ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในประเทศไทยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้น และยังคงอยู่มาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำในด้านต่างๆ เช่น คุณภาพของโรงเรียนที่แตกต่าง การศึกษาไม่ทั่วถึงในพื้นที่ห่างไกล การขาดแคลนทุนการศึกษา ปัญหาเศรษฐกิจ และโรคระบาด เป็นต้น จึงส่งผลทำให้เยาวชนไทยจำนวนมากถูกช่วงชิงสิทธิขั้นพื้นฐานในการที่จะได้รับความรู้ และถูกผลักออกจากระบบการศึกษาในที่สุด
เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ภาครัฐบาล ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงภาคประชาชน ควรมีส่วนร่วมในการหาแนวทางแก้ไขให้ช่องว่างของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาลดลง เพื่ออนาคตที่ดีของเยาวชน และสังคมไทยในภายภาคหน้า
ปัญหาด้านการศึกษาในสังคมไทย
เมื่อกล่าวถึงความไม่เท่าเทียม และความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาอาจทำให้มองเห็นภาพของความเหลื่อมล้ำไม่ชัดเจนมากนัก แต่เมื่อมองปัญหาที่ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียม อาจทำให้ภาพของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาแสดงออกมาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยสะท้อนผ่านปัญหาในมิติต่างๆ ซึ่งแม้มีการพยายามแก้ไขเพื่อลดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำ แต่กลับพบว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยปัญหาที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา มีดังต่อไปนี้
1. ปัญหาคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานต่ำ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้มีการจัดสอบวัดระดับความรู้ระดับชาติในทุกๆ ปีให้แก่นักเรียนไทย แต่ผลการสอบวัดระดับมักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดอยู่เสมอ สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพในการศึกษาที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะแม้ว่านักเรียนไทยจะใช้เวลาไปกับการศึกษาในโรงเรียนไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ผลลัพธ์จากการสอบวัดระดับกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งปัญหามาตรฐาน และคุณภาพทางการศึกษาดังกล่าวก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ เพื่อให้ได้ผลการสอบที่น่าพึงพอใจ ทำให้นักเรียน หรือผู้ปกครองหลายคน จำเป็นต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อเรียนพิเศษเพิ่มเติม สิ่งนี้เองทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา สืบเนื่องจากความไม่เท่าเทียมกันในด้านฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว จึงทำให้การเข้าถึงการศึกษาของนักเรียนไทยแตกต่างกัน
2. ปัญหาขาดแคลนครูผู้สอน
การขาดแคลนครูผู้สอนเป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นถึงระบบโครงสร้างในการผลิตครู เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบทางการศึกษา เนื่องจากอัตราการแข่งขันในการสอบบรรจุข้าราชการครูที่สูงมาก ในขณะที่อัตราการรับเข้าบรรจุเองก็น้อยมาก ส่งผลให้ขาดแคลนครูผู้สอนในบางรายวิชาอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังพบว่าครูจำนวนมากต้องแบกรับภาระหน้าที่ที่หลากหลาย สวนทางกับอัตราค่าจ้างที่ควรจะได้รับ รวมถึงสวัสดิการที่ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่ชนบท จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่เลือกประกอบอาชีพครู ทำให้นักเรียนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ และไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง จากปัญหาข้างต้นก็อาจสะท้อนได้ในอีกแง่มุมหนึ่งว่า ครูเองก็อาจเป็นผลผลิตมาจากความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในอดีตด้วยเช่นกัน
