เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

เรื่องราวของสายพันธุ์ข้าวในประเทศไทย ความหลากหลายที่สร้างมูลค่า

บทความนี้ CHEEWID จะพาทุกคนมารู้จักกับสายพันธุ์ข้าวในประเทศไทย ช่วยให้เข้าใจคุณค่าของข้าวไทย ทั้งในด้านรสชาติ คุณค่าทางโภชนาการ และความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศ
เรื่องราวของสายพันธุ์ข้าวในประเทศไทย ความหลากหลายที่สร้างมูลค่า
Table of Contents

 

Key Takeaway

  • ข้าวไทยมีที่มาจากการปลูกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยชาวไทยพัฒนาพันธุ์ข้าวให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม 
  • ประเภทของพันธุ์ข้าวไทยหลักๆ 4 ประเภท คือข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวขาว และข้าวไม่ขัดสี
  • ตัวอย่างพันธุ์ข้าวไทย เช่น ข้าวหอมมะลิ 105 หอมและนุ่ม ข้าวเหนียวเขี้ยวงูใช้ทำข้าวเหนียวมูน และข้าวสังข์หยดมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
  • ประเทศไทยมุ่งพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อเพิ่มผลผลิตและตอบสนองความต้องการของเกษตรกร

 

การรู้จักสายพันธุ์ข้าวไทยจะช่วยให้เราเข้าใจการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวในประเทศ รวมถึงบทบาทสำคัญของข้าวในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ข้าวไม่เพียงเป็นอาหารหลักของคนไทย แต่ยังเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญในการส่งออกและเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ ในบทความนี้เราจะมาสำรวจที่มาของข้าว พันธุ์ข้าวยอดนิยม และการปรับปรุงพันธุ์ข้าวเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทย

 

จากอดีตถึงปัจจุบัน ประวัติของข้าวไทย

จากอดีตถึงปัจจุบัน ประวัติของข้าวไทย

ข้าวไทยมีที่มาจากการปลูกข้าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยชาวไทยเริ่มปลูกข้าวมานานแล้วและมีการพัฒนาพันธุ์ข้าวต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศ ข้าวไทยจึงเป็นอาหารหลักประจำชาติที่มีประวัติยาวนาน 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงอุทิศพระวรกายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวนา และสร้างกำลังใจในการทำนาปลูกข้าว พระองค์ทรงย้ำว่า “ข้าวต้องปลูก” เพราะในอนาคตข้าวอาจไม่พอสำหรับประชากรที่เพิ่มขึ้น และต้องพึ่งพาข้าวจากต่างประเทศ พระองค์ได้รับการยกย่องเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย” ตามมติ ครม. ที่ยกย่องพระราชกรณียกิจในการพัฒนาข้าว

 

ประเภทของพันธุ์ข้าวไทยมีอะไรบ้าง?

ประเภทของพันธุ์ข้าวไทยมีอะไรบ้าง?

การจำแนกประเภทของพันธุ์ข้าวไทยช่วยให้เข้าใจถึงลักษณะและคุณสมบัติของข้าวแต่ละประเภทที่เหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ทั้งในด้านการบริโภคและการผลิต โดยพันธุ์ข้าวไทยทั้งหมดสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้

1. ข้าวหอมมะลิ

ข้าวหอมมะลิเป็นพันธุ์ข้าวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ลักษณะเมล็ดเรียวยาว สีขาวนวลและมีกลิ่นหอมอ่อนคล้ายใบเตย เมื่อหุงสุกจะนุ่มและหอม แม้จะนำไปอุ่นใหม่ในไมโครเวฟก็ยังคงความนุ่มเหมือนเดิม แต่ข้าวหอมมะลิใหม่มักไม่ขึ้นหม้อดี ควรเลือกข้าวหอมมะลิที่เก่าข้ามปีสำหรับการหุงที่ขึ้นหม้อดี 

2. ข้าวเหนียว

ข้าวเหนียวเป็นพันธุ์ข้าวที่มีสองประเภทหลัก คือ ข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ (หรือข้าวก่ำ) ข้าวเหนียวขาวมีเมล็ดสีขาวขุ่น ยาวเรียว ไม่มันวาว เมื่อหุงสุกจะเกาะติดกันและทานแล้วอยู่ท้อง ส่วนข้าวเหนียวดำมีเมล็ดสีเข้มและแข็ง เคี้ยวยาก นิยมทำของหวาน นอกจากนี้ยังใช้ในการผลิตแป้งข้าวเหนียวสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและสุราด้วยเช่นกัน

