เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
Table of Contents

Key Takeaway

  • สาเหตุการว่างงาน เกิดจากเศรษฐกิจโลกและในประเทศไม่มั่นคง การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงทักษะแรงงานไม่สอดคล้องกับความต้องการตลาด
  • ผลกระทบจากวิกฤตว่างงาน ส่งผลต่อรายได้ครอบครัว คุณภาพชีวิตลดลง ก่อให้เกิดความเครียดทางจิตใจ และชะลอการเติบโตเศรษฐกิจโดยรวม
  • โครงการช่วยเหลือคนว่างงานในกรุงเทพฯ มีทั้งโครงการฝึกอาชีพ Job Expo พื้นที่ค้าขาย และโครงการสร้างรายได้อื่นๆ เพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มโอกาสจ้างงาน
  • มุมมองจากผู้ว่าฯ ชัชชาติและนโยบายเพื่อคนกรุงเทพฯ มุ่งสร้างพื้นที่โอกาส สนับสนุนชุมชนให้เข้มแข็ง และพัฒนาเมืองโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

หลายคนคุ้นภาพเช้าวันจันทร์ที่ผู้คนบางส่วนกำลังเร่งรีบไปทำงาน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่นั่งอยู่บ้าน เปิดโทรศัพท์ไถหางานใหม่ด้วยความกังวลใจ การว่างงานไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เพราะในยุคนี้เศรษฐกิจผันผวน ธุรกิจเปลี่ยนเร็ว และหลายตำแหน่งงานถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี… ภาพเล็กๆ แบบนี้สะท้อนปัญหาใหญ่ที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ ปัญหาว่างงานไม่ใช่แค่รายได้ที่หายไป แต่ความหมายและความภูมิใจในชีวิตของเราด้วยที่หายไป 

 

และยังสะท้อน ‘ปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจ’ ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ประเทศจึงควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขในรายงาน แต่คือชีวิตจริงของเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง หรือแม้แต่ตัวเราเอง และคำถามสำคัญคือ… เราจะก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปด้วยกันอย่างไร? วันนี้ Cheewid พามาเจาะลึกปัญหานี้ แล้วมาหาทางออกที่คนในสังคมต้องร่วมกันแก้ไข

 

สาเหตุ ‘การว่างงาน’ วิกฤตใหญ่ในสังคมไทย

สาเหตุ ‘การว่างงาน’ วิกฤตใหญ่ในสังคมไทย

หลายคนอาจคิดว่าการว่างงานเป็นเรื่องส่วนตัวของใครบางคน แต่จริงๆ แล้วคือภาพสะท้อนของทั้งระบบที่เชื่อมโยงกัน ตั้งแต่เศรษฐกิจ การศึกษา ไปจนถึงเทคโนโลยี เมื่อมีปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งสะดุด ย่อมส่งผลให้คนจำนวนมากต้องหลุดออกจากตลาดแรงงาน และนี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาที่กระทบในวงกว้างกว่าที่เราคิด

 

สภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศ

ภาวะเศรษฐกิจคือรากฐานสำคัญที่กำหนดโอกาสการทำงานของทุกคน เมื่อเศรษฐกิจโลกเผชิญปัญหา เช่น วิกฤติการเงิน ภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันผันผวน หรือสงครามการค้า ย่อมส่งแรงสะเทือนมายังเศรษฐกิจไทยทันที หลายธุรกิจต้องชะลอการลงทุน ลดการผลิต หรือปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเอาตัวรอด 

ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศเอง หากมีการเติบโตที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง หรือการท่องเที่ยวและการส่งออกไม่ฟื้นตัว ก็ยิ่งกดดันตลาดแรงงาน ผลลัพธ์คือการจ้างงานใหม่หดตัวลง ขณะที่การเลิกจ้างกลับเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากตกอยู่ในสภาวะว่างงานอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี

โลกการทำงานกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หลายอุตสาหกรรมต้องปรับตัวรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เข้ามาทำงานแทนแรงงานคนในหลายตำแหน่ง แม้การพัฒนาเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็มาพร้อมกับความต้องการลดแรงงานแบบเดิม ทำให้คนจำนวนมากต้องหลุดจากงานที่เคยมั่นคง และหากขาดทักษะใหม่ๆ ที่ตรงกับตลาดก็ยิ่งหางานใหม่ยาก จนเกิดเป็นปัญหาการว่างงานที่ทวีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

 

การเลิกจ้างและภาคธุรกิจที่หดตัว

เมื่อธุรกิจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น กำไรลดลง หรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเลิกจ้างมักกลายเป็นทางออกที่ผู้ประกอบการเลือกเพื่อรักษาสมดุลการเงิน แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยาก แต่ก็ทำให้พนักงานจำนวนไม่น้อยต้องตกงานทันที ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจที่หดตัวลง ไม่ว่าจะเป็นการปิดกิจการหรือการลดขนาดองค์กร ยิ่งทำให้โอกาสการจ้างงานใหม่ๆ หายไป ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากไม่มีพื้นที่กลับเข้าสู่ตลาดงานได้ง่าย และยิ่งซ้ำเติมให้ปัญหาการว่างงานขยายกว้างขึ้นในสังคมไทย

 

ผลกระทบจากวิกฤตว่างงาน กับวงจรที่ต้องถูกทำลาย 

ผลกระทบจากวิกฤตว่างงาน กับวงจรที่ต้องถูกทำลาย

การว่างงานไม่ใช่แค่ปัญหาชั่วคราว แต่เป็นจุดเริ่มต้นของวงจรที่กัดกินชีวิตคนจำนวนมาก เมื่อไม่มีงานทำ รายได้หาย ความมั่นคงสั่นคลอน และความกังวลก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว หากวงจรนี้ไม่ถูกทำลายตั้งแต่ต้น สังคมโดยรวมก็จะต้องแบกรับผลกระทบที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม

 

ด้านรายได้และครอบครัว

การว่างงานส่งผลโดยตรงต่อรายรับของครอบครัว เมื่อรายได้หลักหายไป การดูแลค่าใช้จ่ายประจำวันก็ยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าไฟ ค่าน้ำ หรือค่าผ่อนบ้านผ่อนรถ กลายเป็นภาระที่กดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังส่งผลต่ออนาคตของครอบครัว เช่น ค่าเล่าเรียนของลูก หรือการเก็บเงินเพื่อความมั่นคงในวันข้างหน้า ความตึงเครียดทางการเงินอาจนำไปสู่ความขัดแย้งและบรรยากาศที่ไม่อบอุ่นเหมือนเดิม 

ทำให้ปัญหาว่างงานไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวบุคคล แต่ลามไปสู่ความเปราะบางของครอบครัวทั้งระบบ จนอาจเกิดปัญหาคนไร้บ้าน ปัญหาเด็กด้อยโอกาส หรือปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ในอนาคต

 

ด้านจิตใจและสังคม

การว่างงานไม่เพียงทำให้ขาดรายได้ แต่ยังบั่นทอนกำลังใจและความมั่นใจในตัวเอง หลายคนรู้สึกหมดคุณค่า เหมือนถูกตัดขาดจากสังคม การไม่มีงานทำส่งผลให้ไม่อยากพบปะผู้คน วงจรชีวิตที่เคยมีเป้าหมายก็หยุดชะงัก ความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าจึงเกิดขึ้นได้ง่าย ขณะเดียวกันสังคมรอบข้างอาจตีตราหรือมองด้วยสายตาที่กดดัน ยิ่งซ้ำเติมให้คนว่างงานรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น อาจกลายเป็นปัญหาสังคมในวงกว้าง ที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนและความเข้มแข็งของชุมชนโดยรวม

 

ด้านเศรษฐกิจโดยรวม

การว่างงานไม่ได้กระทบแค่ตัวบุคคลหรือครอบครัว แต่ยังสั่นคลอนเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ เมื่อคนตกงานมากขึ้น กำลังซื้อของประชาชนก็ลดลง ธุรกิจค้าขายและการบริการก็ซบเซาตามไปด้วย ส่งผลให้การหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจชะลอตัว รัฐบาลเองก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อดูแลคนว่างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ 