3. ปัญหาขาดแรงงาน มีผู้เรียนเยอะ แต่ยังตกงาน
แม้ในแต่ละปีมีบัณฑิตที่จบการศึกษาเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากระบบการศึกษาในปัจจุบันที่ไม่สอดรับกับความต้องการขององค์กรต่างๆ เนื่องจากระบบโครงสร้างทางการศึกษาไทย ทำให้นักเรียน หรือนักศึกษาขาดประสบการณ์ในการเรียนรู้ และการทำงาน
นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีสาขาแยกย่อยและเฉพาะทางมากมาย จึงทำให้ผู้ที่ไม่ได้เข้าศึกษาในสาขาที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานจำเป็นต้องเรียนรู้งานใหม่เมื่อเข้าไปทำงานในองค์กรต่างๆ ในขณะเดียวกันโครงสร้างของบางองค์กรก็อาจไม่มีทรัพยากรณ์เพียงพอที่จะนำไปใช้ลงทุนกับนักศึกษาที่ขาดประสบการณ์ หรือพนักงานใหม่
4. ปัญหาคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ปัจจุบันสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาหลายแห่งมีการเปิดรับนักศึกษาเป็นจำนวนมาก และเริ่มดำเนินการจัดการระบบคล้ายกับการประกอบธุรกิจ กล่าวคือมีสถาบันทางการศึกษาเป็นผู้ให้บริการ ในขณะที่นักเรียน หรือนักศึกษาเปรียบเสมือนกลุ่มลูกค้าที่เข้ามารับบริการ จึงทำให้สถาบันในระดับอุดมศึกษาหลายแห่งรับนักศึกษาโดยเน้นปริมาณของจำนวนนักศึกษามากกว่าการคำนึงถึงคุณภาพทางด้านการศึกษา โดยในบางสาขาที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานกลับมีอัตรารับเข้าเรียนที่น้อย
ในสถานศึกษาบางแห่งมีการปรับรูปแบบหลักสูตร เพื่อทำให้ง่ายต่อการเข้าศึกษาของนักเรียน เช่น การเปิดโครงการพิเศษต่างๆ ที่มีค่าเทอมที่สูงขึ้น และลดจำนวนนักศึกษาของสาขาวิชาปกติลง นอกจากนี้ ยังพบปัญหาของการขาดแคลนบุคคลากร อาจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญในบางสาขาวิชา จนทำให้ไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้มหาวิทยาลัยไม่สามารถผลิตบัณฑิตให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคตได้
5. ปัญหาการขาดวิจัย นวัตกรรม และการพัฒนา
จากการสำรวจพบว่าในประเทศไทยยังขาดการจัดทำ และเผยแพร่ผลงานวิจัย หรือนวัตกรรม ทำให้ขาดการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ในสถาบันการศึกษา และทำให้การพัฒนาของสถาบันทางสังคมอื่นๆ ต้องหยุดชะงัก หรือเกิดการพัฒนาอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาภายในประเทศ และทำให้การพัฒนาระบบการศึกษา ตลอดจนคุณภาพการศึกษาของไทยไม่เท่าเทียมกับนานาประเทศอีกด้วย
สาเหตุความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของไทย
ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คือ การที่บุคคลมีความสามารถในการเข้าถึงการศึกษาแตกต่างกัน เนื่องมาจากโครงสร้างทางสังคมอันส่งผลให้เกิดปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกัน โดยผู้ได้รับการสนับสนุนให้เข้าถึงการศึกษาที่ดีกว่า ย่อมมีโอกาสในการเลือกระดับคุณภาพของการศึกษาที่มากกว่าผู้ที่มีปัจจัยและทรัพยากรที่น้อย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
-
ภูมิลำเนา และสภาพแวดล้อมของผู้เรียน
ภูมิลำเนา และสภาพแวดล้อมของผู้เรียนที่แตกต่างกัน อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการศึกษาได้ เนื่องจากองค์ความรู้ และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ มักถูกพัฒนา และกระจุกตัวอยู่ภายในพื้นที่เขตเมืองมากกว่าชนบท อีกทั้งอัตราการแข่งขันทางการศึกษาที่สูงมากในพื้นที่เขตเมือง ทำให้เกิดเป็นสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ที่ดี ในขณะที่พื้นที่ชนบทไม่ได้มีบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้มากนัก
-
ฐานะทางสังคม และเศรษฐกิจ
