เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

สถานการณ์ของแรงงานข้ามชาติในไทย การคุ้มครองและปัญหาที่เกิดขึ้น

แรงงานข้ามชาติในไทยมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจแต่ขาดการคุ้มครองทางกฎหมาย ในบทความนี้ CHEEWID ชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกับแรงงานข้ามชาติในไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคม เช่น ช่องว่างทางสังคมและความไม่เท่าเทียม และประเด็นอื่นๆ
สถานการณ์ของแรงงานข้ามชาติในไทย การคุ้มครองและปัญหาที่เกิดขึ้น
Table of Contents

 

Key Takeaway

  • แรงงานข้ามชาติ หมายถึง บุคคล หรือลูกจ้าง ที่ถูกจ้างให้ทำงาน เพื่อได้รับค่าแรง ค่าตอบแทน ในประเทศที่ตนเองไม่ได้เป็นสมาชิก หรือไม่ใช่คนในชาตินั้น 
  • สาเหตุที่แรงงานข้ามชาติทำงานในไทย เนื่องจากความต้องการแรงงานในไทยมีมาก จากการกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ และขาดแรงงานหนุ่มสาวในประเทศ บวกกับแรงงานข้ามชาติเองต้องการที่จะยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน จึงมีการย้ายถิ่นฐานการทำงาน 
  • แรงงานข้ามชาติผลักให้รัฐบาลจะต้องมีมาตรการในการดูแลและควบคุมแรงงานข้ามชาติให้ทำงานอย่างเป็นไปตามกฎที่รัฐกำหนด และต้องเพิ่มการบริหารการคลังในการให้สวัสดิการแรงงานข้ามชาติด้วยเช่นกัน
  • สิทธิแรงงานข้ามชาติ ได้แก่ สิทธิในการจัดสหภาพแรงงาน สิทธิที่สามารถทำงานด้วยความสมัครใจโดยปราศจากการบังคับหรือข่มขู่ สิทธิที่เด็กและเยาวชนที่มาพร้อมกับแรงงานข้ามชาติจะได้รับการคุ้มครอง สิทธิประกันสุขภาพ ประกันสังคม สิทธิที่จะได้รับความเท่าเทียมในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 

 

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องด้วยอัตราการเกิดของคนในประเทศที่ลดน้อยลงกว่าครึ่งหนึ่ง จึงทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาแรงงานจากต่างชาติ หรือกลุ่มแรงงานข้ามชาติ (Migrants Workers) เพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในภาคส่วนต่างๆ ของการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานจากประเทศในเขตภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ลาว กัมพูชา และเมียนมาที่เข้ามาทำงานในไทยจำนวนมาก และเนื่องจากจำนวนแรงงานที่เพิ่มมากขึ้นนี้เอง จึงทำให้รัฐบาลไทยต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก เพื่อการควบคุมดูแลแรงงานข้ามชาติให้สามารถทำงานในไทยได้อย่างลงตัว และไม่ขัดแย้งต่อระบบสังคมต่างๆ 

 

แรงงานข้ามชาติคืออะไร และมีบทบาทอย่างไรในสังคม

แรงงานข้ามชาติคืออะไร และมีบทบาทอย่างไรในสังคม

องค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) ได้ให้คำนิยามของแรงงานข้ามชาติ หมายถึง บุคคลที่ถูกว่าจ้างหรือทำงานโดยได้รับค่าตอบแทนจากรัฐที่ตนไม่ได้เป็นสมาชิกหรือไม่ใช่คนในชาตินั้น โดยแรงงานข้ามชาติมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยในการเติมเต็มตำแหน่งในการทำงาน เพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้ให้แก่สังคมและรัฐนั้นๆ ช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และช่วยเพิ่มปริมาณเงินตราต่างประเทศในการส่งออก