 

 

3. ข้าวขาว

ข้าวขาวมีลักษณะเมล็ดยาวเรียว เมื่อหุงสุกจะค่อนข้างร่วนและเรียงเม็ด หากเป็นข้าวใหม่จะมีกลิ่นหอมและนุ่มคล้ายข้าวหอมมะลิ สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่บูด หากหุงตอนเช้าแล้วกินตอนเย็นก็ยังสามารถทานได้ แต่เมล็ดข้าวจะแข็งขึ้นเมื่ออุ่นซ้ำ พันธุ์ข้าวนี้ไม่ยุบตัวเมื่อราดแกง และยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ดี

4. ข้าวไม่ขัดสี

ข้าวไม่ขัดสี คือ ข้าวที่ยังคงเปลือกหุ้มเมล็ด ทำให้รักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้ เช่น วิตามินบีและกากใย 

ช่วยในการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารต่างๆ โดยเมล็ดข้าวมีสีแดงหรือน้ำตาลขึ้นอยู่กับพันธุ์ และมีความแข็งกว่าเคี้ยวยากกว่าข้าวขาว เนื่องจากมีเปลือกและรำข้าวอยู่ 

พันธุ์ข้าวประเภทนี้มักปลูกในพื้นที่ที่เน้นการเกษตรแบบออร์แกนิกหรือในภูมิภาคที่มุ่งเน้นการปลูกข้าวเพื่อสุขภาพ เช่น ภาคเหนือและภาคอีสานของไทย ข้าวกล้องนิยมใช้ในเมนูเพื่อสุขภาพ เช่น ข้าวผัด ข้าวต้ม หรือข้าวสวยร่วมกับกับข้าวต่างๆ แม้เคี้ยวยากแต่หากปรุงอย่างเหมาะสมสามารถรับประทานได้ดี หรือใช้ทำข้าวกล้องทอด ข้าวกล้องต้ม และขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ

 

สายพันธุ์ข้าวไทยและสำคัญและโดดเด่น

สายพันธุ์ข้าวไทยและสำคัญและโดดเด่น

สายพันธุ์ข้าวในประเทศไทยมีความสำคัญและโดดเด่นในด้านคุณภาพและรสชาติ ซึ่งได้รับการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการเพาะปลูกและการบริโภคของคนไทย มาดูกันว่ามีพันธุ์ข้าวไทยอะไรที่สำคัญและได้รับความนิยมกันบ้าง

ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา

ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาเป็นข้าวเปลือกที่มีสีฟาง เมล็ดยาวและเรียว ไม่มีหางข้าว เมล็ดข้าวที่ผ่านการสีแล้วจะมีความใสและแกร่ง พร้อมทั้งมีความมันและเลื่อมเป็นประกาย เมื่อหุงสุกจะมีกลิ่นหอมและเนื้อข้าวนุ่ม 

ข้าวพันธุ์นี้มาจากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดในโลก คือ ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบกว้างในภาคอีสาน เมล็ดข้าวมีความยาวตั้งแต่ 7 มิลลิเมตรขึ้นไป จึงถือเป็นพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพและเป็นที่นิยม โดยมักนำมาปรุงเป็นข้าวสวย ข้าวต้ม หรือข้าวผัด และยังสามารถนำไปทำขนมต่างๆ ได้ดี

ข้าวหอมมะลิ 105

ข้าวหอมมะลิ 105 เป็นพันธุ์ข้าวที่มีกลิ่นหอมคล้ายใบเตย ซึ่งปลูกได้ดีที่สุดในประเทศไทยและเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก มักใช้ทำข้าวสวย ข้าวต้ม ข้าวผัด หรือข้าวเคียงกับอาหารไทยต่างๆ เนื่องจากรสชาติอร่อยและกลิ่นหอม 

มีต้นกำเนิดจากจังหวัดฉะเชิงเทรา และได้รับการปรับปรุงพันธุ์จากข้าวขาวดอกมะลิ โดยมีคุณลักษณะเด่น คือ  กลิ่นหอมชวนรับประทานเมื่อหุงสุก