ฐานะทางสังคม และสภาพเศรษฐกิจที่แตกต่างกันทำให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจส่งผลต่อความสามารถของครอบครัวในการสนับสนุน หรือส่งเสริมด้านการเรียนของบุตรหลานได้มากน้อยแตกต่างกันไป อาจกล่าวได้ว่าครอบครัวใดที่มีฐานะทางสังคม และสภาพทางเศรฐกิจที่ดี ย่อมมีตัวเลือกในการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพมากกว่า ในขณะที่ครอบครัวที่มีสภาพคล่องทางเศรษฐกิจที่น้อยลงมา อาจทำให้โอกาสทางการศึกษาถูกจำกัดให้น้อยลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ ความไม่เท่าเทียมกันทางชนชั้นในสังคมไทยก็ทำให้การเข้าถึงการศึกษาแตกต่างกันไป เช่น การที่ผู้ปกครองทำอาชีพเกษตรกรรมในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ และได้ผลผลิตไม่ดี ทำให้รายได้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้บุตรหลานที่กำลังอยู่ในวัยเรียนต้องรับภาระในการหาค่าใช้จ่าย เพื่อมาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวควบคู่ไปกับการเรียน ซึ่งในบางกรณีทำให้เด็กนักเรียนต้องออกจากระบบการศึกษาไปในที่สุด
โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ขนาดใหญ่ของระบบการศึกษา ก่อให้เกิดเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา เนื่องจากความพร้อมในการเรียนที่แตกต่างกัน และผู้ปกครองต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การเรียนที่เพิ่มขึ้น เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต เป็นต้น หากนักเรียนคนใดที่ไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ ก็อาจทำให้พลาดโอกาสในการเรียนไป
-
วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของครอบครัว
ครอบครัวเปรียบเสมือนทุนทางสังคมและวัฒนธรรมของบุคคล ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยครอบครัวที่มีการดูแลเอาใจใส่ และเลี้ยงดูบุตรหลานมาอย่างมีคุณภาพ มักมีการส่งเสริม หรือแสวงหาโอกาสทางการศึกษาที่ดีให้ลูกหลาน ในทางตรงกันข้าม หากครอบครัวใดที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษา หรือไม่ได้ใส่ใจบุตรหลานมากเพียงพอ อาจมีแนวโน้มว่าบุตรหลานจะไม่ใส่ใจ และไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษา ดังนั้น การที่เด็กแต่ละคนเติบโตมาในสภาพสังคม และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน อาจได้รับการขัดเกลาทางสังคมในด้านการให้ความสำคัญกับการศึกษาที่แตกต่างกัน
ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางการศึกษาในไทย เกิดขึ้นมาจากทั้งสาเหตุปัจจัยในระดับโครงสร้างทางสังคม และปัจจัยส่วนบุคคล ทำให้เด็ก และเยาวชนจำนวนมากต้องเสียโอกาสที่ดีในการได้รับการศึกษา ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กที่ควรได้รับ อีกทั้งการพัฒนา และการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างไม่เท่าเทียมกัน อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศชาติในอนาคตด้วยเช่นกัน
ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ส่งผลอย่างไรต่อสังคม
ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ และความก้าวหน้าของสังคมไทยในหลากหลายประการ ดังนี้
1. การขาดแคลนแรงงานฝีมือคุณภาพ
ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางการศึกษา ส่งผลให้คุณภาพการเรียนการสอนไม่เท่ากันในแต่ละพื้นที่ สถานศึกษาบางแห่งไม่ได้พัฒนาหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน จึงทำให้องค์กรหลากหลายแห่งขาดแคลนแรงงานฝีมือคุณภาพ หรือต้องลงทุนไปกับทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาพนักงานด้วยตนเอง
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่มีโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่า หรือเป็นแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ กลับแสวงหาโอกาสในการทำงานในองค์กรต่างประเทศ เนื่องจากมีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และความก้าวหน้าทางอาชีพที่สูงมากกว่าในประเทศนั่นเอง
2. ขาดโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจ และประเทศชาติ
สืบเนื่องมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ตลอดจนการขาดแคลนแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจ และประเทศชาติต้องสะดุด หรือหยุดชะงักไป เนื่องจากตลาดแรงงานไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ และเศรษฐกิจภายในประเทศได้
3. เกิดปัญหาสังคม และอาชญากรรม
การที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะแก่การศึกษา การสนับสนุนของครอบครัวไม่เอื้ออำนวย หรือการขาดคุณภาพชีวิตที่ดี ส่งผลให้เด็ก และเยาวชนไทยบางส่วนถูกผลักให้ออกไปจากระบบการศึกษา ขาดการเรียนรู้ในวิชาชีพ การเรียนรู้ทางสังคม หรือการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้เด็ก และเยาวชนบางรายกลายเป็นประชากรที่ไร้คุณภาพ นำไปสู่การเกิดปัญหาสังคม และปัญหาอาชญากรรมตามมา
สถิติของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของไทย
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้รายงานความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่ก่อให้เกิดเป็นความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาตามมา โดยจากการรายงานพบว่า ในปีการศึกษาที่ 1/2561 ครอบครัวของนักเรียนยากจนพิเศษ มีรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนต่อเดือนอยู่ที่ 1,289 บาท ในปีการศึกษาถัดมาพบว่ารายได้เฉลี่ยของครัวเรือนอยู่ที่ 1,250 บาท และในปีการศึกษาที่ 1/2565 พบว่ารายได้เฉลี่ยของครัวเรือนอยู่ที่ 1,044 บาท หรือคิดเฉลี่ยเป็นวันละ 34 บาทเท่านั้น ซึ่งลดลงมาถึงร้อยละ 5 จากเดิม
อีกทั้งการรายงานยังพบว่า ในปีการศึกษาที่ 1/2565 มีนักเรียนที่ยากจนพิเศษจำนวนมากถึง 1,307,152 คน กระจายอยู่ทุกพื้นที่ในประเทศไทย จากสถานการณ์ความยากจนนี้ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามีเพิ่มสูงขึ้น ครอบครัวไม่สามารถสนับสนุนการศึกษาที่ดีให้แก่บุตรหลานของตนเองได้ จึงทำให้เด็กที่ครอบครัวยากจนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานไป และอาจกลายเป็นการผลิตซ้ำถึงปัญหาความเลื่อมล้ำทางการศึกษาในอนาคต
นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังพบว่าเด็กนักเรียนยากจนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 29.9 หรือคิดเป็นจำนวนนักเรียนมากถึง 2.1 ล้านคน จากนักเรียนทั้งหมด และมีเด็กนักเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษามากถึง 4.3 แสนคน โดยในช่วงหลังโควิดที่ผ่านมา มีการรายงานให้เห็นว่า นักเรียนยากจนพิเศษที่เสี่ยงหลุดออกจากระบบทางการศึกษาเพิ่มมากขึ้นถึง 300,000 ราย โดยโอกาสในการเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาของเด็กนักเรียนยากจนคิดเป็นเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ซึ่งมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาแตกต่างจากนักเรียนในครอบครัวที่มีฐานะปานกลางมากถึง 20 เท่า
แนวโน้มปัญหาด้านการศึกษาของไทย
ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของไทยมีทั้งปัจจัยระดับโครงสร้าง และปัจจัยระดับปัจเจกบุคคล จึงทำให้ทิศทางการศึกษาของไทยยุคใหม่มีแนวโน้มทั้งทิศบวก และทิศทางลบ ดังนี้
แนวโน้มด้านบวก
-
มีหลักสูตรใหม่เพิ่มขึ้น
จากการขาดแคลนแรงงานฝีมือ และความต้องการพัฒนาประเทศ จึงทำให้สถานศึกษาหาแนวทางการแก้ไข เพื่อทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการขององค์กรต่างๆ โดยได้มีการพัฒนาหลักสูตร คุณภาพ และการบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพของผู้เรียน
-
หลักสูตรนานาชาติมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากในอนาคตมีแนวโน้มที่ประเทศต่างๆ จะมีการติดต่อทำธุรกิจ และกิจกรรมต่างๆ อย่างเสรี ทำให้สถาบันทางการศึกษาหลายแห่งมีการเปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรนานาชาติ เพื่อพัฒนาผู้เรียนทั้งสาขาตามความถนัด และทักษะด้านภาษาควบคู่กันไป เพื่อทำให้อนาคตของการติดต่อสื่อสารระหว่างต่างประเทศมีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
-
การศึกษามีความเป็นสากล
ปัจจุบันโลกมีความเป็นโลกาภิวัตน์ หรือการติดต่อสื่อสารสามารถทำได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และขยายขอบเขตของการติดต่ออย่างกว้างขวาง ทำให้สถาบันทางการศึกษาตระหนักถึงการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับการอ้างอิงหลักสูตรจากสถาบันทางการศึกษาในต่างประเทศ เพื่อให้นักเรียนสามารถขยายพื้นที่ในการหาองค์ความรู้ได้กว้างขวางมากขึ้น และช่วยลดปัญหาด้านการศึกษา อีกทั้งยังทำให้นักเรียนสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกของความเป็นสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาลง
ปัจจุบันมีการรณรงค์ให้ตระหนักถึงสิทธิ และเสรีภาพของเยาวชนในประเทศมากยิ่งขึ้น ทำให้สังคมเรียนรู้ว่าเยาวชนทุกคนควรได้รับสิทธิ และเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการที่จะได้รับความรู้ ภาครัฐ และหน่วยงานต่างๆ จึงมีการเข้าไปสนับสนุน และดูแลโรงเรียนที่ขาดแคลนให้สามารถเข้าถึงแหล่งการศึกษาที่มีประสิทธิภาพได้ อย่างไรก็ตาม นักเรียนที่ยังคงมีฐานะยากจนก็ยังถูกจำกัดให้มีตัวเลือกเพียงแค่การเข้าถึงสถาบันการศึกษาของรัฐ เนื่องจากสถานศึกษาของเอกชนยังคงมีอัตราค่าเล่าเรียนที่สูง
-
สร้างโอกาสทางการศึกษามากขึ้น
สืบเนื่องจากกระแสโลกาภิวัตน์ และเสรีภาพทางการศึกษาที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันทางการศึกษาทั้งภายใน และนอกประเทศมีการแข่งขันกันพัฒนาคุณภาพหลักสูตร เพื่อดึงดูดนักศึกษามากขึ้น อีกทั้งสถาบันทางการศึกษาจากต่างประเทศยังมีการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน และนักศึกษาได้เข้าไปเรียนในสถาบันที่ต่างประเทศ เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ ในขณะเดียวกันสถาบันการศึกษาของไทยก็เริ่มมีการตื่นตัวที่จะพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาให้มีความทันสมัย และเทียบเท่ากับสถาบันทางการศึกษาในระดับนานาชาติ
แนวโน้มด้านลบ
-
เกิดช่องว่างด้านคุณภาพการศึกษา
แม้ว่าปัจจุบันการแข่งขันเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของไทยจะเป็นไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น แต่ช่องว่างระหว่างการพัฒนาก็ขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น จากการที่สถาบันการศึกษาบางแห่งยังขาดแคลนบุคลากรทางการศึกษา อุปกรณ์ และงบประมาณในการสนับสนุนเพื่อการพัฒนา จึงทำให้การพัฒนาต้องหยุดชะงัก โอกาสในการพัฒนาให้เทียบเท่ากับสถานศึกษาที่มีคุณภาพแห่งอื่นก็ลดน้อยลงด้วย
-
บัณฑิตเกินความต้องการของตลาด
ปัจจุบันค่านิยม และความต้องการในการเรียนระดับอุดมศึกษามีเพิ่มสูงมากขึ้น อีกทั้งสถาบันการศึกษาหลายแห่งมีอิสระในการบริหาร และจัดการตนเองมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ผลิตบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในแต่ละปีได้เยอะขึ้น แต่ในบัณฑิตที่จบออกมากลับไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน หรือมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่องค์กรต้องการ ทำให้ถูกผลักออกจากตลาดแรงงานในที่สุด ทำให้บัณฑิตเหล่านี้มีความต้องการที่จะแสวงหาการเรียนในระดับที่สูงมากขึ้น ซึ่งก็อาจทำให้เกิดเป็นบัณฑิตในระดับปริญญาโท และปริญญาเอกที่ไม่มีคุณภาพตามมา
