เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

ทำความเข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐาน สิทธิที่มนุษย์พึงได้รับ

สิทธิขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรได้รับเมื่ออยู่ภายใต้การปกครองของรัฐ CHEEWID จะพามาดูว่าสิทธิขั้นพื้นฐานมีอะไรบ้าง และในบริบทของคนไทยมีปัญหาการเข้าถึงอย่างไร
ทำความเข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐาน สิทธิที่มนุษย์พึงได้รับ
Table of Contents

สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้การปกครองของรัฐ คือการได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน เพื่อคุณภาพ และการดำรงชีวิตที่ดี ซึ่งสิทธิเหล่านี้ต้องครอบคลุมตั้งแต่เกิด ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต รวมไปถึงสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และอัตลักษณ์ของตนด้วยเช่นกัน

บทความนี้จะพาไปดูว่า สิทธิขั้นพื้นฐานที่เราควรจะได้รับมีอะไรบ้าง สิทธิขั้นพื้นฐานมีประโยชน์อย่างไร รวมไปถึงในบริบทของสังคมไทยนั้น ประชาชนมีปัญหาในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานหรือไม่ เพื่อทำความเข้าใจในสิทธิต่างๆ และเพื่อให้เข้าใจในตัวมนุษย์ด้วยกันมากขึ้น

ทำความรู้จัก สิทธิขั้นพื้นฐานคืออะไร

ทำความรู้จัก สิทธิขั้นพื้นฐานคืออะไร

สิทธิขั้นพื้นฐาน คือสิทธิที่ทุกคนควรจะได้รับในฐานะประชาชนของรัฐ ซึ่งจะได้มาตั้งแต่กำเนิด และเป็นสิทธิที่ไม่สามารถพรากออกไปได้ โดยสิทธิขั้นพื้นฐานจะเป็นสิ่งที่คอยช่วยให้ผู้คนมีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งจะได้รับการรับรอง และคุ้มครองด้วยกฎหมาย 

สิทธิขั้นพื้นฐานจะเป็นส่วนที่สอดคล้องไปกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกฎหมายสากลในระดับนานาชาติที่ทุกคนควรได้รับ โดยจะขัดแย้งกันไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทั้ง 4 ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และที่พักอาศัย ทั้งนี้ยังรวมไปถึงสิทธิที่จะได้รับการพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ รวมไปถึงการได้รับสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมในการดำรงชีวิต 

โดยสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทย มีด้วยกันหลักๆ ดังต่อไปนี้ 

  • สิทธิในความเป็นมนุษย์ คือการให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แก่บุคคล โดยห้ามไม่ให้ปฏิบัติต่อมนุษย์อย่างทาส หรือสัตว์ ซึ่งบุคคลจะกระทำการใดๆ ก็ได้ตามสิทธิเสรีภาพของตน แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นด้วยเช่นกัน 
  • สิทธิที่จะได้รับความเสมอภาค คือการที่บุคคลจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่าจะด้วยเพศ ศาสนา เชื้อชาติ อายุ หรือสถานภาพทางสังคมอื่นๆ 
  • สิทธิในทรัพย์สินส่วนบุคคล คือการที่บุคคลจะได้รับการคุ้มครองในทรัพย์สิน และมรดกของตน โดยจะมีใครมาเอาไปไม่ได้ หากแต่มีการเวนคืนเพื่อการพัฒนาผังเมือง คุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม หรือการป้องกันประเทศ ก็จะสามารถถูกเวนคืนได้ แต่จะต้องได้รับการชดเชยที่เหมาะสมอย่างเป็นธรรม และจะไม่สามารถถูกนำเอาไปได้โดยพลการ 
  • สิทธิในการศึกษาหาความรู้ โดยมนุษย์ทุกคนมีสิทธิ และเสรีภาพที่จะได้รับการศึกษา และการเรียนรู้ โดยมีรัฐเป็นผู้สนับสนุนให้ประชาชนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างน้อย 12 ปี เพื่อการพัฒนาบุคคล และเพื่อคุณภาพชีวิต
  • สิทธิการรักษาพยาบาล ทุกคนในสังคมจะต้องได้รับการรักษาพยาบาล และสามารถใช้บริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม โดยไม่มีการแบ่งแยก รวมทั้งจะต้องได้รับข้อมูลข่าวสาร และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคภัย ความเจ็บป่วย และสิทธิในการรักษาของตนด้วยเช่นกัน 
  • สิทธิในการรับรู้ข่าวสาร ประชาชนทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นสาธารณะอย่างเท่าเทียม รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิต และความเป็นอยู่ เช่น การพัฒนาโครงการต่างๆ ตลอดจนมีส่วนที่จะได้แสดงความคิดเห็น หรือสามารถทำประชาพิจารณาได้ 
  • สิทธิในการร้องทุกข์ หากบุคคลรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือเสียผลประโยชน์ในด้านใดด้านหนึ่ง ก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้อง หรือเรียกคืนความเป็นธรรมให้แก่ตนเองได้ 
  • สิทธิในการนับถือศาสนา ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้ โดยจะต้องไม่ขัดต่อความสงบ ความเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศชาติ 
  • สิทธิในการประกอบอาชีพ บุคคลมีอิสระที่จะเลือกประกอบอาชีพที่สุจริต โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย เพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ 
  • สิทธิในทางการเมือง ประชาชนล้วนมีสิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง สามารถจัดกิจกรรมทางการเมือง ก่อตั้งพรรคการเมืองได้ ซึ่งการแสดงออก และการจัดกิจกรรมทางการเมืองจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

