เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

5 เทรนด์การศึกษายุคใหม่ ความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามอง ฉบับอัปเดตปี 2024

บทความนี้ CHEEWID จะพาทุกคนไปรู้จักกับเทรนด์การศึกษายุคใหม่ว่าคืออะไร มีความแตกต่างและเปลี่ยนแปลงอย่างไร
5 เทรนด์การศึกษายุคใหม่ ความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามอง
Table of Contents

สังคมของเรามีความก้าวหน้าไปสู่ความเป็นโลกโลกาภิวัตน์ ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อระบบการเรียนการสอนที่ต้องพัฒนาตามให้ทันโลกยุคใหม่ด้วยเช่นกัน แล้วในปัจจุบันเทรนด์การศึกษาใดบ้างที่มีความน่าสนใจและเป็นที่จับตามอง ไปดูกันได้เลย

ทำความรู้จัก การศึกษายุคใหม่ คืออะไร

ทำความรู้จัก การศึกษายุคใหม่ คืออะไร

การศึกษายุคใหม่ คือ การศึกษาที่ถูกก่อร่างขึ้นมาพร้อมๆ กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในโลกปัจจุบัน การเรียนการสอนถูกขยายขอบเขต เพราะความรู้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แต่ในห้องเรียนอีกต่อไป แต่แหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพกลับถูกดัดแปลงให้อยู่ในมือของทุกคนผ่านโลกออนไลน์

โดยเฉพาะในช่วง Covid-19 ที่ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบการเรียนการสอนได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังส่งผลต่อแนวโน้มในอนาคตที่จำเป็นจะต้องพึ่งพิงเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบการศึกษามากขึ้น 

 5 เทรนด์การศึกษายุคใหม่ที่น่าจับตามอง

5 เทรนด์การศึกษายุคใหม่ที่น่าจับตามอง

เนื่องการพัฒนาในเรื่องของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ บุคลากร ผู้สอน หรือแม้แต่ตัวผู้เรียนเองก็มีการพัฒนาไปพร้อมๆ กัน จึงทำให้มีเทรนด์การศึกษายุคใหม่ที่น่าจับตามองเกิดขึ้นมากมายในสังคม ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูไปด้วยกันผ่านบทความนี้ได้เลย 

1. เทรนด์การใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้

การเรียนโดยการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาเข้ามาเป็นตัวช่วยมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ในปี 2022 เป็นต้นมาที่เทคโนโลยีมีผลต่อการศึกษา ซึ่งประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีในการศึกษาพบว่าจะช่วยให้นักเรียนนั้นสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้หลากหลายไม่ว่าจะในขณะนั้น หรือเรียนรู้แบบย้อนหลังผ่านสื่อบันทึกการสอนได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้เรียนได้ไม่น้อยเลย นวัตกรรมการศึกษาใหม่ๆ ในโลกออนไลน์ได้แก่ การเรียนรู้ผ่านเกมซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความกระหายในการเรียนรู้และอยากที่จะมีส่วนร่วมในชั้นเรียนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังพบการเกิดขึ้นขององค์ความรู้เพื่อครูผู้สอนบนโลกออนไลน์ที่หลากหลาย เช่น InsKru องค์กรบนโลกออนไลน์ที่จะช่วยทำให้คุณครูหรือผู้สอนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์หรือนำเสนอไอเดียการสอนที่หลากหลายและน่าสนใจ เพื่อที่จะนำไปปรับใช้กับหลักสูตรการเรียนในโลกปัจจุบันได้ 

2. การเรียนรู้ที่เน้นไปที่ Soft skills

การศึกษายุคใหม่ไม่เพียงแต่เน้นพัฒนาทักษะทางวิชาการแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะทางด้านอารมณ์ ความคิด การวิเคราะห์ หรือการใช้ชีวิตในสังคมแห่งความเป็นจริงด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันสถาบันทางการศึกษามากมายเน้นให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้ในทักษะเหล่านี้เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพในอนาคตได้ และเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปปรับใช้เข้ากับการทำงานจริงได้เช่นกัน