-
ขาดประสิทธิภาพการสอนทักษะการคิด และอารมณ์
สังคมไทยยังคงเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญ และให้คุณค่ากับการเรียนการสอนในเชิงทักษะทางด้านวิชาการมากกว่าทักษะทางด้านสังคม รวมถึงระยะเวลาที่ยาวนานในการเล่าเรียน จึงทำให้เยาวชนขาดทักษะทางด้านสังคม ขาดการเรียนรู้เพื่อการเสริมสร้างทักษะชีวิต และสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ทำให้แม้ว่าจะมีความรู้ และทักษะที่ดีในเชิงวิชาการ แต่กลับไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
-
ขาดประสิทธิภาพการสอนด้านจริยธรรม
ในลักษณะเดียวกันที่สถาบันทางการศึกษามุ่งเน้นแต่ความเป็นเลิศในเชิงวิชาการ อาจทำให้ผู้เรียนขาดการขัดเกลาทางสังคม คุณธรรม และจริยธรรม อีกทั้งสถาบันการศึกษาบางแห่งยังขาดบุคลากรที่ดีในการช่วยขัดเกลาผู้เรียน จึงทำให้ผู้เรียนขาดการเรียนรู้ทางด้านคุณธรรม และจริยธรรมที่ดี
-
การสอนด้านภาษาต่างประเทศยังไม่มีคุณภาพ
แม้ว่าสถาบันทางการศึกษาของไทยเริ่มมีการตื่นตัว และตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการเรียนการสอนในวิชาภาษาต่างประเทศแล้ว แต่ในความเป็นจริงสถานศึกษาหลายแห่งยังขาดแคลนครู หรืออาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีคุณภาพในการสอนภาษาต่างประเทศ จึงทำให้นักเรียนไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงมีความล้าช้า และเสียเปรียบในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ในทักษะภาษา รวมไปถึงการเรียนการสอนในหลักสูตรนานาชาติที่ยังคงจำกัดอยู่แค่กลุ่มนักเรียนที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย
นโยบายการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา
ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นปัญหาที่อยู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน และแม้ว่าจะมีการพยายามออกนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเด็ดขาด โดยนโยบายลดปัญหาในสถานศึกษา และแนวทางการแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มีดังนี้
มาตรการลดความเหลื่อมล้ำจากรัฐบาล
มาตรการการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจากรัฐบาล เป็นการออกนโยบายเพื่อเข้ามาช่วยเหลือดูแลให้เด็ก และเยาวชนมีโอกาสได้รับสิทธิ และเสรีภาพที่จะได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เช่น มีนโยบายการกำหนดให้เด็ก และเยาวชนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการสนับสนุนค่าเล่าเรียนให้แก่นักเรียน เป็นต้น อีกทั้งปัจจุบันภาครัฐยังมีการสนับสนุน และดูแลให้โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนการสอนได้อย่างเท่าเทียมกับโรงเรียนในพื้นที่เขตเมือง โดยมีการช่วยเหลือในการจัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการติดตั้งสัญญาณอินเทอร์เน็ต เพื่อทำให้ขอบข่ายการเรียนรู้ขยายกว้าง และมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
สนับสนุนการให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง
การสนับสนุนการให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง เปรียบเสมือนการช่วยเหลือทางอ้อม เพื่อให้เด็ก และเยาวชนสามารถมีโอกาสที่ดีทางการศึกษาได้ เนื่องจากเมื่อผู้ปกครองมีความรู้ หรือมีโอกาสได้เรียนรู้ในสิ่งต่างๆ รวมไปถึงมีความเข้าใจในความสำคัญของการศึกษา ก็จะช่วยให้ผู้ปกครองตระหนักถึงความสำคัญของการสนับสนุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานของตน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้บุตรหลานของตนเอาใจใส่การเรียนได้อีกด้วย
ขยายขนาดโรงเรียนให้เหมาะสม