 

สิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กในสังคมไทย

สิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กในสังคมไทย

แม้ในปัจจุบัน ประเด็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรจะได้รับจะถูกนำมาเป็นประเด็นถกเถียงกันมากขึ้น และประชาชนในสังคมก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของสิทธิขั้นพื้นฐานกันมากขึ้น หากแต่ในขณะเดียวกัน ปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน ก็ยังคงมีอยู่มาก โดยเฉพาะปัญหาเด็กด้อยโอกาส ที่ยังมีเด็กๆ ในสังคมอีกมากมายไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้เลย ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิของเด็กทุกคนที่ควรจะได้รับ ซึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กมีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้ 

สิทธิที่จะมีชีวิตรอด

ตั้งแต่เกิด เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตรอด ได้รับการรับรอง และการคุ้มครองผ่านการจดทะเบียนเกิด มีชื่อ สัญชาติรองรับ และจะต้องได้รับการเลี้ยงดูจากมารดา และคนในครอบครัว โดยรัฐเองก็ต้องมีส่วนในการสนับสนุนการมีชีวิตรอดของเด็กด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และเหมาะสม ได้รับการบริการด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพ มีการดูแลทางโภชนาการ เครื่องอุปโภค และบริโภคที่ดี เพื่อประโยชน์ต่อเด็ก และครอบครัว อีกทั้ง ควรได้รับโอกาสในการพัฒนาชีวิตในขั้นต่อๆ ไปด้วยเช่นกัน 

สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครอง

เมื่อเด็กทุกคนเกิดมา การได้รับความคุ้มครองในชีวิตก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเด็กทุกคนจะต้องได้รับการปกป้อง และดูแลจากอันตรายต่างๆ หรือป้องกันจากภัยสังคม และการล่วงละเมิด ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย การใช้ความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ หรือทางด้านจิตใจ นอกจากนี้แล้ว เด็กทุกคนจะต้องได้รับความคุ้มครองจากการถูกนำไปเป็นแรงงานเด็ก หรือการค้ามนุษย์ อีกทั้งได้รับความคุ้มครอง และการป้องกันออกจากสารเสพติด สารพิษ หรือสารเคมี ที่อาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของเด็กด้วยเช่นกัน 

 

สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา

การพัฒนา และการต่อยอดคุณภาพชีวิต เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เด็กสามารถมีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดี และช่วยให้พึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต โดยการพัฒนาด้านต่างๆ ได้แก่ การได้รับการศึกษาตามภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ ได้รับข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อตัวเอง เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต และการพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้เหมาะสมตามช่วงวัย อีกทั้ง จะต้องได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจควบคู่กันไปด้วย 

