สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้การปกครองของรัฐ คือการได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน เพื่อคุณภาพ และการดำรงชีวิตที่ดี ซึ่งสิทธิเหล่านี้ต้องครอบคลุมตั้งแต่เกิด ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต รวมไปถึงสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และอัตลักษณ์ของตนด้วยเช่นกัน
บทความนี้จะพาไปดูว่า สิทธิขั้นพื้นฐานที่เราควรจะได้รับมีอะไรบ้าง สิทธิขั้นพื้นฐานมีประโยชน์อย่างไร รวมไปถึงในบริบทของสังคมไทยนั้น ประชาชนมีปัญหาในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานหรือไม่ เพื่อทำความเข้าใจในสิทธิต่างๆ และเพื่อให้เข้าใจในตัวมนุษย์ด้วยกันมากขึ้น
ทำความรู้จัก สิทธิขั้นพื้นฐานคืออะไร
สิทธิขั้นพื้นฐาน คือสิทธิที่ทุกคนควรจะได้รับในฐานะประชาชนของรัฐ ซึ่งจะได้มาตั้งแต่กำเนิด และเป็นสิทธิที่ไม่สามารถพรากออกไปได้ โดยสิทธิขั้นพื้นฐานจะเป็นสิ่งที่คอยช่วยให้ผู้คนมีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งจะได้รับการรับรอง และคุ้มครองด้วยกฎหมาย
สิทธิขั้นพื้นฐานจะเป็นส่วนที่สอดคล้องไปกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกฎหมายสากลในระดับนานาชาติที่ทุกคนควรได้รับ โดยจะขัดแย้งกันไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทั้ง 4 ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และที่พักอาศัย ทั้งนี้ยังรวมไปถึงสิทธิที่จะได้รับการพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ รวมไปถึงการได้รับสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมในการดำรงชีวิต
โดยสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทย มีด้วยกันหลักๆ ดังต่อไปนี้
- สิทธิในความเป็นมนุษย์ คือการให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แก่บุคคล โดยห้ามไม่ให้ปฏิบัติต่อมนุษย์อย่างทาส หรือสัตว์ ซึ่งบุคคลจะกระทำการใดๆ ก็ได้ตามสิทธิเสรีภาพของตน แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นด้วยเช่นกัน
- สิทธิที่จะได้รับความเสมอภาค คือการที่บุคคลจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่าจะด้วยเพศ ศาสนา เชื้อชาติ อายุ หรือสถานภาพทางสังคมอื่นๆ
- สิทธิในทรัพย์สินส่วนบุคคล คือการที่บุคคลจะได้รับการคุ้มครองในทรัพย์สิน และมรดกของตน โดยจะมีใครมาเอาไปไม่ได้ หากแต่มีการเวนคืนเพื่อการพัฒนาผังเมือง คุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม หรือการป้องกันประเทศ ก็จะสามารถถูกเวนคืนได้ แต่จะต้องได้รับการชดเชยที่เหมาะสมอย่างเป็นธรรม และจะไม่สามารถถูกนำเอาไปได้โดยพลการ
- สิทธิในการศึกษาหาความรู้ โดยมนุษย์ทุกคนมีสิทธิ และเสรีภาพที่จะได้รับการศึกษา และการเรียนรู้ โดยมีรัฐเป็นผู้สนับสนุนให้ประชาชนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างน้อย 12 ปี เพื่อการพัฒนาบุคคล และเพื่อคุณภาพชีวิต
- สิทธิการรักษาพยาบาล ทุกคนในสังคมจะต้องได้รับการรักษาพยาบาล และสามารถใช้บริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม โดยไม่มีการแบ่งแยก รวมทั้งจะต้องได้รับข้อมูลข่าวสาร และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคภัย ความเจ็บป่วย และสิทธิในการรักษาของตนด้วยเช่นกัน
- สิทธิในการรับรู้ข่าวสาร ประชาชนทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นสาธารณะอย่างเท่าเทียม รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิต และความเป็นอยู่ เช่น การพัฒนาโครงการต่างๆ ตลอดจนมีส่วนที่จะได้แสดงความคิดเห็น หรือสามารถทำประชาพิจารณาได้
- สิทธิในการร้องทุกข์ หากบุคคลรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือเสียผลประโยชน์ในด้านใดด้านหนึ่ง ก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้อง หรือเรียกคืนความเป็นธรรมให้แก่ตนเองได้
- สิทธิในการนับถือศาสนา ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้ โดยจะต้องไม่ขัดต่อความสงบ ความเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศชาติ
- สิทธิในการประกอบอาชีพ บุคคลมีอิสระที่จะเลือกประกอบอาชีพที่สุจริต โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย เพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ
- สิทธิในทางการเมือง ประชาชนล้วนมีสิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง สามารถจัดกิจกรรมทางการเมือง ก่อตั้งพรรคการเมืองได้ ซึ่งการแสดงออก และการจัดกิจกรรมทางการเมืองจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
สิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กในสังคมไทย
แม้ในปัจจุบัน ประเด็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรจะได้รับจะถูกนำมาเป็นประเด็นถกเถียงกันมากขึ้น และประชาชนในสังคมก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของสิทธิขั้นพื้นฐานกันมากขึ้น หากแต่ในขณะเดียวกัน ปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน ก็ยังคงมีอยู่มาก โดยเฉพาะปัญหาเด็กด้อยโอกาส ที่ยังมีเด็กๆ ในสังคมอีกมากมายไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้เลย ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิของเด็กทุกคนที่ควรจะได้รับ ซึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กมีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้
สิทธิที่จะมีชีวิตรอด
ตั้งแต่เกิด เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตรอด ได้รับการรับรอง และการคุ้มครองผ่านการจดทะเบียนเกิด มีชื่อ สัญชาติรองรับ และจะต้องได้รับการเลี้ยงดูจากมารดา และคนในครอบครัว โดยรัฐเองก็ต้องมีส่วนในการสนับสนุนการมีชีวิตรอดของเด็กด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และเหมาะสม ได้รับการบริการด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพ มีการดูแลทางโภชนาการ เครื่องอุปโภค และบริโภคที่ดี เพื่อประโยชน์ต่อเด็ก และครอบครัว อีกทั้ง ควรได้รับโอกาสในการพัฒนาชีวิตในขั้นต่อๆ ไปด้วยเช่นกัน
สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครอง
เมื่อเด็กทุกคนเกิดมา การได้รับความคุ้มครองในชีวิตก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเด็กทุกคนจะต้องได้รับการปกป้อง และดูแลจากอันตรายต่างๆ หรือป้องกันจากภัยสังคม และการล่วงละเมิด ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย การใช้ความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ หรือทางด้านจิตใจ นอกจากนี้แล้ว เด็กทุกคนจะต้องได้รับความคุ้มครองจากการถูกนำไปเป็นแรงงานเด็ก หรือการค้ามนุษย์ อีกทั้งได้รับความคุ้มครอง และการป้องกันออกจากสารเสพติด สารพิษ หรือสารเคมี ที่อาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของเด็กด้วยเช่นกัน
สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา
การพัฒนา และการต่อยอดคุณภาพชีวิต เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เด็กสามารถมีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดี และช่วยให้พึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต โดยการพัฒนาด้านต่างๆ ได้แก่ การได้รับการศึกษาตามภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ ได้รับข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อตัวเอง เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต และการพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้เหมาะสมตามช่วงวัย อีกทั้ง จะต้องได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจควบคู่กันไปด้วย
สิทธิที่จะมีส่วนร่วม
เด็กควรมีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะแสดงออกถึงความต้องการ และความคิดเห็นของตัวเองได้อย่างเสรี อีกทั้งยังสามารถเข้ามามีบทบาทต่างๆ ที่เหมาะสมในสังคมได้ ทั้งนี้ เพื่อปลูกฝังให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเอง และเพื่อให้เด็กเป็นคนที่มีความคิดความอ่าน และกล้าแสดงออกได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เติบโตไปเป็นประชาชนที่มีคุณภาพ และมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต
สิทธิขั้นพื้นฐาน ที่คนไทยยังเข้าไม่ถึง
สิทธิขั้นพื้นฐานเป็นสิทธิที่คนไทยทุกคนในสังคมควรจะได้รับตั้งแต่เกิดไปจนถึงตอนเสียชีวิต หากแต่ในปัจจุบันยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้ได้เลย เนื่องจากความเหลื่อมล้ำที่สูงมากในสังคม โดยกลุ่มคนที่ไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานมักเป็นกลุ่มคนชายขอบ ที่ไร้การเหลียวแลจากรัฐ และปราศจากความเท่าเทียมในการดำรงชีวิต เช่น เด็กด้อยโอกาส ตลอดจน คนไร้บ้าน เป็นต้น
ปัญหาที่ทำให้คนไทยไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานนั้นมีปัจจัยมากมาย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของสัญชาติ ที่พบว่าคนชายขอบส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามเขตชายแดน เป็นคนไทยที่ไร้สัญชาติ แม้จะเกิด และเติบโตที่ประเทศไทยก็ตาม หากแต่ไร้การรับรองในเรื่องของสัญชาติ จึงทำให้สิทธิตกหล่นไป นอกจากนี้ ปัญหาความยากจนยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหลื่อมล้ำทางด้านโอกาสในการศึกษา ซึ่งพบว่า มีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษามากกว่า 670,000 คนทั่วประเทศ