โดยไทยพบแรงงานข้ามชาติมากกว่า 3.9 ล้าน คน จึงนับได้ว่าแรงงานข้ามชาติเป็นแรงงานสำคัญภายในประเทศ แต่เนื่องจากจำนวนแรงงานข้ามชาติที่ค่อนข้างมาก ทำให้รัฐบาลจะต้องเตรียมความพร้อมในการดูแล บริหาร รวมไปถึงจัดการสวัสดิการอย่างเหมาะสมให้กับคนในประเทศ และแรงงานข้ามชาติด้วยเช่นกัน 

สาเหตุที่แรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในไทย

แรงงานข้ามชาติเป็นบุคคลที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในระบบเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจของไทย ซึ่งสามารถวิเคราะห์สาเหตุแรงงานข้ามชาติออกมาเป็น 2 สาเหตุหลักด้วยกัน ประการแรก คือ การที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อัตราการเกิดมีน้อยลง และคนวัยแรงงานของไทยมีแนวโน้มและมีความต้องการที่จะย้ายประเทศเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ไทยต้องพึ่งพาและมีการจ้างแรงงานข้ามชาติ

ในขณะที่สาเหตุอีกประการ ได้แก่ การที่กลุ่มแรงงานข้ามชาติต้องการทำงาน เพื่อแสวงหารายได้ที่จะช่วยพัฒนาโอกาสและคุณภาพชีวิตให้ดีมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานไปทำงานในต่างแดน เพื่อให้สามารถตอบสนองและเติมเต็มแรงจูงใจในการดำเนินชีวิตที่ดี

 

ผลกระทบของแรงงานข้ามชาติ   

ผลกระทบของแรงงานข้ามชาติ

จากการเข้ามาของแรงงานข้ามชาติมากกว่าหลายล้านคน ทำให้รัฐบาลไทยต้องเผชิญกับความท้าทายไม่น้อย เนื่องจากจะต้องมีการบริหารจัดการกลุ่มแรงงานข้ามชาติให้สามารถอยู่ในประเทศไทยได้อย่างสันติ จึงจำเป็นต้องรับภาระทางการคลังที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อการสร้างสวัสดิการ และบริการสาธารณะแก่แรงงานข้ามชาติที่เข้ามาในประเทศ

แต่การที่รัฐพยายามบริหารจัดการและดูแลแรงงานข้ามชาติได้ส่งผลกระทบทำให้คนไทยในสังคมโดยเฉพาะคนไทยชายขอบ หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลับรู้สึกว่าตนถูกละเลยและไม่ได้แม้แต่สิทธิ สวัสดิการที่ดีเทียบเท่าแรงงานข้ามชาติ ดังนั้นรัฐจึงต้องรับภาระที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อการบริหารแรงงานข้ามชาติให้ดี และดูแลคนในชาติให้ดีมากยิ่งขึ้น 

 

 

สถิติแรงงานข้ามชาติในไทย

  • แรงงานต่างด้าวมาตรา 59 คือ แรงงานรูปแบบตลอดชีพ มีจำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 0.0002 ของแรงงานข้ามชาติทั้งหมด 
  • แรงงานข้ามชาติทั่วไป คือ แรงงานข้ามชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในประเทศเป็นการชั่วคราวตามกฎหมาย ซึ่งต้องมิใช่การเข้ามาในประเทศในฐานะนักท่องเที่ยว มีจำนวน 110,529 คิดเป็นร้อยละ 4.03 
  • แรงงานนำเข้าตาม MOU คือ แรงงานข้ามชาติสัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งสามารถเข้าทำงานตามข้อตกลงระหว่างรัฐไทยกับรัฐบาลประเทศต้นทางได้ มีจำนวน 567,684 คน คิดเป็นร้อยละ 20.68
  • แรงงานต่างด้าวมาตรา 62 คือ กลุ่มแรงงานมีฝีมือ ผู้ชำนาญการ หรือผู้เข้ามาลงทุนภายในประเทศ หรือแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม มีจำนวน 48,272 คน หรือร้อยละ 1.76
  • แรงงานต่างด้าวมาตรา 63/1 คือ ชนกลุ่มน้อยที่ไม่ได้รับสัญชาติไทย จำนวน 92,440 คน คิดเป็นร้อยละ 3.37
  • แรงงานต่างด้าวมาตรา 63/2 คือ แรงงานข้ามชาติสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในไทยและทำงานเป็นการชั่วคราว จำนวน 1,912,031 คน คิดเป็นร้อยละ 69.65
  • แรงงานต่างด้าวมาตรา 64 คือ แรงงานข้ามชาติสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานบริเวณชายแดน เป็นการทำงานลักษณะไป-กลับ ตามฤดูกาลในพื้นที่ความตกลงว่าด้วยการสัญจรข้ามแดน จำนวน 14,262 คน คิดเป็นร้อยละ 0.52