ตัวอย่างของแหล่งการเรียนรู้ยุคใหม่ที่มีการแบ่งปันข้อมูลด้าน Soft Skills ได้แก่ a-chieve ที่จะช่วยทำให้ผู้เรียนสามารถสำรวจทักษะของตนเอง เพื่อวางแผนเส้นทางอาชีพในอนาคตของตนเองได้ เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ตนวางไว้ 

3. การเรียนรู้ขนาดพอดีคำ (Nano Learning)

การเรียนรู้ยุคใหม่กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการในการเรียนโดยการลดเวลาแต่เพิ่มคุณภาพทางการศึกษา เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทรนด์บนโลกออนไลน์ก็มีการผันแปรอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้พบว่าปัจจุบันคนมักให้ความสนใจต่อสิ่งที่มีความรวดเร็วและเข้าใจได้ง่าย ดังนั้นวิธีการเรียนรู้ขนาดพอดีคำนี้เองจะช่วยทำให้ผู้เรียนลดเวลาในการเรียนลงได้ แต่จะช่วยทำให้ผู้เรียนสามารถจดจำรายละเอียดได้มากขึ้น ผ่านการนำเสนอองค์ความรู้ที่รวดเร็วและน่าสนใจ 

4. การเรียนรู้ที่เน้นอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียน

นวัตกรรมการศึกษาใหม่ๆ ส่งผลทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตามความสนใจของพวกเขา ดังนั้นจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนและนักเรียนเปลี่ยนแปลงไป โดยในปัจจุบันสิ่งที่มีความท้าทายต่อผู้สอนในการศึกษายุคใหม่คือบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยหน้าที่หลักของผู้สอนกลับไม่ใช่การสอนแต่เป็นการสนับสนุนให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา 

5. เน้นการเรียนรู้ระยะยาว

แนวโน้มการศึกษายุคใหม่คือการเรียนรู้ระยะยาว เนื่องด้วยในชีวิตความเป็นจริงที่ผู้คนต้องมีการพัฒนาทักษะของตนเองอยู่เสมอๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคม จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องนำตัวเองเข้าไปสู่กระบวนการเรียนรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่เคยเรียนมาอาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยทำให้ผู้เรียนมีพื้นฐานที่เพียงพอในการประกอบอาชีพหรือการใช้ชีวิต แต่การเน้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองนั้นจะช่วยทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะของตนเองได้ในอนาคต ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันผู้คนจำเป็นที่จะต้องมีการเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เพื่อให้เท่าทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว 

การศึกษายุคใหม่ กับการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไป มีอะไรบ้าง

การศึกษายุคใหม่ กับการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไป มีอะไรบ้าง

การศึกษายุคใหม่นั้นมีหลากหลายสิ่งที่ถูกเปลี่ยนแปลงให้มีความก้าวหน้า และระบบการศึกษาก็มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ซึ่งมีอะไรบ้างนั้นเราจะมาดูกันผ่านบทความนี้เลย

  • สถานที่และเวลาในการเรียนรู้

การเรียนการสอนในยุคใหม่ จะเปลี่ยนแปลงและขยายขอบเขตของสถานที่และเวลาในการเรียนรู้ โดยนักเรียนอาจจะสามารถเรียนในเวลาและสถานที่แตกต่างกันได้ โดยการใช้ระบบ eLearning ผ่านทางนวัตกรรมใหม่ๆ ทางการศึกษาเพื่อเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน อีกทั้งการปรับเปลี่ยนรูปแบบคือการเรียนทฤษฎีอาจเรียนรู้นอกห้องเรียน ในขณะที่การปฏิบัติอาจจะต้องเข้าห้องเรียนเพื่อรับคำแนะนำจากคุณครูหรือผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัว 

