เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

ปัญหาขยะในทะเล ภัยเงียบทำลายทะเลไทยที่สังคมควรตระหนัก
ปัญหาขยะในทะเล ภัยเงียบทำลายทะเลไทยที่สังคมควรตระหนัก

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัจจุบันปัญหาขยะในทะเลไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตสัตว์และระบบนิเวศใต้ทะเลอย่างมาก พร้อมอธิบายวิธีแก้ปัญหา ลดขยะในทะเล

กฎหมายคุ้มครองเด็กในประเทศไทย กับการแก้ปัญหาความรุนแรง
กฎหมายคุ้มครองเด็กในประเทศไทย กับการแก้ปัญหาความรุนแรง

บทความนี้ CHEEWID จะพาทุกคนมารู้จักเจาะลึกประเด็นสำคัญของกฎหมายคุ้มครองเด็กในประเทศไทย ทำความเข้าใจสิทธิพื้นฐานที่เด็กควรได้รับตามหลักสากล แล้วมาดูตัวอย่างการละเมิดสิทธิเด็กที่พบได้ในสังคม

รวม 11 แหล่งบริจาคโรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อสวัสดิการที่ดีของพระสงฆ์

รู้หรือไม่? ทำบุญบริจาคให้โรงพยาบาลสงฆ์ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ บทความนี้ CHEEWID ได้รวบรวม 11 แหล่งบริจาคโรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อสวัสดิการที่ดีของพระสงฆ์ มาให้แล้ว!
รวม 11 แหล่งบริจาคโรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อสวัสดิการที่ดีของพระสงฆ์
Table of Contents

 

Key Takeaway

  • พระสงฆ์ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสวัสดิภาพ โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เพราะไม่มีเอกสารสำคัญ ไม่มีญาติ ไม่มีค่ารักษา เป็นพระสงฆ์ต่างชาติ และยังมีปัญหาเรื่องรูปแบบการรักษาที่ต้องสอดคล้องกับพระธรรมวินัย และการดูแลพระสงฆ์ติดเตียงที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ 
  • การบริจาคให้โรงพยาบาลสงฆ์ช่วยสนับสนุนการดูแลรักษาพระสงฆ์ที่อาพาธในหลายด้าน ทั้งการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ การสนับสนุนค่ารักษา รวมถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงพยาบาลให้เหมาะสมกับสมณเพศ 
  • การบริจาคเงินเพื่อทำบุญกับร.พ. สงฆ์ หรือศาสนสถาน นำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนอื่นๆ ผู้บริจาคจะต้องมีหลักฐานมายื่น และต้องเป็นการบริจาคในรูปแบบตัวเงินเท่านั้น ไม่รวมการถวายสิ่งของหรือปัจจัยในรูปแบบอื่น
  • การบริจาคเพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลสงฆ์ และมูลนิธิต่างๆ ทำได้หลายช่องทาง ทั้งการบริจาคโดยตรง ผ่านระบบ e-Donation การโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร การบริจาคผ่านแอปพลิเคชันมือถือ หรือการสแกน QR Code เพื่อบริจาค เป็นต้น

 

รู้หรือไม่? ปัจจุบันพระสงฆ์ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสวัสดิภาพโดยเฉพาะในด้านการเข้าถึงบริการทางด้านการแพทย์ การบริจาคให้โรงพยาบาลสงฆ์ช่วยสนับสนุนการดูแลรักษาพระสงฆ์ที่อาพาธในหลายด้าน ทั้งในแง่ของการรักษา และช่วยสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จำเป็น นอกจากนี้การทำบุญบริจาคให้โรงพยาบาลสงฆ์สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

บทความนี้ได้รวบรวม 11 แหล่งบริจาคโรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อสวัสดิการที่ดีของพระสงฆ์มาให้แล้ว! พร้อมไปไขข้อข้องใจกันว่า การบริจาคเงินให้ศาสนสถาน หรือการทำบุญ ผ่านระบบ e-Donation จะนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้อย่างไร และบริจาคช่องทางไหนได้บ้าง!

