคุมโรค คือ การพัฒนางานด้านวิชาการให้ก้าวหน้าเพื่อนำมาปรับใช้ และถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชน ทั้งการศึกษา วิจัย และพัฒนา เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมรักษาโรคภัยที่คุกคามสุขภาพ อย่างโรคพิษสุนัขบ้าที่ระบาดได้จากสัตว์จรจัด จึงเน้นไปที่การให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์อย่างถูกวิธี มนุษย์และหมาแมวจึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย

หน่วยงานเอกชน หรือโครงการเพื่อสังคม

นอกเหนือจาก 3 หน่วยงานข้างต้น ก็ยังมีหน่วยงานเอกชน หรือโครงการเพื่อสังคมที่ให้การสนับสนุนการฉีดวัคซีน ทำหมัน หรือให้การดูแลด้านอื่นๆ แก่หมาแมว หรือสัตว์จรจัดอื่นๆ เช่น

  • มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์พิการ (ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
  • มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation)
  • มูลนิธิ The Voice (เสียงจากเรา)
  • สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย (Thai AGA)
  • มูลนิธิสันติสุขเพื่อสุนัขและแมว
  • องค์กรการกุศล WVS Care for Dog  
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

สิ่งที่ทุกคนทำได้ เพื่อร่วมแก้ปัญหาหมาจรจัด หรือแมวจร

สิ่งที่ทุกคนทำได้ เพื่อร่วมแก้ปัญหาหมาแมวจรจัด

ไม่เพียงแค่หน่วยงานรัฐ หรือเอกชนเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือหมาแมวจรจัดได้ เพราะทุกคนก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาหมาจรจัด และแมวจรจัดได้ โดยทำได้ดังนี้

1. การประชาสัมพันธ์

กระบอกเสียงที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ คือ โซเชียลมีเดีย เราสามารถเผยแพร่ข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปได้รับทราบถึงปัญหาหมาแมวจรจัด รวมไปถึงวิธีแก้ปัญหาสุนัขจรจัด การช่วยเหลือสัตว์จรจัด การติดต่อมูลนิธิต่างๆ รวมไปถึงองค์กรที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือ เพื่อจัดหาบ้านสุนัขจรจัด หรือแมวจรจัดให้อยู่อาศัยอย่างเหมาะสม โดยทุกคนสามารถมาโปรโมตผ่านช่องทางช่องโซเชียลมีเดียได้ เพื่อจะได้เป็นการกระจายข้อมูลแก่คนอื่นต่อไป

2. การสร้างความตระหนักรู้

การที่เจ้าของมีความรัก ความเอาใจใส่ และตระหนักรู้ว่าหากปล่อยปละละเลยหมาแมวของตนไปแล้ว ผลกระทบที่ตามมาอาจทำให้สัตว์เลี้ยง และคนอื่นๆ ได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง อาจมีส่วนช่วยลดปัญหาหมาแมวจรจัดได้มากขึ้น สิ่งสำคัญในการเลี้ยงสัตว์ คือ ต้องมีความรู้ และสามารถสนับสนุนในด้านอื่นๆ ได้มากพอ อีกทั้งทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงดูหมาแมวของเจ้าของก็สามารถช่วยลดปัญหาหมาแมวจรจัดเกลื่อนเมืองได้ รวมถึงผู้ที่พบเจอหมาแมวจรจัดก็สามารถติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หมาแมวได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม โดยไม่ทอดทิ้งให้เป็นปัญหาสังคมต่อไปได้เช่นกัน

3. การสนับสนุนให้กับองค์กร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การสนับสนุนให้กับองค์กร หรือหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือหมาแมวจรจัด ทำได้โดยการบริจาคเงิน สิ่งของ หรือการเข้าไปเป็นหนึ่งในอาสาสมัครของหน่วยงานนั้น เพราะค่าใช้จ่าย และกำลังคนเป็นสิ่งพื้นฐานที่จำเป็นต่อการช่วยเหลือหมาแมวจรจัด เช่น