ขณะเดียวกัน หากแรงงานจำนวนมากไม่ได้รับการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ประเทศก็อาจสูญเสียศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว วิกฤตการณ์การว่างงานจึงไม่ใช่แค่ปัญหาส่วนตัว แต่คือแรงกดดันที่ฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไทยทั้งหมด

 

โครงการจากนโยบายช่วยเหลือคนว่างงานที่น่าสนใจในกรุงเทพฯ

ในเมืองใหญ่ที่มีการแข่งขันสูงอย่างกรุงเทพฯ การว่างงานอาจสร้างความกังวลใจให้กับหลายครอบครัว แต่โชคดีที่มีหน่วยงานรัฐและสำนักงานว่างงานคอยทำหน้าที่เป็นเครือข่ายสนับสนุนให้ประชาชนได้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมั่นใจ 

รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือทั้งด้านการเงินและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น เงินช่วยเหลือชั่วคราว การฝึกอบรมเพิ่มทักษะ หรือโครงการจ้างงานเพื่อสังคม เพื่อช่วยให้คนว่างงานมีโอกาสพัฒนาตัวเองและกลับมามีรายได้อีกครั้ง พร้อมสร้างชีวิตที่มั่นคงและเข้มแข็ง

 

1. โครงการฝึกอบรมอาชีพ

โครงการฝึกอบรมสอนวิชาชีพฟรีในงาน BANGKOK EXPO 2025 โดยกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่สำนักงานว่างงานและหน่วยงานรัฐจัดขึ้น เพื่อช่วยให้คนว่างงานพัฒนาทักษะที่ตรงกับความต้องการของตลาด ไม่ว่าจะเป็นงานช่าง งานบริการ งาน IT หรือธุรกิจขนาดเล็ก จัดเป็นหลักสูตรระยะสั้น มีทั้งการเรียนรู้เชิงทฤษฎีและฝึกปฏิบัติจริง ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถฝึกทักษะใหม่ๆ และเพิ่มโอกาสหางานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้คนว่างงานมีความมั่นใจและแรงจูงใจกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

 

2. พื้นที่ปลอดภัยให้ค้าขาย

โครงการพื้นที่ปลอดภัยให้ค้าขายเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ช่วยให้คนว่างงานมีโอกาสสร้างรายได้ด้วยตัวเอง รัฐบาลและหน่วยงานรัฐจัดพื้นที่ตลาดชั่วคราว พื้นที่สาธารณะ หรือโซนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ให้สามารถขายสินค้าและบริการได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเช่าหรือกฎระเบียบที่ซับซ้อน 

โครงการนี้ลดความเสี่ยงทางการเงิน และยังส่งเสริมให้คนว่างงานได้ลองสร้างธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง ฝึกทักษะการบริหารจัดการ และสร้างเครือข่ายทางสังคม ทำให้พวกเขามีโอกาสกลับมามีรายได้อย่างมั่นคงและต่อยอดสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนในอนาคต 

 

3. Job Expo กรุงเทพฯ

งานมหกรรม JOB EXPO THAILAND 2025 กรุงเทพฯ เป็นงานแนะแนวอาชีพและหางานที่เข้าถึงตำแหน่งงานกว่า 6 แสนอัตรา จัดขึ้นเป็นประจำโดยหน่วยงานรัฐและเอกชน รวบรวมบริษัทและองค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรมมาพบปะผู้หางานในที่เดียว ภายในงานจะมีทั้งบูทรับสมัครงาน การสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับการสมัครงาน การเขียนเรซูเม่ และการเตรียมตัวสัมภาษณ์ รวมถึงเวิร์กช็อปพัฒนาทักษะเฉพาะทางสำหรับตำแหน่งงานต่างๆ 

โครงการนี้ช่วยให้คนว่างงานเข้าถึงโอกาสการจ้างงานอย่างตรงจุด และสร้างเครือข่ายที่เป็นประโยชน์ ทำให้ผู้เข้าร่วมมีโอกาสกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้เร็วขึ้นและมั่นใจมากขึ้นในการหางานใหม่