สิทธิที่จะมีส่วนร่วม

เด็กควรมีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะแสดงออกถึงความต้องการ และความคิดเห็นของตัวเองได้อย่างเสรี อีกทั้งยังสามารถเข้ามามีบทบาทต่างๆ ที่เหมาะสมในสังคมได้ ทั้งนี้ เพื่อปลูกฝังให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเอง และเพื่อให้เด็กเป็นคนที่มีความคิดความอ่าน และกล้าแสดงออกได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เติบโตไปเป็นประชาชนที่มีคุณภาพ และมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต 

สิทธิขั้นพื้นฐาน ที่คนไทยยังเข้าไม่ถึง

สิทธิขั้นพื้นฐาน ที่คนไทยยังเข้าไม่ถึง

สิทธิขั้นพื้นฐานเป็นสิทธิที่คนไทยทุกคนในสังคมควรจะได้รับตั้งแต่เกิดไปจนถึงตอนเสียชีวิต หากแต่ในปัจจุบันยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้ได้เลย เนื่องจากความเหลื่อมล้ำที่สูงมากในสังคม โดยกลุ่มคนที่ไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานมักเป็นกลุ่มคนชายขอบ ที่ไร้การเหลียวแลจากรัฐ และปราศจากความเท่าเทียมในการดำรงชีวิต เช่น  เด็กด้อยโอกาส ตลอดจน คนไร้บ้าน เป็นต้น

ปัญหาที่ทำให้คนไทยไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานนั้นมีปัจจัยมากมาย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของสัญชาติ ที่พบว่าคนชายขอบส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามเขตชายแดน เป็นคนไทยที่ไร้สัญชาติ แม้จะเกิด และเติบโตที่ประเทศไทยก็ตาม หากแต่ไร้การรับรองในเรื่องของสัญชาติ จึงทำให้สิทธิตกหล่นไป นอกจากนี้ ปัญหาความยากจนยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหลื่อมล้ำทางด้านโอกาสในการศึกษา ซึ่งพบว่า มีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษามากกว่า 670,000 คนทั่วประเทศ 

อีกทั้ง การสนับสนุนจากรัฐยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก โดยรัฐมีการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อนักเรียนยากจนเพียงแค่ 0.5 ของงบประมาณด้านการศึกษา หรือคิดเป็นแค่ 5 บาท ต่อนักเรียน 1 คน จึงทำให้เด็กที่ครอบครัวยากไร้มีอัตราส่วนในการศึกษาที่น้อยลงเรื่อยๆ โดยพบว่าความเหลื่อมล้ำในการศึกษาระดับอุดมศึกษามีสูงมากถึง 7 เท่า และพบว่าเด็กจากครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศ มีเพียง 5% ของประชากรในกลุ่มรายได้เดียวกันที่สามารถเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากๆ 

 

การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่ไม่เท่าเทียมกันนั้นพบได้ในหลากหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการที่ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ยังพบถึงความเหลื่อมล้ำในการศึกษาตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น จนนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำในการดำรงชีวิต และความไม่เท่าเทียมกันในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคล และครัวเรือน ยิ่งบุคคลด้อยโอกาสมากเท่าไร ความสามารถในการพัฒนาทักษะ และคุณภาพชีวิตก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น 

สิทธิขั้นพื้นฐานและการช่วยเหลือขององค์กรในสังคม

สิทธิขั้นพื้นฐานและการช่วยเหลือขององค์กรในสังคม

ในปัจจุบัน ประชาชนเริ่มตระหนักรู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเองกันมากขึ้น จึงทำให้มีองค์กร และผู้สนับสนุนมากมายที่จะคอยเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาช่องว่างในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งตัวอย่างขององค์กรผู้ที่ดูแล และให้โอกาสในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานมีด้วยกัน ดังนี้ 

1. มูลนิธิบางกอกโพสต์

มูลนิธิบางกอกโพสต์ ได้ส่งต่อ และมอบความช่วยเหลือในด้านการศึกษา การค้นคว้าวิจัย เพื่อการพัฒนาสังคม และเพื่อสาธารณะประโชยน์ต่างๆ คืนสู่สังคม ไม่ว่าจะเป็นการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนผู้ยากไร้ หรือนักเรียนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา อันเนื่องมาจากเหตุปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเด็ก และครอบครัว รวมไปถึงการช่วยเหลือ และสนับสนุนงบประมาณต่างๆ ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนผ่านการระดมทุนด้วยเช่นกัน 