 

โรงพยาบาลสงฆ์ Priest Hospital

1. โรงพยาบาลสงฆ์ Priest Hospital

บริจาคโรงพยาบาลสงฆ์ Priest Hospital ที่นี่มีวิสัยทัศน์ในการเป็นสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ภายใต้กรอบพระธรรมวินัย โดยมีการศึกษาวิจัย พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้ทางการแพทย์เฉพาะทาง ให้บริการทางการแพทย์ระดับตติยภูมิ หรือสูงกว่าแก่พระสงฆ์ทั่วประเทศ 

โรงพยาบาลสงฆ์ Priest Hospital ยังช่วยพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความเชี่ยวชาญในการดูแลพระสงฆ์ตามหลักพระธรรมวินัย และพัฒนาโรงพยาบาลให้เป็นต้นแบบของการดูแลพระสงฆ์อาพาธ (Temple Hospital) พร้อมทั้งพัฒนาองค์กรให้มีคุณธรรม คุณภาพ และสมรรถนะสูง

  • ที่อยู่: ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
  • เบอร์ติดต่อ: 064-095-3746
  • เว็บไซต์: https://www.priest-hospital.go.th/ 

 

ศูนย์ดูแลพระสงฆ์อาพาธและผู้ป่วยยากไร้ระยะท้าย จังหวัดสุรินทร์

2. ศูนย์ดูแลพระสงฆ์อาพาธและผู้ป่วยยากไร้ระยะท้าย จังหวัดสุรินทร์

ศูนย์ดูแลพระสงฆ์อาพาธและผู้ป่วยยากไร้ระยะท้าย จังหวัดสุรินทร์ เป็นศูนย์แห่งแรกและแห่งเดียวในจังหวัดสุรินทร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดของพระอาจารย์แสนปราชญ์ ปัญญาคโม ประธานศูนย์ดูแลผู้ป่วยระยะท้าย และเจ้าอาวาสวัดป่าโนนสะอาด จังหวัดนครราชสีมา 

ศูนย์แห่งนี้ได้รับการอนุญาตจากพระครูโสภณธรรมรังษี เจ้าคณะอำเภอเมืองสุรินทร์ และเจ้าอาวาสวัดโยธาประสิทธิ์ ให้ปรับปรุงกุฏิพระหลังเก่าเป็นสถานที่ดูแลรักษาพระภิกษุสงฆ์ สามเณร แม่ชี ผู้ยากไร้ และผู้ป่วยไร้ญาติในระยะสุดท้ายของชีวิต โดยมีจิตอาสาคอยดูแลและให้การรักษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

  • ที่อยู่: วัดป่าโยธาประสิทธิ์ (ธ) อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
  • เบอร์ติดต่อ: 087-494- 5635
  • เว็บไซต์: https://www.facebook.com/profile.php?id=100095689713541 

 

ศูนย์ดูแลพระป่วยพระอาพาธ วัดทับคล้อ (สวนพระโพธิสัตว์)

3. ศูนย์ดูแลพระป่วยพระอาพาธ วัดทับคล้อ (สวนพระโพธิสัตว์)

ศูนย์ดูแลพระป่วยพระอาพาธ วัดทับคล้อ (สวนพระโพธิสัตว์) ได้จัดตั้งขึ้นหลังจากพบว่ามีทั้งพระสงฆ์และญาติโยมจำนวนมากที่กำลังประสบปัญหาด้านสุขภาพจากโรคเรื้อรัง อีกทั้งยังมีความยากลำบากในการเดินทางไปพบแพทย์เนื่องจากที่ตั้งของวัดไม่มีรถประจำทาง และข้อจำกัดด้านรายได้ที่ทำให้หลายคนเลือกซื้อยามากินเองแทนการไปพบแพทย์ 

ศูนย์แห่งนี้จึงให้บริการด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน และการอำนวยความสะดวกในการรับส่งพระสงฆ์ และญาติโยมไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลทับคล้อ โรงพยาบาลสมเด็จยุพราชตะพานหิน และโรงพยาบาลพิจิตร โดยเฉลี่ยวันละ 3 รอบ นอกจากนี้ และยังมีการจัดตั้งพื้นที่พิเศษสำหรับดูแลพระสงฆ์ชราที่อาพาธหนักอีกด้วย

