เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

รวม 11 มูลนิธิ บริจาคสำหรับคนพิการ เพื่อสร้างโอกาส และชีวิตที่ดีขึ้น

ปัจจุบัน การบริจาคเพื่อคนพิการสามารถทำได้ง่ายๆ ทาง CHEEWID มีช่องทางการบริจาคผ่านมูลนิธิที่เปิดให้บริการโดยไม่หวังผลตอบแทนมาฝาก
รวม 11 มูลนิธิ บริจาคสำหรับคนพิการ เพื่อสร้างโอกาส และชีวิตที่ดีขึ้น
Table of Contents

สังคมไทยในปัจจุบัน สวัสดิการของคนพิการนั้นไม่ได้ครอบคลุมมากพอที่จะสามารถช่วยให้ใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างราบรื่น หรือเกื้อหนุนให้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น 

เมื่อความพิการกลับกลายมาเป็นข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันตลอดจนการมีส่วนร่วมในสังคม การบริจาคเพื่อช่วยเหลือคนพิการ จึงช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงความต้องการขั้นพื้นฐานมากยิ่งขึ้น จะมีช่องทางไหนในการบริจาคให้คนพิการ หรือมีมูลนิธิที่น่าเชื่อถือใดที่เข้ามาช่วยพัฒนาชีวิตของผู้พิการให้ดียิ่งขึ้นบ้าง ไปดูกันเลย

คนพิการในสังคมไทย บริจาคคนพิการ

คนพิการในสังคมไทย

สังคมไทยในปัจจุบันมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ผู้ที่มีความพิการใช้ชีวิตลำบากมากยิ่งขึ้น เช่น รถประจำทางที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานของผู้พิการ หรือทางเท้าที่ไม่สะดวกมากพอต่อผู้ที่มีความพิการทางการมองเห็น หรือนั่งรถเข็น รวมไปถึงสวัสดิการของรัฐที่ยังครอบคลุมไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้คนพิการไม่สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยง่าย

ผลสำรวจสถิติของผู้พิการในสังคมไทย พบว่ามีผู้พิการประมาณ 3.7 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 5.5 ของประชากรทั่วไป ล้วนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องการประกอบอาชีพ การจดทะเบียน และการศึกษา เนื่องจากไม่ได้รับข่าวสารที่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการได้ เป็นผลให้ไม่สามารถที่จะเข้าถึงสวัสดิการของรัฐได้

อาจเป็นเพราะรัฐไม่ได้มีความจริงจังหรือกำลังในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนพิการมากพอ ทำให้ยังมีคนพิการบางกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ดังนั้นการบริจาคเพื่อช่วยเหลือคนพิการ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกแห่งการสนับสนุนที่ดีให้กับคนพิการในสังคมนี้ได้มีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น

 

 

รวมรายชื่อและข้อมูล 11 มูลนิธิเพื่อคนพิการ 

ในทุกการบริจาค ผู้ให้ก็ควรจะมั่นใจว่าสื่อกลางที่เข้ามาขับเคลื่อนโอกาส จะนำความช่วยเหลือไปถึงมือของผู้ที่ต้องการอย่างแท้จริง Cheewid ขอเป็นกระบอกเสียงส่งต่อข้อมูลการบริจาคผ่านทางมูลนิธิคนพิการ ดังนี้ 

 

บริจาคช่วยเหลือมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

1. มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

บริจาคให้กับเด็กพิการ ได้ทางมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ  สถานที่การกุศลแบบองค์กรแห่งการเรียนรู้ พัฒนา และฟื้นฟูเด็กพิการ เพื่อที่จะทำให้เด็กพิการสามารถช่วยเหลือตนเอง และดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขอยู่ในสังคม

  • ที่อยู่ : 546 ลาดพร้าว 47 แขวงสะพานสอง  เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
  • โทรศัพท์ : 02-5399958
  • อีเมล : fcdthailand@yahoo.com
  • เว็บไซต์ : https://fcdthailand.org/ 
  • Line ID : @fbz7291b

 

2. มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ

ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป องค์กรหรือสถานสาธารณกุศล พร้อมช่วยเหลือคนพิการทุกอย่างที่สร้างประโยชน์ได้ เช่น บริการล่ามภาษามือให้กับผู้ที่มีความพิการทางการได้ยิน การจัดงานสำหรับผู้พิการทุกประเภท การผลิตสื่อต่างๆ สำหรับคนพิการทางการได้ยิน การลงพื้นที่เพื่อไปตรวจเยี่ยมคนพิการ นำไปสู่การส่งเสริมสวัสดิการจากทางภาครัฐ ให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมบริจาคอุปกรณ์คนพิการ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้พิการได้

  • ที่อยู่ : 27/1-5 ซ. อรุณอมรินทร์ 39 แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
  • โทรศัพท์ : 02-1861188
  • อีเมล : info@ufpyimsoo.org
  • เว็บไซต์ : https://forallcenter.org/index.php/donate/ 
  • Line id : @wiriya

 

3. โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา (บ้านเด็กตาบอดผู้พิการซ้ำซ้อน)

บ้านเด็กตาบอด มูลนิธิคนพิการซ้ำซ้อน โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา ดำเนินการในรูปแบบของโรงเรียนประจำ รับเด็กพิการตั้งแต่ช่วงอายุ 2 – 16 ปี พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กตาบอดและผู้พิการซ้ำซ้อน ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น โดยสามารถสร้างโอกาสทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการบริจาคเงินให้แก่คนพิการ เลี้ยงอาหาร หรือบริจาคสิ่งของ 

  • ที่อยู่ : 21/13 รามอินทรา 34 แยก 19 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ
  • โทรศัพท์ : 02-5104895
  • อีเมล : cfbt.bkk@gmail.com
  • เว็บไซต์ : https://cfbt.or.th/bkk/ 
  • Line ID : cfbt.bkk

 

บริจาคมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ

4. มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ

มูลนิธิเพื่อคนพิการและด้อยโอกาส สามารถบริจาคผ่านทางมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ องค์กรการกุศล พร้อมช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้น รวมทั้งฟื้นฟูสมรรถภาพทางด้านการแพทย์ อาชีพ สังคม แก่คนพิการ เพื่อที่จะทำให้ผู้มพิการมีสุขภาวะที่ดี ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยมีการช่วยเหลือผู้พิการจนกว่าจะสามารถดำรงชีวิตและพึ่งพาตนเองได้ มีการบริการจัดการศึกษาระดับก่อนวัยเรียน และระดับวัยเรียน ไม่ว่าจะเป็นแบบไป-กลับโรงเรียน หรือระบบโรงเรียนประจำ

  • ที่อยู่ : 78 11 หมู่ที่ 1 ถ. ติวานนท์ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 
  • โทรศัพท์ : 02-5839597
  • อีเมล : office@fwc1954.org
  • เว็บไซต์ : https://www.fwc1954.org/ 
  • Line ID : fwc1954

 

5. มูลนิธิคนพิการไทย

มูลนิธิคนพิการไทย ช่องทางบริจาคให้กับคนพิการ พร้อมเปิดช่วยเหลือบุคคลปัญญาอ่อน ที่มีการขาดแคลนทางด้านทุนทรัพย์ มีการฝึกอบรม เพื่อพัฒนาทักษะให้กับบุคคลปัญญาอ่อนในทุกๆ ด้าน เพื่อส่งเสริมให้สามารถใช้ชีวิต และช่วยเหลือตนเองได้

  • ที่อยู่ : 78/63 หมู่ 1 ถนน ติวานนท์ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 
  • โทรศัพท์ : 02-5820898
  • อีเมล : tdf_tw@hotmail.com
  • เว็บไซต์ : http://www.tdf.or.th/ 

 

6. มูลนิธิราชสุดา

มูลนิธิเพื่อคนพิการและด้อยโอกาส มูลนิธิราชสุดา มีพระราชประสงค์ให้เป็นกองทุนสนับสนุนการศึกษา สามารถเข้ามาร่วมบริจาค  เพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิชาชีพให้แก่ผู้ที่มีความพิการ เพื่อที่จะส่งเสริมให้มีความสามารถที่จะช่วยเหลือตนเองได้ ทั้งผู้พิการหูหนวก หูตึง พูดไม่ได้ พูดผิดปกติ เป็นต้น 

  • ที่อยู่ : 132/111 ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล นครปฐม 
  • โทรศัพท์ : 02-8892204
  • อีเมล : ratchasuda.F@gmail.com
  • เว็บไซต์ : https://www.ratchasuda.org/th/