 

ข้าวเหนียวเขี้ยวงู

ข้าวเหนียวเขี้ยวงู

ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเป็นพันธุ์ข้าวเหนียวพื้นเมืองที่มีเมล็ดเล็ก เรียวยาว สีขาว และทนทานต่อโรคต่างๆ ได้ดี เมื่อหุงสุกจะได้ข้าวเหนียวนุ่ม เม็ดข้าวเรียงตัวสวยไม่เละ มีกลิ่นหอมและสีขาวเลื่อมมัน นิยมใช้ทำข้าวเหนียวมูน ปลูกกันมากทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย

ข้าวเหนียวพันธุ์ กข. 6

ข้าวเหนียวพันธุ์ กข. 6 มีลักษณะเมล็ดยาวเรียวและเปลือกสีน้ำตาล มีขนสั้นบนเมล็ด เป็นพันธุ์ข้าวเหนียวหอมที่ได้รับการปรับปรุงจากข้าวเจ้าพันธุ์หอมมะลิ 105 เมื่อหุงจะได้ข้าวเหนียวนุ่ม มีกลิ่นหอม ทนแล้ง และมีคุณภาพการหุงต้มที่ดี 

ข้าวพันธุ์นี้ให้ผลผลิตสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งและได้รับความนิยมในการปลูกในภาคเหนือและภาคอีสาน เมื่อข้าวสุกแล้วมีความนุ่มและมีกลิ่นหอม นิยมทำข้าวเหนียวมูน ข้าวเหนียว ข้าวปั้น หรือใช้เป็นเครื่องเคียงในอาหารต่างๆ เช่น ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวไก่ทอด และขนมหวานประเภทข้าวเหนียว

ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธ์ุ

ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์เป็นข้าวเหนียวที่มีเปลือกสีน้ำตาลและเมล็ดข้าวสีขาวนวล ปลูกในพื้นที่ที่มีแคลเซียมและซิลิคอนสูง เช่น อำเภอเขาวง อำเภอกุฉินารายณ์ และอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีอากาศเย็นแห้งและน้ำน้อย ทำให้พันธุ์ข้าวนี้มีความนุ่มและหอม เมื่อนึ่งแล้วจะมีความนุ่ม ไม่แฉะติดมือ และยังคงความอ่อนนุ่มได้แม้เก็บเอาไว้นาน

นิยมใช้ทำข้าวเหนียวมูน ข้าวเหนียวปั้น หรือใช้เป็นขนมหวานต่างๆ เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ข้าวเหนียวมะม่วง และยังสามารถทานเป็นเครื่องเคียงกับอาหารคาวต่างๆ ได้ดี

 ข้าวกล้อง

ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือเป็นข้าวที่ขัดสีเพียงครั้งเดียว โดยยังมีจมูกข้าวและรำข้าว เมล็ดข้าวมีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ข้าวกล้องอุดมไปด้วยเส้นใยที่สูงกว่าข้าวขาวหลายเท่า การรับประทานข้าวกล้องช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารและเส้นใย ช่วยให้อิ่มนานและลดความอยากอาหาร นิยมใช้ทำข้าวสวย ข้าวผัด หรือข้าวต้มเพื่อสุขภาพ

 

ข้าวไรซ์เบอร์รี

ข้าวไรซ์เบอร์รี

ข้าวพันธุ์สีม่วงนี้เป็นผลงานการปรับปรุงพันธุ์จากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลและข้าวขาวดอกมะลิ 105 โดยมีลักษณะเมล็ดยาวเรียว สีม่วงเข้มคล้ายลูกเบอร์รี่ มีกลิ่นหอมและรสชาติหอมมัน เนื้อเหนียวนุ่ม เนื่องจากขัดสีเพียงบางส่วน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี นิยมรับประทานเป็นข้าวสวย หรือใช้ในเมนูข้าวผัด ข้าวต้ม เพื่อเพิ่มรสชาติหอมมัน

ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้

ข้าวพันธุ์เจ๊กเชยจากอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เป็นพันธุ์ข้าวที่มีชื่อเสียงมาจากพ่อค้าชาวไทยเชื้อสายจีนชื่อ “เจ๊กเชย” ที่นำพันธุ์ข้าวนี้เข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่ต้นรัชสมัยรัตนโกสินทร์ 