 

สิทธิแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย

สิทธิแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย

แรงงานข้ามชาติมีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะได้รับการดูแลและการคุ้มครองต่างๆ ตามสิทธิ ดังต่อไปนี้ 

สิทธิด้านสหภาพแรงงาน

เป็นอนุสัญญาที่กำหนดมิให้มีการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลด้านสัญชาติ หรือเลือกปฏิบัติเพราะเข้าประเทศผิดกฎหมาย สำหรับแรงงานที่ต้องการเข้าเป็นสมาชิกองค์กรแรงงานหรือต้องการจัดตั้งสหภาพแรงงาน

  • จัดตั้งและเป็นสมาชิกสหภาพหรือสมาคมที่แรงงานข้ามชาติเป็นผู้เลือก
  • เข้าร่วมกลุ่มเพื่อเจรจาในเรื่องที่มีผลต่อสภาพการทำงานแและเงื่อนไขในการจ้างงาน 
  • เลือกบุคคลมาเป็นผู้แทน 
  • ใช้กลไกทางอนุญาโตตุลาการและการไกล่เกลี่ยเพื่อยุติข้อโต้แย้ง
  • นัดหยุดงาน

แรงงานข้ามชาติควรได้รับสิทธิพลเมืองพื้นฐานที่จำเป็น ได้แก่

  • สิทธิเสรีภาพและความปลอดภัยของบุคคล และเสรีภาพจากการถูกจับกุมและกักขังโดยไม่เป็นธรรม
  • สิทธิในการมีความคิดเห็นและแสดงความเห็น โดยเฉพาะสิทธิในการมีความคิดเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง และการแสวงหา รับ และให้ข้อมูลและความคิดผ่านสื่อใด ไม่ว่าจะในประเทศใดก็ตาม
  • สิทธิในการชุมนุม
  • สิทธิในการรับการพิจารณาคดีที่ยุติธรรมโดยคณะตุลาการที่อิสระและเป็นกลาง 
  • สิทธิในการที่ทรัพย์สินของสหภาพแรงงานจะได้รับการคุ้มครอง

 

 

สิทธิในการทำงานด้วยความสมัครใจ

แรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานจะต้องเป็นแรงงานที่มาทำงานด้วยความสมัครใจของตน ที่ต้องมิใช่การบังคับ ข่มขู่ เช่น 

  • แรงงานข้ามชาติจะต้องไม่ถูกกดดันให้ทำงานด้วยการข่มขู่หรือการบีบบังคับ
  • แรงงานข้ามชาติจะต้องไม่ถูกกักขัง
  • แรงงานข้ามชาติจะต้องสามารถยุติการจ้างงานของตนได้ โดยแจ้งล่วงหน้าต่อนายจ้างตามที่กฎหมายของประเทศกำหนด
  • การลงโทษแรงงานข้ามชาติ (ในกรณีที่แรงงานข้ามชาติทำผิดกฎระเบียบความปลอดภัยและสุขอนามัยของสถานที่ทำงาน) จะต้องไม่กระทำโดยบังคับให้ทำงานเพิ่ม
  • แรงงานข้ามชาติที่เข้าร่วมในการนัดหยุดงานอย่างถูกกฎหมาย จะต้องไม่ถูกบังคับให้กลับเข้าทำงาน