  • ปรับการเรียนรู้ให้เข้ากับตัวบุคคล

การปรับการเรียนให้เหมาะสมกับตัวบุคคลเป็นหนึ่งในการศึกษายุคใหม่ที่น่าสนใจ เพราะจะช่วยให้นักเรียนได้รับความรู้ และรูปแบบของการเรียนการสอนที่เหมาะกับตนเอง โดยนักเรียนที่มีความถนัดในด้านหนึ่งๆ ก็อาจจะถูกเพิ่มความท้าทายให้แก่ตนเอง หรือนักเรียนที่ยังคงบกพร่องในบางเรื่องก็จะถูกให้ฝึกฝนเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะได้พัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ของตนเองได้อย่างเหมาะสม 

  • เลือกสิ่งที่จะเรียนรู้เองได้

ผู้เรียนสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่ต้องการจะเรียนรู้ได้เอง ไม่ว่าจะเลือกตามทักษะ ประสบการณ์ หรือความเหมาะสมเพื่อนำไปต่อยอด ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับการปรับการเรียนรู้ให้เข้ากับตัวบุคคล โดยกระบวนการการเรียนรู้อาจแตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละบุคคล แต่เป้าหมายก็เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ผู้เรียน 

  • เน้นใช้งาน แทนการท่องจำ

ใช้การเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริงผ่านทักษะที่ได้เรียนมา โดยเมื่อผู้เรียนได้มีการเรียนรู้ที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้วก็จะต้องนำสิ่งที่เรียนรู้มาปรับใช้เพื่อสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงองค์ความรู้ที่ได้รับ อาจเป็นผ่านการทำงานกลุ่มร่วมกับผู้อื่น เพื่อที่จะช่วยเพิ่มพูนทั้งความรู้และทักษะการทำงานหรือการแก้ปัญหา 

  • ฝึกให้ลงสนามจริง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีนั้นมีผลต่อการศึกษายุคใหม่มากๆ หากแต่ในเรื่องของการเรียนรู้อย่างรอบด้านนั้นจำเป็นที่จะต้องให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการลงสนาม หรือการนำไปใช้ในชีวิตจริงนั้น ดังนั้นจึงยังคงใช้การเรียนรู้แบบการมีปฏิสัมพันธ์กันในชีวิตจริงกับครูผู้สอนและผู้เรียนคนอื่นๆ ซึ่งนับได้ว่าเป็นระบบการเรียนรู้ที่ยังคงมีความสำคัญทั้งในปัจจุบันและในอนาคตด้วย

  • ฝึกตีความข้อมูลให้เป็น

ในอนาคตมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะต้องมีนวัตกรรมการศึกษาใหม่ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะโปรแกรมในการวิเคราะห์ข้อมูลทางตัวเลขและสถิติ แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขและสถิติเหล่านี้ก็ยังคงต้องพึ่งพาทักษะของมนุษย์ในการตีความเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีเหตุและผลหรือตรรกะทางความคิด เพื่อนำไปสู่การเผยแพร่ความรู้ไปสู่สาธารณชนได้เช่นกัน การฝึกตีความสถิติจึงเป็นการศึกษาเพื่อใช้งานนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมา เพื่อให้เด็กเท่าทันและปรับตัวให้เข้ากับโลกได้มากขึ้น

  • การสอบที่เปลี่ยนไป

เนื่องด้วยการเรียนที่เปลี่ยนแปลงไปย่อมส่งผลทำให้รูปแบบการสอบต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีความกังวลว่าในบางครั้งการวัดระดับหรือทักษะของผู้เรียนผ่านระบบออนไลน์ หรือใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการชี้วัดผลการเรียนรู้อาจไม่เหมาะสมกับผู้เรียนบางคน หรืออาจไม่เหมาะกับบางรายวิชา ดังนั้นการวัดระดับการเรียนรู้อาจทำควบคู่ไปกับการเรียนการสอน หรือวัดทักษะผ่านการลงมือปฏิบัติจริงในห้องเรียนผ่านการทำงานต่างๆ เป็นต้น 