มีเมล็ดยาวเรียว เมื่อหุงสุกจะร่วนไม่เกาะเป็นก้อน ข้าวสุกนุ่ม ไม่แฉะ ไม่แข็งกระด้าง และไม่เหนียว เมื่อราดแกงก็ไม่ยุบตัว ไม่บูดง่าย และสามารถเก็บรักษาคุณภาพได้ดีแม้ทิ้งไว้ข้ามวัน ข้าวเก่าสามารถนำมาหุงได้โดยไม่มีกลิ่นสาบ และยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นเส้นและขนมได้ดีอีกด้วย

 

 

ข้าวเหลืองประทิวชุมพร

ข้าวพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมจากอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นข้าวที่ปลูกได้ดีในดินเปรี้ยวและทนต่อโรคแมลง มีลักษณะเมล็ดยาว สีเหลือง เลื่อมมัน และน้ำหนักดี พันธุ์ข้าวนี้เหมาะสำหรับการปลูกในฤดูนาปี โดยเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนธันวาคม 

ข้าวเปลือกของข้าวเหลืองประทิวชุมพรมีสีฟาง ส่วนข้าวสารจะมีสีขาว และเมื่อทำเป็นข้าวกล้องจะมีสีเหลืองอ่อน เมล็ดยาวเรียว เมื่อหุงจะสุกเร็ว ร่วนเป็นเมล็ดไม่จับกันเป็นก้อน หุงขึ้นหม้อ เหมาะสำหรับรับประทานกับกับข้าวราดแกงหรือทำเมนูต่างๆ

 

ข้าวสังข์หยดพัทลุง

ข้าวสังข์หยดพัทลุง

ข้าวสังข์หยดเป็นข้าวที่มีต้นกำเนิดในจังหวัดพัทลุง โดยมีเยื่อหุ้มเมล็ดสีขาวปนแดงจางจนถึงแดงเข้ม ข้าวกล้องจะมีสีแดงเนื่องจากมีแอนโทไซยานินอยู่ในเยื่อชั้นนอกของเมล็ด ข้าวซ้อมมือเมื่อขัดสีบางเมล็ดจะมีสีขาวใส แต่ส่วนใหญ่จะขุ่นขาว เมื่อหุงแล้วจะนุ่มมากและยังคงความนุ่มเมื่อเย็นลง มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ 

พันธุ์ข้าวนี้มีเมล็ดเล็ก เรียว ท้ายงอน เมื่อหุงสุกแล้วเมล็ดข้าวจะนุ่มและจับตัวกันคล้ายข้าวเหนียว ข้าวพันธุ์นี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวพันธุ์อื่นๆ โดยมีเส้นใยสูง ช่วยชะลอความแก่ บำรุงโลหิต ป้องกันโรคความจำเสื่อม และลดความเสี่ยงของมะเร็ง

ข้าวมันปู

ข้าวที่ชาวจีนเรียกว่า “ข้าวแดง” หรือชื่อพื้นเมืองว่า “อั้งคั่ก” มีลักษณะเยื่อหุ้มเปลือกข้าวที่เป็นสีแดงคล้ายมันปู จัดเป็นข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือชนิดหนึ่ง ซึ่งมีไขมันในปริมาณสูงกว่าข้าวขัดสีประมาณสองเท่า และมีสารเคโรทีนที่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายมากกว่าข้าวขัดสี 

เมื่อหุงสุกแล้ว ข้าวพันธุ์นี้จะมีสีชมพูอ่อน กลิ่นหอม เนื้อข้าวนุ่มสวย ไม่แฉะและดูน่ารับประทาน เหมาะสำหรับใช้ประกอบอาหารหลากหลาย เช่น ข้าวผัด ข้าวอบ หรือแม้แต่การเคี่ยวเป็นโจ๊ก

 