2. มูลนิธิเรดิออน อินเตอร์เนชั่นแนล

มูลนิธิเรดิออน อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นองค์กรคริสเตียน ที่ทำงานและให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่กลุ่มผู้เปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และเยาวชนที่ยากไร้ หรือด้อยโอกาส โดยมูลนิธิได้ทำการเข้าไปเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยรวมให้แก่กลุ่มเด็กและเยาวชนผู้ยากไร้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ด้านที่พักอาศัย ดูแลเรื่องเครื่องอุปโภค และบริโภค เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับประทานอาหารที่เหมาะสมต่อการพัฒนาร่างกายและสติปัญญา อีกทั้งยังช่วยดูแลเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากความรุนแรงตลอดจนการล่วงละเมิดอีกด้วย 

3. มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการศึกษา

“เพราะทุกชีวิตสำคัญ” คือ คติธรรมที่มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการศึกษา ได้ใช้เป็นจุดมุ่งหมายหลัก เพื่อการมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อสังคม โดยมูลนิธิจะคอยช่วยเหลือ และให้ความดูแลในด้านสวัสดิการสาธารณสุข เพื่อทำให้ประชาชนทุกคนได้รับการบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ โดยจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ยากไร้ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสได้รับทั้งข้อมูลข่าวสารในการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง จนนำไปสู่การได้รับการรักษา และการดูแลสุขอนามัยอย่างถูกวิธี นอกจากนี้แล้ว ยังได้มอบโอกาสในการเพิ่มพูนความรู้ให้แก่กลุ่มเด็ก เยาวชน และผู้ยากไร้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น 

4. สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา

นอกจากการให้การศึกษาที่เป็นเรื่องที่สำคัญต่อเด็ก และเยาวชนแล้ว การดูแลเพื่อให้เด็กได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา จึงเป็นองค์กรที่มีเป้าหมาย และการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือเด็ก และเยาวชนให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน และการคุ้มครองตามพ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ทางด้านปัจจัย 4 และการดูแลพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม โดยองค์กรจะให้ความช่วยเหลือ และให้การสงเคราะห์แก่กลุ่มเด็กกำพร้า เด็กเร่ร่อน เด็กที่ถูกทอดทิ้ง ตลอดจนเด็กที่ครอบครัวประสบปัญหา ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม อีกทั้งยังช่วยดูแลเด็กที่ติดเชื้อไวรัส HIV และได้รับผลกระทบจากครอบครัวที่มีโรคติดต่อด้วยเช่นกัน 

5. มูลนิธิยุวรักษ์

อนาคตของเด็ก และเยาวชนเป็นสิ่งที่สังคมควรจะให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้มูลนิธิยุวรักษ์ ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินโครงการ และกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือ มอบโอกาสที่ดีให้แก่เด็ก และเยาวชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กด้อยโอกาส และเด็กยากไร้ ไม่ว่าจะช่วยเหลือในด้านการรักษาพยาบาล สุขอนามัย และการช่วยเหลือครอบครัวของเด็ก และเยาวชน เพื่อช่วยลดปัญหาภาวะความเจ็บป่วย และความยากไร้ เพื่อให้กลุ่มเด็กชายขอบได้มีโอกาสในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรงขึ้น หรือการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของชีวิต เพื่อเติบโตขึ้นไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ 

สรุป

สิทธิขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ และควรตระหนักถึงประเด็นนี้อยู่เสมอ เพื่อความสงบสุข และเพื่อผลดีต่อสังคมโดยรวม โดยสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยที่เราควรจะได้รับนั้น ควรจะครอบคลุมความเป็นอยู่ตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการมีชีวิตรอด การใช้ชีวิตในสังคมอย่างปลอดภัย สิทธิที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้อย่างเสรี โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น สิทธิที่จะได้รับการศึกษา ข้อมูลข่าวสาร รวมไปถึงสิทธิในการที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีจากการได้รับปัจจัยทั้ง 4 ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิต หากแต่ในปัจจุบันพบว่า ยังมีคนบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนชายขอบ ซึ่งปัญหาหลักคือความยากไร้ ความขาดแคลน และความเหลื่อมล้ำ ที่ผลักไสผู้คนเหล่านี้ออกจากสังคม จนทำให้ขาดสิทธิ และเสรีภาพในด้านต่างๆ 