โดยหลักทั้งหมดนี้จะต้องใช้กับแรงงานข้ามชาติทั้งหมดอย่างเท่าเทียม เพื่อไม่ให้แรงงานข้ามชาติถูกบีบบังคับให้ทำงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อความปลอดภัย และต้องไม่บีบบังคับให้ทำงานล่วงเวลามากเกินควร เนื่องจากแรงงานข้ามชาติมีโอกาสถูกบีบบังคับและมีความเสี่ยงสูงในการให้ทำงานอย่างไม่เป็นธรรม รัฐบาลของทุกประเทศจึงได้ระบุข้อมูลเพื่อป้องกัน ปราบปรามการลงโทษและการค้ามนุษย์ ดังต่อไปนี้ 

  • มาตรการทางกฎหมาย เพื่อต่อต้านการเกณฑ์แรงงานบังคับในแรงงานข้ามชาติทั้งจดทะเบียนและไม่จดทะเบียน โดยเฉพาะในโรงงาน งานขายบริการทางเพศ งานบริการ งานรับใช้ภายในบ้าน ตลอดจนงานในภาคการเกษตร 
  • มาตรการในทางปฏิบัติ รวมทั้งการดำเนินคดีความในชั้นศาล การอนุญาตให้อยู่ในประเทศนับจากขั้นตอนการเริ่มคดีความ จนถึงเมื่อจบสิ้นคดีความได้ อย่างน้อยในช่วงเวลาที่มีการพิจารณาคดี และให้ความคุ้มครองพยานอย่างมีประสิทธิภาพ และมาตรการที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างการสืบสวนเครือข่ายอาชญากรรมอย่างจริงจัง 

การคุ้มครองเด็กที่มาพร้อมแรงงานข้ามชาติ

เด็กหรือเยาวชนที่ติดตามแรงงานข้ามชาติ หรือเป็นบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ มีความเสี่ยงสูงมากที่จะกลายเป็นผู้ที่ถูกมองข้าม และถูกกระทำอย่างไม่เหมาะสมต่อเด็กและเยาวชน  ดังนั้นเด็กและเยาวชนจะต้องไม่ถูกเกณฑ์หรืออนุญาตให้ทำงานก่อนอายุถึงเกณฑ์แรงงานขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอายุขั้นต่ำในการทำงานควรไม่ต่ำกว่าอายุสำหรับการศึกษาภาคบังคับ หรือราวๆ 15 ปี และสำหรับงานบางประเภทอายุขั้นต่ำที่ 18 ปี และเพื่อเป็นการคุ้มครองและดูแลเยาวชน จะต้องมีการอำนวยความสะดวก มีระบบการแจ้งเกิดให้แก่เด็กที่มากับแรงงานข้ามชาติ

อีกทั้งเด็กและเยาวชนของแรงงานข้ามชาติ มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกบีบบังคับให้ทำงานโดยมิชอบ เช่น การทำงานหนัก การทำงานใช้หนี้ การค้ามนุษย์ การแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ และเสี่ยงต่ออันตรายในชีวิตและการเจริญเติบโต ดังนั้นเด็กและเยาวชนจึงต้องได้รับการดูแลขั้นพื้นฐานตามสิทธิเด็กที่ควรจะได้รับ 

ห้ามเลือกปฏิบัติกับแรงงานข้ามชาติ

แม้เป็นแรงงานข้ามชาติ ไม่ว่าจะเข้ามาทำงานในเงื่อนไขใด หรือลักษณะใด จะต้องไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลทางเชื้อชาติ สีผิว เพศ หรือสถานะทางสัญชาติ ภูมิหลังทางสังคม วัฒนธรรม ศาสนา หรือความคิดเห็นทางการเมือง กฎหมายจึงไม่อนุญาตให้มีการกระทำดังต่อไปนี้ 

  • การแบ่งสี แบ่งแยกระหว่างแรงงานข้ามชาติ แบ่งแยกตามลักษณะสีผิว หรือเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ หรือภูมิหลังทางสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน 
  • เลือกปฏิบัติจากภาพเหมารวมและอคติทางเพศ ความเป็นชาย-หญิง การตั้งครรภ์ สถานะทางครอบครัว 