 

4. โครงการอื่นที่เปิดโอกาสสร้างรายได้

นอกจากโครงการฝึกอบรมและ Job Expo แล้ว ยังมีโครงการเสริมอื่นๆ ที่ช่วยคนว่างงานสร้างรายได้และกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน เช่น โครงการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยด้วยเงินทุนหมุนเวียน โครงการส่งเสริมอาชีพทางออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มกลางสำหรับการจ้างงานชั่วคราว ช่วยให้คนว่างงานได้ลองทำธุรกิจเล็กๆ เรียนรู้ทักษะใหม่ หรือทดลองงานในหลายรูปแบบ ลดความเสี่ยงด้านรายได้ และเพิ่มโอกาสสร้างเส้นทางอาชีพที่ยั่งยืนต่อไป ทำให้พวกเขามีแรงผลักดัน กลับมาสร้างชีวิตที่มั่นคงและมั่นใจได้อีกครั้ง

 

มุมมองจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ นโยบายแก้ปัญหาว่างงานเพื่อคนกรุงเทพฯ 

มุมมองจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ นโยบายแก้ปัญหาว่างงานเพื่อคนกรุงเทพฯ

ผู้ว่าฯ ชัชชาติให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการว่างงานในกรุงเทพฯ โดยมองว่าการสร้างโอกาสและพื้นที่รองรับคนว่างงานเป็นเรื่องจำเป็น นโยบายหลายด้านจึงเน้นการสนับสนุนแรงงาน การพัฒนาทักษะ และการสร้างเงื่อนไขให้คนกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมั่นคง

 

การสร้างพื้นที่โอกาสสำหรับคนว่างงาน

หนึ่งในนโยบายสำคัญคือการสร้างพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้คนว่างงานสามารถทำงานหรือค้าขายได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ตลาดชั่วคราว โซนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย หรือศูนย์ฝึกทักษะและพัฒนาธุรกิจขนาดเล็ก นโยบายนี้ช่วยลดอุปสรรคด้านค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงทางธุรกิจ เพิ่มแรงจูงใจให้คนว่างงานได้ลองสร้างรายได้และพัฒนาตัวเอง พร้อมสร้างเครือข่ายทางสังคมและโอกาสในการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างยั่งยืนในภาพรวม

 

การสนับสนุนชุมชนให้เข้มแข็งและดูแลกันเอง

นโยบายนี้เน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในกรุงเทพฯ โดยสนับสนุนให้ชุมชนสามารถจัดกิจกรรมสร้างรายได้ แบ่งปันทรัพยากร และดูแลสมาชิกที่ประสบปัญหาว่างงานด้วยกัน เช่น การจัดโครงการฝึกอาชีพชุมชน ตลาดนัดท้องถิ่น หรือกลุ่มช่วยเหลือระหว่างเพื่อนบ้าน การสร้างระบบสนับสนุนแบบนี้ช่วยลดความเปราะบางของคนว่างงาน เพิ่มความมั่นใจ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคนในชุมชน ทำให้เกิดเครือข่ายสังคมที่เข้มแข็ง สามารถช่วยกันฟื้นฟูรายได้และคุณภาพชีวิตของชุมชนได้ระยะยาว  

 

แนวคิดการพัฒนาเมืองที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

แนวคิดนี้เป็นหลักการสำคัญในนโยบายของผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มุ่งให้การพัฒนาเมืองเกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่เสี่ยงว่างงานและคนในชุมชนที่เปราะบาง เมืองถูกออกแบบให้มีโอกาสทางอาชีพเข้าถึงง่าย ทั้งพื้นที่ค้าขาย ศูนย์ฝึกอาชีพ และการสนับสนุนชุมชน นโยบายนี้ช่วยสร้างความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้คนว่างงานกลับมามีรายได้ พร้อมมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมยั่งยืน และไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง 

  