 

มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์

7. มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์

สถานสาธารณกุศลอีกแห่ง คือ มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นสถานสงเคราะห์คนพิการทางสมอง ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2505 เพื่อส่งเสริมฟื้นฟูสมรรถภาพทางด้านต่างๆ ให้แก่ผู้ที่มีความพิการทางด้านสติปัญญา ให้ผู้พิการเหล่านี้ได้มีการดำรงชีวิตประจำวันได้สะดวกมากขึ้น รวมไปถึงเผยแพร่วิธีการป้องกันการเกิดความพิการทางด้านสติปัญญาหรือภาวะปัญญาอ่อน

  • ที่อยู่ : 362 ถ.เพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
  • โทรศัพท์ : 02-2150781
  • อีเมล : fmrth@hotmail.com
  • เว็บไซต์ : https://fmrth.org/index.php?route=common/main 
  • Line ID : 0955506812

 

8. มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย

มูลนิธิช่วยเหลือคนตาบอดแห่งประเทศไทย องค์กรเอกชนสาธารณกุศล คอยช่วยเหลือผู้พิการทางด้านการมองเห็น ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดเชื้อชาติ และไม่จำกัดศาสนา ช่วยในเรื่องการฝึกอบรมด้านอาชีพ และให้การศึกษาสายสามัญ ทำให้ผู้พิการทางด้านการมองเห็นได้ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขในสังคม

  • ที่อยู่ : 420 ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
  • โทรศัพท์ : 02-3548365
  • อีเมล : service@blind.or.th
  • เว็บไซต์ : https://blind.or.th/ 
  • Line ID : @hrh7541n

 

9. มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์

มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก องค์กรสาธารณกุศลที่ได้มีการส่งเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับการศึกษา รวมทั้งการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้พิการทางการได้ยิน โดยสิ่งที่ทางมูลนิธิให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การส่งเสริมการจัดการการเรียนรู้ของครู เพื่อที่จะพัฒนาระบบการศึกษาของคนหูหนวก

  • ที่อยู่ : 137 ถ. พระรามที่ ๕ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ
  • โทรศัพท์ : 02-2415169
  • อีเมล : deafthai@gmail.com
  • เว็บไซต์ : https://www.deafthai.org/ 
  • Line ID : @deafthai 

 

10. มูลนิธิส่งเสริมอาชีพคนตาบอด

การบริจาคให้คนพิการผ่านทางมูลนิธิส่งเสริมอาชีพคนตาบอด จะช่วยเหลือผู้ที่พิการทางการมองเห็น เพื่อให้เกิดความชำนาญเกี่ยวกับงานของอาชีพต่างๆ ส่งเสริมพัฒนาประสบการณ์ของชีวิตให้ผู้ที่บกพร่องทางการมองเห็นได้เกิดความเชื่อมั่น มีอาชีพ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

  • ที่อยู่ : 77 ถนน จันทน์เก่า แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
  • โทรศัพท์ : 02-6780763
  • อีเมล : patimahporn@gmail.com
  • เว็บไซต์ : https://www.fepblind.org/ 

 

11. สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการ การุณยเวศม์

สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการการุณยเวศม์ เป็นมูลนิธิเพื่อคนพิการและด้อยโอกาสที่เปิดร่วมบริจาค เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเพศหญิงอายุ 18 ปีเป็นต้นไป ไม่มีญาติ ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง และจดทะเบียนคนพิการถูกต้อง เพื่อที่จะส่งเสริมให้ผู้พิการสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในสังคม

  • ที่อยู่ : 105 หมู่ 3 ถนนสุขุมวิท บางละมุง บางละมุง ชลบุรี 
  • โทรศัพท์ : 038241741
  • อีเมล : karunyawet@hotmail.com
  • เว็บไซต์ :http://karunyawet.go.th/th/ 
  • Line ID : @823tbgfq

 