สิทธิประกันสังคม

แรงงานข้ามชาติที่มีรายชื่อขึ้นเป็นพนักงานองค์กรอย่างชัดเจน จะต้องถูกขึ้นทะเบียนประกันสังคมและชำระเงินสมทบเช่นเดียวกับแรงงานไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

  • ต้องจ่ายเงินสมทบเมื่อขึ้นทะเบียนประกันสังคม จำนวน 5% ของเงินเดือน (ไม่เกิน 750 บาท) ซึ่งนายจ้างจะสมทบ 5% และรัฐบาลไทยสมทบอีก 2.75%
  • แรงงานจะได้รับสิทธิประโยชน์ 7 รายการ ได้แก่ เจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ ทุพพลภาพ เสียชีวิต ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และการว่างงาน
  • มีกองทุนเงินทดแทนโดยนายจ้างจะเป็นผู้จ่ายในอัตรา 0.2-1% ของค่าจ้างตามประเภทความเสี่ยง ซึ่งแรงงานจะได้รับต่อเมื่อประสบกับเหตุอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากการทำงาน 

สิทธิประกันสุขภาพ

แรงงานข้ามชาติที่ไม่ได้เข้าตาม MOU ที่ประกอบอาชีพแม่บ้าน เกษตรกร เลี้ยงสัตว์ ทำประมง หรือการค้าที่ไม่ใช่ธุรกิจของตน จะไม่ได้ขึ้นทะเบียนประกันสังคม หากแต่ยังได้รับประกันสุขภาพตามเงื่อนไขของกระทรวงสาธารณะสุข ซึ่งจะมีค่าตรวจสุขภาพปีละ 500 บาท และค่าประกันสุขภาพปีละ 1,600 บาท หลังจากนั้นจะได้รับการบันทึกไว้ในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าเช่นเดียวกับคนไทย 

 

กฎหมายคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ

กฎหมายคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ

แรงงานข้ามชาติเองก็มีกฎหมายที่คอยคุ้มครองดูแล เพื่อไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบในการทำงานได้ ซึ่งนายจ้าง ผู้ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้กฎหมายคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ เพื่อให้การดำเนินการว่าจ้างเป็นไปอย่างเหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีดังต่อไปนี้ 

  • นายจ้างต้องปฏิบัติต่อแรงงานชายและหญิงอย่างเท่าเทียม เว้นแต่ในสภาพของลักษณะงานที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ 
  • งานทุกประเภทจะต้องทำไม่เกิน 8 ชั่วโมง/วัน หากเป็นงานที่อันตราย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยจะทำได้ไม่เกิน 7 ชั่วโมง/วัน 
  • หากมีการทำงานล่วงเวลาจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อน เว้นแต่กรณีที่ลูกจ้างหยุดงานเป็นเวลานานและต้องทำงานชดเชย หรือมีงานเร่งด่วนฉุกเฉินที่กระทบต่อการดำเนินงาน นายจ้างสามารถให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาได้ภายใต้ระยะเวลาที่เหมาะสม 
  • ลูกจ้างจะต้องได้รับเวลาพักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง หลังจากที่มีการทำงานแล้วติดต่อกัน 5 ชั่วโมง ในกรณีที่เป็นลูกจ้างเด็กติดต่อกัน 4 ชั่วโมง
  • หากมีการทำงานในวันหยุดจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อน เว้นในกรณีที่เป็นวันหยุดต่อเนื่อง หากหยุดงานอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้ เช่น งานโรงแรม ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ขนส่ง สถานพยาบาล เป็นต้น ซึ่งต้องจัดให้ทำงานล่วงเวลาตามความเหมาะสม 
  • ทุกสัปดาห์ลูกจ้างจะต้องมีวันหยุดไม่น้อยกว่า 1 วัน และวันหยุดตามประเพณี ไม่ต่ำกว่า 13 วัน/ ปี (รวมวันแรงงานแห่งชาติ)
  • หากแรงงานต่างด้าวทำงานครบ 1 ปี จะต้องได้รับสิทธิ์ลาพักร้อนอย่างน้อย 6 วัน/ปี
  • ลาป่วยตามวันป่วยจริง ไม่เกิน 30 วัน/ปี และยังคงได้รับค่าจ้างตามปกติ
  • ลากิจได้ตามข้อกำหนดขององค์กร
  • ลูกจ้างหญิงสามารถลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 90 วัน โดยจะนับรวมวันหยุดพิเศษระหว่างลาคลอดด้วยเช่นกัน และได้ค่าจ้างไม่เกิน 45 วัน 
  • ค่าแรงขึ้นต่ำจะต้องไม่น้อยกว่าตามที่กำหนด จ่ายอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ค่าล่วงเวลาทำงานต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของค่าจ้างทำงานปกติ/ชั่วโมง 