สรุป

การว่างงานไม่ใช่จุดจบ! แต่เป็นโอกาสให้เริ่มต้นใหม่และพัฒนาตัวเอง คนว่างงานกลับมายืนหยัดได้หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม ทั้งด้านทักษะ รายได้ และเครือข่ายสังคม หลายโครงการจากหน่วยงานรัฐ เช่น การฝึกอาชีพ Job Expo และพื้นที่ค้าขาย ช่วยเปิดทางให้คนมีรายได้และสร้างอนาคตของตัวเองได้อีกครั้ง 

นโยบายของ กทม. ภายใต้แนวคิดไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ก็ช่วยเสริมความมั่นคงและแรงจูงใจให้คนว่างงานกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างเข้มแข็ง บทเรียนสำคัญคือทุกคนมีศักยภาพและสามารถสร้างโอกาสใหม่ได้ หากสังคมร่วมมือสร้างพื้นที่ปลอดภัยและโอกาสให้กันและกัน การว่างงานจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่แข็งแกร่งขึ้นในอนาคต

 

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

ทำไมเด็กจบใหม่ถึงตกงานเยอะ?

เด็กจบใหม่หลายคนตกงานเพราะประสบการณ์ทำงานยังน้อย ทักษะไม่ตรงกับความต้องการของตลาด และการแข่งขันสูงในบางสาขา อีกทั้งบางตำแหน่งต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้คนจบใหม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวและพัฒนาตัวเองก่อนจะหางานได้ตรงสายอาชีพ

อาชีพอะไรที่กำลังมาแรงในอนาคต?

อาชีพที่กำลังมาแรงมักเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและดิจิทัล เช่น AI, Data Analyst, Cybersecurity, Digital Marketing และ E-Commerce Specialist รวมถึงอาชีพสายสุขภาพและพลังงานสะอาด ความต้องการในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นเพราะธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันเทรนด์โลก และเทคโนโลยีเข้ามาแทนแรงงานบางส่วน

อยู่บ้านทำอาชีพอะไรดี?

สำหรับคนที่ต้องการทำงานจากบ้าน อาชีพเหล่านี้ช่วยสร้างรายได้โดยไม่ต้องเดินทาง ลดค่าใช้จ่าย และสามารถพัฒนาทักษะไปพร้อมกับการทำงานได้ 

  1. ฟรีแลนซ์เขียนบทความ
  2. รับแปลภาษา 
  3. รับพิสูจน์อักษร
  4. กราฟิกดีไซน์
  5. ตัดต่อวิดีโอ
  6. ขายของออนไลน์
  7. สอนออนไลน์
  8. โซเชียลมีเดียมาร์เก็ตติง
  9. ให้คำปรึกษาผ่านช่องทางออนไลน์
  10. ขายสินค้างานฝีมือ

 

References

  1. Jobsdb. ปัญหาเด็กจบใหม่ว่างงานเป็นเพราะอะไร. jobsdb.com. Published 7 July 2023. Retrieved 2 October 2025. 
  2. Starfish Academy. ส่องเทรนด์ 7 อาชีพในอนาคตที่ตลาดแรงงานต้องการสูงสายงานไหนน่าจับตา. starfishlabz.com. Retrieved 2 October 2025. 

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner - กสศ
logo - กสศ

กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

เราสนับสนุนช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา เสริมสร้าง พัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู
logo - มูลนิธิไทยรัฐ

มูลนิธิไทยรัฐ

เราเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการศึกษา และช่วยเหลือกิจกรรมเกี่ยวกับการศึกษาแก่นักเรียนที่ยากจนและนักเรียนดีเด่นทั่วไป ส่งเสริมการศึกษา และค้นคว้าวิจัยงานหนังสือพิมพ์ร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์เพื่อเด็กๆ

banner - sos เด็กโสสะ

มูลนิธิโสสะแห่งประเทศไทยฯ

เราช่วยเหลือเด็กที่สูญเสียบิดามารดา ขาดญาติมิตร ในรูปแบบของครอบครัวทดแทนถาวรระยะยาว เพื่อให้เด็กสามารถประกอบอาชีพและเลี้ยงดูตัวเองได้ไม่เป็นภาระต่อสังคม