  • Thai Love Animal ให้การช่วยเหลือสัตว์จรจัดที่ได้รับบาดเจ็บ สามารถระดมทุนเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ หรือบริจาคสิ่งของอย่างน้ำยากำจัดเห็บก็ได้เช่นกัน
  • มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation) ให้การดูแลรักษาสัตว์จรจัด รวมถึงทำหมัน ฉีดวัคซีน รักษาพยาบาล ให้บ้านแก่สุนัขจรจัด และกำลังต่อสู้เพื่อยุติธุรกิจการค้าเนื้อสุนัขในทวีปเอเชียอีกด้วย ทุกคนสามรถบริจาคค่าอาการ ค่ารักษาพยาบาลได้แบบทั้งรายครั้ง และรายเดือนให้แก่มูลนิธิ
  • มูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร เราสามารถเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิรักแมวได้ เพื่อให้การช่วยเหลือหาบ้าน และทำหมันให้แก่แมวจรจัด

สรุป

ปัญหาหมาแมวจรจัดในไทย ส่งผลให้ภาพลักษณ์ในละแวกนั้นไม่น่ามอง อาจเต็มไปด้วยเสียงดัง กลิ่นเหม็น และพาหะเชื้อโรคจากหมาแมวจรจัดที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การมีหน่วยงานเข้ามาให้การช่วยเหลือ และดูแลในส่วนนี้ จะช่วยลดปัญหาการเกิดขึ้นของหมาแมวจรจัดได้

แต่ที่สำคัญที่สุดคือสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของหมาแมวเหล่านั้นที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สิ่งที่พวกเราทำได้เพื่อลดและแก้ปัญหาหมาจรจัด คือ การสร้างความตระหนักรู้แก่เจ้าของให้มีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง การขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง พาสัตว์เลี้ยงของตนไปฉีดวัคซีน และทำหมัน รวมถึงยังมีช่องทางการสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง และแมวจรจัดได้ เช่น การบริจาคเงิน สิ่งของ หรือเข้าเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือร่วมกับองค์กรต่างๆ นั่นเอง

 

Reference:

  1. กองบริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัยมหิดล. การเลี้ยงสัตว์ที่จะไม่เป็นปัญหาของสังคม. op.mahidol.ac.th.  Published 6 June 2022. Retrieved 7 June 2023
  2. ปริญญาวัน ชมเสวก. แนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสุนัขจรจัด : ศึกษากรณีที่มีการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน. Ombstudies.ombudsman.go.th. Published 2020.Retrieved 7 June 2023
  3. โครงการสัตว์ปลอกโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า. ฐานข้อมูลเพื่อการขึ้นทะเบียนสุนัข-แมว. Retrieved 7 June 2023
  4. BBC News ไทย. แก้อย่างไร หมา-แมวจรจัดทั่วไทยกว่า 1 ล้านตัว เก็บภาษี กำจัด ไม่ใช่ทางออก. bbc.com/thai. Published 19 March 2018. Retrieved 7 June 2023

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner - soi dog foundation
logo - soi dog foundation

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation)

ด้วยการสนับสนุนของคุณ เราจึงสามารถให้ความช่วยเหลือและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตสัตว์จรจัด โดยการสนับสนุนศูนย์พักพิงอื่นทั่วไทย

banner - thevoicefoundation
logo - the voice foundation

THEVOICEFOUNDATION

ตัวแทนเสียงของสรรพสัตว์ที่ไม่สามารถส่งเสียงเพื่อตัวเองได้แม้ในวันที่เจ็บปวด หากคุณเพียงเปิดใจรับฟัง”เสียงจากเรา” 

banner - bring the elephant home
logo - bring the elephant home

Bring The Elephant Home

เรามุ่งเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของช้างและการพัฒนาโลกที่มนุษย์และช้างสามารถดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้