  • เน้นไปที่การให้คำปรึกษา มากกว่าการสอน

แนวโน้มการศึกษายุคใหม่ในอีก 20 ข้างหน้านั้นมีความเป็นไปได้ว่าผู้เรียนจะมีความต้องการอิสระทางการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นครูผู้สอนหรือสถาบันทางศึกษาจึงอาจมีบทบาทเป็นผู้ให้คำแนะนำและคอยชี้แนะมากกว่าการทำหน้าที่สอนโดยตรง แต่อย่างไรก็ตามครูผู้สอนและสถาบันทางการศึกษาก็ยังคงมีความสำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนเช่นเดิม 

สรุป

ดังนั้น การศึกษายุคใหม่จึงเป็นการเปลี่ยนระบบและรูปแบบทางการศึกษาให้เท่าทันต่อโลกของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตพบว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีส่วนสำคัญในการศึกษาเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงทำให้บทบาทของผู้สอนเปลี่ยนแปลงไปเป็นผู้สนับสนุนทางการศึกษา ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้เรียนมีความสะดวกและได้รับองค์ความรู้ที่เหมาะสมต่อทักษะหรือความต้องการของผู้เรียน อีกทั้งจะช่วยทำให้ทั้งผู้เรียนและผู้สอนสามารถพัฒนาตนเองให้เท่าทันกับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

อย่างไรก็ตาม แม้การศึกษายุคใหม่มีความก้าวหน้าขึ้นจากเมื่อก่อนมาก ทั้งหลักสูตรใหม่ๆ ที่เป็นสากลมากขึ้น และสร้างโอกาสทางการศึกษาได้มากกว่าเมื่อก่อน แต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในประเทศไทยยังคงมีให้เห็นอยู่ ไม่ว่าจะคุณภาพการศึกษาที่ต่ำ ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรไม่ว่าจะทางการศึกษา และทรัพยากรผู้สอน ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขให้ได้ หากผู้อ่านสนใจเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยในการสนับสนุนการศึกษาผ่านการระดมทุนให้กับองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับการศึกษา

คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการต่างๆ ได้ผ่าน Cheewid ตัวกลางในการนำความหวังดีและความช่วยเหลือของทุกคนส่งไปให้ถึงมือผู้รับ เราเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่มีส่งผ่านทุกการบริจาคไปยังองค์กรเพื่อสังคมโดยตรง ทุกคนสามารถวางใจได้ว่าความช่วยเหลือของทุกคนจะไปถึงผู้รับได้อย่างแน่นอน 

 

Reference:

  1. a-chieve. ออกแบบเส้นทางชีวิตของตัวเองได้แล้ววันนี้. a-chieve.org. Retrieved 24 July 2023.
  2. insKru. https://inskru.com/. Retrieved 24 July 2023.
  3. Christiaan Henny. 9 Things That Will Shape The Future Of Education: What Learning Will Look Like In 20 Years?.  elearningindustry.com. Published on 01 June 2016. Retrieved 23 July 2023.
  4. Eric Debetaz. The top 5 Trends in Education to watch in 2023. hospitalityinsights.ehl.edu.  Retrieved 24 July 2023.

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner - a-chieve
a-chieve อยากสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่สนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้รู้จักตัวเองรอบด้าน ออกแบบเส้นทางชีวิต และไปต่อได้ด้วยใจที่แข็งแรง
banner - teach for thailand
เราช่วยขจัดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาออกจากประเทศไทยผ่านการสร้าง “เครือข่ายผู้นำ” ที่เข้าไปสร้างความเปลี่ยนแปลงในห้องเรียน โรงเรียน และในภาคส่วนต่างๆ ของสังคม
banner - inskru
logo - inskru

insKru

เราเปิดพื้นที่รวบรวมไอเดีย กิจกรรม สื่อ เทคนิคการสอน ที่แบ่งปันโดยคนในคอมมูนิตี้ ส่งต่อแรงบันดาลใจสนับสนุน และเติมพลังใจซึ่งกันและกัน