การปรับปรุงพันธุ์ข้าวไทยเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ

การปรับปรุงพันธุ์ข้าวไทยเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ

การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ที่ดีกว่า เริ่มจากการรวบรวมพันธุ์ข้าวที่มีคุณสมบัติต่างๆ แล้วคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสม จากนั้นจึงผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ต่างๆ ผ่านการสร้างข้าวที่มีคุณสมบัติจากทั้งพ่อและแม่หรืออาจเกิดการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติหรือวิธีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างลักษณะใหม่ที่ดีกว่า รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิศวกรรมช่วยเพิ่มคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ทนทานต่อสภาพแวดล้อมหรือเพิ่มสารอาหาร และการสร้างพันธุ์ข้าวลูกผสมช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพข้าว

ประเทศไทยเน้นพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อเพิ่มผลผลิตสูง ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกร โดยมีนโยบายและทุนสนับสนุนทีมวิจัยดำเนินโครงการครบวงจร

สรุป

ข้าวไทยมีประวัติยาวนาน เป็นอาหารหลักของคนไทยมาตั้งแต่โบราณ พันธุ์ข้าวหลักๆ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวขาว และข้าวไม่ขัดสี โดยพันธุ์ข้าวไทยยอดนิยมจากทั้งหมด เช่น ข้าวหอมมะลิ 105 ที่มีกลิ่นหอมและเนื้อข้าวนุ่ม ข้าวเหนียวเขี้ยวงูที่นิยมใช้ทำข้าวเหนียวมูน และข้าวสังข์หยดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

มาร่วมสนับสนุนการผลิตและการตลาดข้าวไทยผ่านการบริจาคหรือการร่วมมือกับองค์กรหรือมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมพันธุ์ข้าวไทย เช่น Bioblack Pung Craft คูน (Koon) PHAI Craft และ ข้าวหอมชัยภูมิ (KAO HOM Chaiyaphum) ได้ที่ Cheewid เพื่อส่งเสริมการเติบโตและพัฒนาผลผลิตข้าวในประเทศ 

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner-Bioblack
logo-Bioblack

Bioblack

Bioblack เป็นแบรนด์กราโนล่าจากข้าวก่ำของไทย มุ่งส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืน สร้างแบรนด์เพื่อทำให้คนทั่วโลกสามารถกินข้าวของไทยได้ง่ายมากขึ้น และใช้ภูมิปัญญาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งข้าวก่ำของไทยเป็น Super Food ไม่มีกลูเตน มีสารต้านอนุมูลอิสระ และเป็นแห่งพลังงานทางโภชนาการที่ดี

banner-คูน (Koon)
logo-คูน (Koon)

คูน (Koon)

คูน (Koon) เป็นแบรนด์สุราชุมชนผลิตจากข้าวเหนียวอินทรีย์ในจังหวัดขอนแก่น โดยมีจุดเริ่มต้นจากการเห็นว่าข้าวในท้องถิ่นสามารถแปรรูปเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรได้ สร้างเศรษฐกิจให้กับชุมชน จึงได้ทดลองใช้ข้าวอินทรีย์ ใช้ผลไม้และสมุนไพรในท้องถิ่นมาผลิตเป็นสุรา

Logo-PHAI Craft

PHAI Craft

PHAI Craft แบรนด์สุราชุมชนจากจังหวัดเชียงใหม่ เกิดจากความตั้งใจที่จะพัฒนาสุรากลั่นของไทยหรือที่เรียกว่า สุราขาว ให้หลุดออกจากความเชื่อเดิมที่ว่าสุราประเภทนี้ดื่มยากและมีกลิ่นฉุน โดยเราทำการพัฒนาลูกแป้งที่เป็นสูตรเฉพาะ สนับสนุนเกษตรกรไทยโดยการนำข้าวหอมมะลิที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยมาใช้

logo-ข้าวหอมชัยภูมิ

ข้าวหอมชัยภูมิ (KAO HOM Chaiyaphum)

ข้าวหอมชัยภูมิ (KAO HOM Chaiyaphum) เป็นแบรนด์สุราชุมชนที่สนับสนุนเกษตรกรไทยจากจังหวัดชัยภูมิ โดยเลือกใช้วัตถุดิบหลัก คือ ข้าวเหนียวปลอดสารพิษที่มีการรับรองเป็นข้าวเหนียวออร์แกนิก และใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการรังสรรค์ผ่านกรรมวิธีการหมักและกลั่นให้ได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์ของกลิ่นข้าว และมีสีขาวบริสุทธิ์