การขยายขนาดโรงเรียน สามารถช่วยให้เด็กนักเรียนจำนวนมากมีโอกาสได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน ช่วยลดความต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา เนื่องจากเด็กนักเรียนได้รับการเรียนการสอนภายใต้มาตรฐานเดียวกัน และยังช่วยลดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจากคุณภาพของโรงเรียนได้
ส่งเสริมกิจกรรม หรือทักษะ
การส่งเสริมกิจกรรม และการส่งเสริมทักษะพิเศษต่างๆ นอกจากช่วยให้เด็ก และเยาวชนได้เรียนรู้ และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่รอบด้าน และหลากหลาย นอกเหนือไปจากทักษะทางด้านวิชาการแล้ว การส่งเสริมกิจกรรมยังช่วยทำให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสผ่อนคลายจากเรียน และทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของโรงเรียนลดลงไปได้เช่นกัน
การเพิ่มจำนวนครูต่อนักเรียน
การเพิ่มจำนวนครูต่อนักเรียนจะทำให้นักเรียนได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ช่วยลดปัญหาเด็กนักเรียนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และช่วยส่งเสริมให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
การจัดสรรกองทุนเพื่อการศึกษา
เนื่องจากปัญหาใหญ่ที่ก่อให้เกิดเป็นความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เนื่องจากมีเด็ก และเยาวชนไทยจำนวนมากที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน โอกาสในการศึกษาจึงมีน้อย เพราะขาดทุนการศึกษา และค่าเล่าเรียน ดังนั้น จึงควรมีกองทุนเพื่อการศึกษา เพื่อช่วยเหลือปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจากการขาดแคลนทุนทรัพย์ในการศึกษาเล่าเรียน และให้โอกาสเด็ก หรือเยาวชนได้รับการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อวางรากฐานให้คุณภาพชีวิตเยาวชนให้ดีขึ้นต่อไป
สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ เพื่อร่วมแก้ปัญหาด้านการศึกษา
การแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาเป็นสิ่งที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนต้องร่วมมือกันแก้ไข โดยสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา มีดังนี้
1. การประชาสัมพันธ์
การประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา สามารถทำให้ผู้คนตระหนัก และเข้าใจถึงปัญหาได้ดีมากยิ่งขึ้น การแพร่กระจายข่าวสารเพื่อสร้างความตระหนักรู้ อาจทำได้โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดียที่เข้าถึงผู้คนได้อย่างหลากหลาย ง่ายดาย และรวดเร็ว หรืออาจเป็นการประชาสัมพันธ์ผ่านโครงการ หรือหน่วยงานต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ และมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาถูกสื่อสารไปถึงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. การสร้างความตระหนักรู้
ผลจากการเผยแพร่ข่าวสาร และการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อช่องทางต่างๆ จะช่วยให้ผู้คนในสังคมไทยมีความเข้าใจ และได้เรียนรู้ถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งการสร้างความตระหนักรู้จะช่วยทำให้มีการส่งเสริม เรียกร้อง และสนับสนุนให้ภาครัฐ หรือทุกๆ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาให้ลดลง จนหมดสิ้นไปจากสังคมไทย
3. การสนับสนุนให้กับองค์กร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การที่เราอยากมีส่วนร่วมในการสนับสนุน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา อาจทำได้ผ่านการสนับสนุนเป็นทุนทรัพย์ หรือการบริจาคอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นต่อการศึกษาผ่านทางสถานศึกษาโดยตรง หรือผ่านทางโครงการของหน่วยงาน และองค์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้การช่วยเหลือไปถึงเด็กนักเรียน และโรงเรียนที่ยังขาดแคลนได้มีคุณภาพการเรียนการสอนที่ดีขึ้น