สรุป

แรงงานข้ามชาติ คือ กลุ่มแรงงานช่วยเข้ามาเติมเต็มระบบเศรษฐกิจ และเพิ่มกำลังแรงงานในกระบวนการผลิตต่างๆ ให้แก่ประเทศที่ขาดแคลนแรงงาน อย่างเช่นประเทศไทยที่กลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ และขาดแคลนแรงงานวัยหนุ่มสาว ดังนั้นแรงงานข้ามชาติจึงเป็นแรงงานสำคัญในไทย และเพื่อให้แรงงานข้ามชาติสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การดูแลและมอบสิทธิ์ให้แก่แรงงานข้ามชาติจึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยจะต้องคำนึงถึงอย่างละเลยไม่ได้ Cheewid จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยที่จะช่วยดำเนินการเพื่อสนับสนุนสิทธิ์แรงงานข้ามชาติ ผ่านองค์กรและมูลนิธิต่างๆ ให้สามารถทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง และเพื่อไม่ทำให้แรงงานข้ามชาติต้องกลายเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์ และเหยื่อของการถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ และเพื่อสนับสนุนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน

Reference  

  1. แพรวรรณ ศิริเลิศ. สำรวจกระแสการเคลื่อนย้ายของแรงงานข้ามชาติ-เมื่อไทยอาจเผชิญปัญหา ‘ขาดแคลนแรงงาน’. sdgmove.com.  Published on 28 September 2023. Retrieved 28 February 2025.
  2. เอมพิกา ศรีอุดร. แรงงานข้ามชาติ : ชีวิต สิทธิ และความหวัง. masscomm.cmu.ac.th. Published on 3 August 2023. Retrieved 28 February 2025.
  3.  สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ. มาตรการแรงงานระหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิแรงงานข้ามชาติ. ilo.org. Retrieved 28 February 2025.
  4. JOBSWORKER. สิทธิแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย (ตามกฎหมายแรงงาน สุขภาพและความปลอดภัย). jobsworkerservice.com. Retrieved 28 February 2025.

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner - กสศ
logo - กสศ

กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

เราสนับสนุนช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา เสริมสร้าง พัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู
logo - มูลนิธิไทยรัฐ

มูลนิธิไทยรัฐ

เราเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการศึกษา และช่วยเหลือกิจกรรมเกี่ยวกับการศึกษาแก่นักเรียนที่ยากจนและนักเรียนดีเด่นทั่วไป ส่งเสริมการศึกษา และค้นคว้าวิจัยงานหนังสือพิมพ์ร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์เพื่อเด็กๆ

banner - sos เด็กโสสะ

มูลนิธิโสสะแห่งประเทศไทยฯ

เราช่วยเหลือเด็กที่สูญเสียบิดามารดา ขาดญาติมิตร ในรูปแบบของครอบครัวทดแทนถาวรระยะยาว เพื่อให้เด็กสามารถประกอบอาชีพและเลี้ยงดูตัวเองได้ไม่เป็นภาระต่อสังคม