Cheewid จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนเพื่อสิทธิขั้นพื้นฐานของคน ให้ได้มาถึงประชาชนทุกคนในสังคมไทยอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล และที่อยู่อาศัย เราได้ร่วมมือกับองค์กร และหน่วยงานต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ให้ความช่วยเหลือ พัฒนา และแก้ไขปัญหาสังคมด้วยความยั่งยืน ผ่านการดำเนินกิจกรรม และโครงการต่างๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ในสังคม

 

Reference: 

  1. กรมสอบสวนพิเศษ. สิทธิและหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนุญ. dsi.go.th. Retrieved 11 March 2024. 
  2. พงษ์ธวัฒน์ บุญพิทักษ์. สิทธิเสรีและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชฮาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐. parliament.go.t. Retrieved 11 March 2024. 
  3. ภาวรรณ ธนาเลิศสมบูรณ์. ไขรหัสควาเหลื่อมล้ำการศึกษาไทย เหตุใดความช่วยเหลือไปไม่ถึงเด็กยากจน. eef.or.th. Published 16 June 2021. Retrieved 12 March 2024. 
  4. มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์. 4 สิทธิเด็ก ที่ทุกคนควรรู้. sosthailand.org. Retrieved 12 March 2024. 
  5. เฮลท์สเตชัน. สกู๊ป-คนไทยเหมือนกัน! แต่ทำไม ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน. main.healthstation.in.th. Published 18 April 2023. Retrieved 12 March 2024. 
  6. Unicef Thailand.  อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กคืออะไร. unicef.org. Retrieved 13 March 2024

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner - Support Childline Thailand (สายเด็ก1387)
logo - มูลนิธิสายเด็ก1387

มูลนิธิสายเด็ก1387

เราคือกลุ่มเพื่อนกิจกรรมที่สนับสนุน “การอยู่ดีและตายดี” ของคนในสังคมไทย เราผลิตเนื้อหา เครื่องมือการเรียนรู้ จัดกิจกรรมเรียนรู้ชีวิตและความตายที่ง่ายต่อการเข้าถึงสำหรับผู้สนใจ เราหวังเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมให้เอื้อต่อการจากไปอย่างสงบ
banner - saturday school
logo - saturday school

มูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์

มูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ หรือ Saturday School เกิดจากการรวมตัวกันของคนในสังคมจากหลากหลายอาชีพ ด้วยความมุ่งมั่นเดียวกัน ว่าเด็กทุกคนนั้นมีศักยภาพ ควรได้รับโอกาสในการพัฒนาสูงสุดตามความสนใจของเขา

หิ่งห้อยน้อย

ป็นเว็บไซต์และเพจเฟซบุ๊ก คือพื้นที่แห่งการตั้งคำถามและหาคำตอบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ การแสดงออกทางความคิดเห็นต่อเรื่องอ่อนไหวในสังคมได้อย่างตรงไปตรงมา พื่อให้เกิดการเรียนรู้และการสร้างความคิดแบบ Critical Thinking ให้กับเยาวชน
logo - imagine thailand foundation

Imagine Thailand Foundation

เราคือผู้เชื่อมั่นในความสามารถของเยาวชน นักศึกษา คนหนุ่มสาว และผู้ที่มีทักษะความสามารถ ในการสร้างอนาคตใหม่ที่ดีกว่าให้กับชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือ สิ่งที่เราทําคือการร่วมมือกับองค์อื่นๆ จากทั่วโลก เพื่อนําประโยชน์ที่แท้จริงและเปลี่ยนแปลงไปสู่ชุมชนต่างๆ สังคมทางด้านธุรกิจ(Market Place) และโลกของเรา
banner - มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก
logo - มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก

มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก

เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ได้นำหนังสือสู่เด็ก นำเด็กสู่หนังสือ และส่งเสริมให้พ่อแม่ทุกคนเห็นความสำคัญของการอ่านหนังสือ รวมทั้งการเลี้ยงลูกด้วยหนังสือตั้งแต่วัยเยาว์ นำไปสู่การใช้หนังสือเป็นสื่อกลางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสติปัญญาแก่คนทุกวัย