โดย Cheewid เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาผ่านการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อทำให้ผู้คนมีการตระหนักรู้ถึงปัญหา และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้อย่างยั่งยืน โดยมีตัวอย่างองค์กรที่มีส่วนในการสนับสนุนเพื่อการศึกษาที่มีคุณภาพ ดังนี้
- มูลนิธิสร้างเสริมไทย ช่วยดำเนินการในการส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา ให้แก่เยาวชนไทย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชนบทที่ด้อยโอกาส และห่างไกล
- มูลนิธิบ้านเด็กบุญทอง เป็นมูลนิธิที่ช่วยเหลือเด็กกำพร้า และเด็กที่ด้อยโอกาส ในการสนับสนุนให้ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย และช่วยสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นต่อการศึกษา
- มูลนิธิบุญศิริ เป็นองค์กรที่ช่วยในการสนับสนุนให้เด็กที่ยากจนได้มีทุนการศึกษา โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เพื่อให้โอกาสแก่นักเรียนที่ยากไร้ได้มีโอกาสทางการศึกษาที่ดี เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในสังคมไทย
สรุป
ปัญหาด้านการศึกษาเป็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมีอยู่มาอย่างยาวนาน แม้ปัญหาดังกล่าวจะถูกนำมาเสนอ และหาแนวทางในการแก้ไข แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเด็ดขาด Cheewid จึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อช่วยหยิบยกปัญหาดังกล่าวมานำเสนอ เพื่อหวังให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความไม่เท่าเทียมกันทางการศึกษาถูกทำให้บรรเทาลงไป เพื่อช่วยส่งเสริมให้เด็ก และเยาชนไทยมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดอย่างเท่าเทียมกัน ตลอดจนสามารถเติบโต และพัฒนาไปเป็นประชากรที่มีคุณภาพในสังคมไทย เพื่อพัฒนาประเทศชาติอย่างมั่นคง และยั่งยืนในอนาคต
Reference:
- The Visual by Thai PBS. เปิดรายงานสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ปี 2565. thevisual.thaipbs.or.th. Published on 22 December 2022. Retrieved 11 July 2023.
- กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา. ภาพรวมสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา. eef.or.th. Published on 15 October 2020. Retrieved 10 July 2023.
- ทิพย์พาพร ตันติสุนทร. การลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา. fpps.or.th. Retrieved 11 July 2023.
- ธีรภัทร ถิ่นแสนดี, และภิญญา อนุพันธ์. ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. so07.tci-thaijo.org. Published on 06 August 2021. Retrieved 10 July 2023.
- นณริฏ พิศลยบุตร. ‘ ความเหลื่อมล้ำ’ ทางการศึกษาของไทย. tdri.or.th. Published on 29 January 2015. Retrieved 11 July 2023.z
- ประหยัด พิมพา. การศึกษาไทยในปัจจุบัน. So01.tci-thaijo.org. Published on January 2020. Retrieved 10 July 2023.
- ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย. เปลี่ยน ‘เหลื่อมล้ำ’ เป็น ‘เสมอภาค’ : มองปัญหาการศึกษาไทยกับ ดร.ไกรยศ ภัทราวาท. eef.or.th. Published on 18 June 2021. Retrieved 10 July 2023.
- มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี. ข้อปัญหาของการจัดการศึกษาในระบบไทย. legal.sru.ac.th/. Published on 27 July 2016. Retrieved 10 July 2023.
- มูลนิธิยุวพัฒน์. คลื่น “ความเหลื่อมล้ำ” ทางการศึกษา ซัดเด็กไทยให้หายไประหว่างทาง ความยากจนซ้ำเติม “เด็กหลุดจากระบบ”. Yuvabadhanafoundation.org. Published on 26 April 2023. Retrieved 11 July 2023.
- รัฐบาลไทย. มาตรการ “ลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา”. thaigov.go.th/. Published on 12 September 2022. Retrieved 11 July 2023.