อีกทั้ง การสนับสนุนจากรัฐยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก โดยรัฐมีการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อนักเรียนยากจนเพียงแค่ 0.5 ของงบประมาณด้านการศึกษา หรือคิดเป็นแค่ 5 บาท ต่อนักเรียน 1 คน จึงทำให้เด็กที่ครอบครัวยากไร้มีอัตราส่วนในการศึกษาที่น้อยลงเรื่อยๆ โดยพบว่าความเหลื่อมล้ำในการศึกษาระดับอุดมศึกษามีสูงมากถึง 7 เท่า และพบว่าเด็กจากครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศ มีเพียง 5% ของประชากรในกลุ่มรายได้เดียวกันที่สามารถเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากๆ
การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่ไม่เท่าเทียมกันนั้นพบได้ในหลากหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการที่ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ยังพบถึงความเหลื่อมล้ำในการศึกษาตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น จนนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำในการดำรงชีวิต และความไม่เท่าเทียมกันในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคล และครัวเรือน ยิ่งบุคคลด้อยโอกาสมากเท่าไร ความสามารถในการพัฒนาทักษะ และคุณภาพชีวิตก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น
สิทธิขั้นพื้นฐานและการช่วยเหลือขององค์กรในสังคม
ในปัจจุบัน ประชาชนเริ่มตระหนักรู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเองกันมากขึ้น จึงทำให้มีองค์กร และผู้สนับสนุนมากมายที่จะคอยเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาช่องว่างในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งตัวอย่างขององค์กรผู้ที่ดูแล และให้โอกาสในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานมีด้วยกัน ดังนี้
1. มูลนิธิบางกอกโพสต์
มูลนิธิบางกอกโพสต์ ได้ส่งต่อ และมอบความช่วยเหลือในด้านการศึกษา การค้นคว้าวิจัย เพื่อการพัฒนาสังคม และเพื่อสาธารณะประโชยน์ต่างๆ คืนสู่สังคม ไม่ว่าจะเป็นการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนผู้ยากไร้ หรือนักเรียนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา อันเนื่องมาจากเหตุปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเด็ก และครอบครัว รวมไปถึงการช่วยเหลือ และสนับสนุนงบประมาณต่างๆ ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนผ่านการระดมทุนด้วยเช่นกัน
2. มูลนิธิเรดิออน อินเตอร์เนชั่นแนล
มูลนิธิเรดิออน อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นองค์กรคริสเตียน ที่ทำงานและให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่กลุ่มผู้เปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และเยาวชนที่ยากไร้ หรือด้อยโอกาส โดยมูลนิธิได้ทำการเข้าไปเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยรวมให้แก่กลุ่มเด็กและเยาวชนผู้ยากไร้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ด้านที่พักอาศัย ดูแลเรื่องเครื่องอุปโภค และบริโภค เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับประทานอาหารที่เหมาะสมต่อการพัฒนาร่างกายและสติปัญญา อีกทั้งยังช่วยดูแลเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากความรุนแรงตลอดจนการล่วงละเมิดอีกด้วย
3. มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการศึกษา
“เพราะทุกชีวิตสำคัญ” คือ คติธรรมที่มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการศึกษา ได้ใช้เป็นจุดมุ่งหมายหลัก เพื่อการมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อสังคม โดยมูลนิธิจะคอยช่วยเหลือ และให้ความดูแลในด้านสวัสดิการสาธารณสุข เพื่อทำให้ประชาชนทุกคนได้รับการบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ โดยจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ยากไร้ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสได้รับทั้งข้อมูลข่าวสารในการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง จนนำไปสู่การได้รับการรักษา และการดูแลสุขอนามัยอย่างถูกวิธี นอกจากนี้แล้ว ยังได้มอบโอกาสในการเพิ่มพูนความรู้ให้แก่กลุ่มเด็ก เยาวชน และผู้ยากไร้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น
4. สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา
นอกจากการให้การศึกษาที่เป็นเรื่องที่สำคัญต่อเด็ก และเยาวชนแล้ว การดูแลเพื่อให้เด็กได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา จึงเป็นองค์กรที่มีเป้าหมาย และการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือเด็ก และเยาวชนให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน และการคุ้มครองตามพ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ทางด้านปัจจัย 4 และการดูแลพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม โดยองค์กรจะให้ความช่วยเหลือ และให้การสงเคราะห์แก่กลุ่มเด็กกำพร้า เด็กเร่ร่อน เด็กที่ถูกทอดทิ้ง ตลอดจนเด็กที่ครอบครัวประสบปัญหา ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม อีกทั้งยังช่วยดูแลเด็กที่ติดเชื้อไวรัส HIV และได้รับผลกระทบจากครอบครัวที่มีโรคติดต่อด้วยเช่นกัน
5. มูลนิธิยุวรักษ์
อนาคตของเด็ก และเยาวชนเป็นสิ่งที่สังคมควรจะให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้มูลนิธิยุวรักษ์ ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินโครงการ และกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือ มอบโอกาสที่ดีให้แก่เด็ก และเยาวชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กด้อยโอกาส และเด็กยากไร้ ไม่ว่าจะช่วยเหลือในด้านการรักษาพยาบาล สุขอนามัย และการช่วยเหลือครอบครัวของเด็ก และเยาวชน เพื่อช่วยลดปัญหาภาวะความเจ็บป่วย และความยากไร้ เพื่อให้กลุ่มเด็กชายขอบได้มีโอกาสในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรงขึ้น หรือการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของชีวิต เพื่อเติบโตขึ้นไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ
สรุป
สิทธิขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ และควรตระหนักถึงประเด็นนี้อยู่เสมอ เพื่อความสงบสุข และเพื่อผลดีต่อสังคมโดยรวม โดยสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยที่เราควรจะได้รับนั้น ควรจะครอบคลุมความเป็นอยู่ตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการมีชีวิตรอด การใช้ชีวิตในสังคมอย่างปลอดภัย สิทธิที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้อย่างเสรี โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น สิทธิที่จะได้รับการศึกษา ข้อมูลข่าวสาร รวมไปถึงสิทธิในการที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีจากการได้รับปัจจัยทั้ง 4 ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิต หากแต่ในปัจจุบันพบว่า ยังมีคนบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนชายขอบ ซึ่งปัญหาหลักคือความยากไร้ ความขาดแคลน และความเหลื่อมล้ำ ที่ผลักไสผู้คนเหล่านี้ออกจากสังคม จนทำให้ขาดสิทธิ และเสรีภาพในด้านต่างๆ
Cheewid จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนเพื่อสิทธิขั้นพื้นฐานของคน ให้ได้มาถึงประชาชนทุกคนในสังคมไทยอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล และที่อยู่อาศัย เราได้ร่วมมือกับองค์กร และหน่วยงานต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ให้ความช่วยเหลือ พัฒนา และแก้ไขปัญหาสังคมด้วยความยั่งยืน ผ่านการดำเนินกิจกรรม และโครงการต่างๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ในสังคม
Reference:
- กรมสอบสวนพิเศษ. สิทธิและหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนุญ. dsi.go.th. Retrieved 11 March 2024.
- พงษ์ธวัฒน์ บุญพิทักษ์. สิทธิเสรีและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชฮาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐. parliament.go.t. Retrieved 11 March 2024.
- ภาวรรณ ธนาเลิศสมบูรณ์. ไขรหัสควาเหลื่อมล้ำการศึกษาไทย เหตุใดความช่วยเหลือไปไม่ถึงเด็กยากจน. eef.or.th. Published 16 June 2021. Retrieved 12 March 2024.
- มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์. 4 สิทธิเด็ก ที่ทุกคนควรรู้. sosthailand.org. Retrieved 12 March 2024.
- เฮลท์สเตชัน. สกู๊ป-คนไทยเหมือนกัน! แต่ทำไม ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน. main.healthstation.in.th. Published 18 April 2023. Retrieved 12 March 2024.
- Unicef Thailand. อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กคืออะไร. unicef.org. Retrieved 13 March 2024