ผลกระทบที่สามารถสร้างได้ จากการบริจาคช่วยเหลือคนพิการ

ผลกระทบที่สามารถสร้างได้ จากการบริจาคช่วยเหลือคนพิการ

การบริจาคช่วยเหลือคนพิการ เป็นสายธารน้ำใจที่ส่งต่อให้เพื่อนมนุษย์สามารถดำรงชีวิตต่อไปในสังคมไทยได้อย่างมีความสุข ทำให้หลายชีวิตสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยสร้างคุณค่าให้แก่ตนเองและผู้อื่นได้มหาศาล อีกทั้งยังสามารถช่วยต่อชีวิตของผู้พิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ซึ่งการบริจาคนั้นก็นับได้ว่าช่วยสร้างแต่สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ในสังคม และการบริจาคก็มีประโยชน์ต่อผู้ให้ด้วยเช่นเดียวกัน

  • การบริจาคลดหย่อนภาษีได้

บริจาคช่วยเหลือคนพิการช่วยให้ผู้บริจาคสามารถนำยอดบริจาคมาลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวน แต่จะต้องไม่เกิน 10% ของรายได้ หลังจากที่ได้มีการหักค่าใช้จ่าย  และค่าลดหย่อนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินบริจาค ถือได้ว่าการบริจาคสามารถสร้างประโยชน์ให้ทั้งผู้ให้และผู้รับเลยทีเดียว

  • สร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับคนในสังคม

การบริจาคให้คนพิการ เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่คนในสังคมได้มีจิตสำนึกที่ดีในการเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในสังคม นอกจากนี้ยังช่วยสร้างโอกาสให้คนพิการได้ใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติทั่วไป ทำให้สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

  • สร้างโอกาสที่ดีให้ผู้พิการ

บริจาคให้คนพิการหรือเด็กพิการ ช่วยสร้างโอกาสที่ดีในการเข้าถึงสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคสิ่งของ เงิน รวมถึงปัจจัยต่างๆ ก็ล้วนเป็นตัวช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้พิการมีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการทำงาน การศึกษา ที่อยู่อาศัย หรือสุขภาพ เป็นต้น

  • ผู้พิการกับการพัฒนาสังคม

ความช่วยเหลือของผู้คนในสังคมที่บริจาคช่วยเหลือคนพิการ ทำให้ผู้คนเหล่านี้ได้รับโอกาสในการศึกษาและการทำงาน ทำให้สังคมพัฒนาไปในทางที่ดียิ่งขึ้น ช่วยทำให้ผู้พิการมีรายได้ สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่เดือดร้อนสังคมและครอบครัว อีกทั้งยังเป็นแรงงานสำคัญที่จะสามารถพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้นได้ในอนาคต

 

สรุป

คนพิการต้องพบกับความไม่เท่าเทียมในการดำเนินชีวิต ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายๆ จาก ห้องน้ำสาธารณะ ระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงทางเท้าที่ไม่มีสำหรับผู้พิการ นอกจากนี้ โอกาสในการมีงานทำ การศึกษา ที่ไม่ได้สร้างโอกาสให้ผู้พิการได้มีเหมือนคนกลุ่มอื่น ทั้งที่จริงแล้วผู้พิการก็คือส่วนหนึ่งของสังคมด้วยเช่นเดียวกัน การบริจาคเพื่อช่วยเหลือคนพิการจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะสามารถสร้างโอกาสและความสุขให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ได้

Cheewid เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงทุกการบริจาคให้แก่องค์กรเพื่อสังคมโดยตรง เรามีหลากหลายโครงการที่เปิดระดมทุนเพื่อการบริจาคตามประเด็นที่คุณสนใจ รวมถึงการบริจาคเพื่อผู้พิการ รับประกันได้เลยว่าเงินที่บริจาคจะไปถึงผู้รับอย่างโปรงใส่ และสร้างผลกระทบได้แน่นอน

แคมเปญที่เกี่ยวข้อง

สนับสนุนการช่วยเหลือผู้พิการด้านต่างๆ รอบด้าน ทั้งการเลี้ยงอาหาร การศึกษา อุปกรณ์ การฝึกอาชีพ หรือสนับสนุนการช่วยเหลือเครื่องอุปโภคอื่นๆ ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนพิการ
banner - campaign ccd dream house
สนับสนุนเพื่อจัดหาที่อยู่อาศัยให้ผู้พิการอย่างยั่งยืน ผู้พิการจะได้พักอาศัยอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ภายใต้สภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตภายใต้ความจำกัด ตรงตามประเภทความพิการที่เหมาะสม รวมทั้งได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ ที่มีความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อฟื้นฟู