  • ที่อยู่: วัดทับคล้อ หมู่ 1 ตำบลทับคล้อ อำเภอทับคล้อ พิจิตร
  • เบอร์ติดต่อ: 098-790-7912
  • เว็บไซต์: https://www.facebook.com/BoonyakonPasato/?locale=th_TH 

 

มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก

4. มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก

บริจาคเงินโรงพยาบาลสงฆ์ที่มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ที่นี่มีวัตถุประสงค์หลักในการสนับสนุนการให้บริการรักษาพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเฉพาะแก่ผู้ป่วยยากไร้ ภิกษุสามเณร และนักบวชทุกศาสนา พร้อมทั้งส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และสวัสดิการของบุคลากรทุกระดับในคณะไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้าง 

นอกจากนี้ มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอกยังจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ดูแลบำรุงรักษาสิ่งก่อสร้าง และสิ่งแวดล้อมภายในคณะ ตลอดจนร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ภายใต้หลักการทำงานที่เป็นกลางโดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

  • ที่อยู่: ถนนอินทวโรรส ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง เชียงใหม่ 
  • เบอร์ติดต่อ: 053-938-400, 053-938-800
  • เว็บไซต์: https://w2.med.cmu.ac.th/sdfoundation/ 

 

โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมประเกียรติ

5. โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมประเกียรติ

บริจาคเงินโรงพยาบาลสงฆ์ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมประเกียรติ ที่นี่มีวัตถุประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลแก่พระภิกษุสงฆ์ที่อาพาธ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยสนับสนุนการก่อตั้งและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลพระภิกษุสงฆ์อาพาธ รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นสำหรับการดูแลรักษา นอกจากนี้ ยังมีภารกิจในการบูรณะซ่อมแซมพระพุทธรูปประจำโรงพยาบาลเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ สร้างขวัญกำลังใจแก่ทั้งตัวผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย

  • ที่อยู่: หมู่ 8 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี
  • เบอร์ติดต่อ: 02-926-9432
  • เว็บไซต์: https://www.hospital.tu.ac.th/donate/ 

 

โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย

6. โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย

โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยได้ก่อตั้งขึ้นตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อสนับสนุนให้พระสงฆ์ไทยได้มีโอกาสศึกษาพุทธธรรมในระดับสูง สนับสนุนให้สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาและนำไปปฏิบัติ รวมถึงเผยแผ่แก่พุทธบริษัทได้อย่างถูกต้องตามหลักพระไตรปิฎก 

ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจนี้ โดยมุ่งพัฒนาความรู้ และคุณภาพของพระสงฆ์ ให้เป็นที่พึ่งทางจิตใจ และเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยต่อๆ ไป

  • ที่อยู่: ทําเนียบองคมนตรี ถนนสราญรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
  • เบอร์ติดต่อ: 02-220-7400
  • เว็บไซต์: https://www.kstm.or.th/ 

 

มูลนิธิสันติภาวัน

7. มูลนิธิสันติภาวัน

มูลนิธิสันติภาวัน ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์สันติภาวันโดยตรง โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการการเงินให้เกิดความโปร่งใส และตรวจสอบได้ มูลนิธิมีจุดประสงค์ในการส่งเสริมการศึกษาวิจัย และพัฒนาระบบการดูแลภิกษุอาพาธให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับพระธรรมวินัยและเหมาะสมกับยุคสมัย รวมทั้งกระตุ้นให้คณะสงฆ์และสังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลภิกษุอาพาธ ตลอดจนสนับสนุนการเผยแผ่หลักธรรมเกี่ยวกับชีวิตและความตายในวิถีพุทธ ทางมูลนิธิยังได้ร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์อีกด้วย

  • ที่อยู่: หมู่ 5 ซอยเทศบาล 23 ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จันทบุรี 
  • เบอร์ติดต่อ: 081-491-6575
  • เว็บไซต์: https://santibhavan.or.th/ 

 

มูลนิธิตึกสงฆ์สมเด็จพระพุธาจารย์ (อาจ อาสภมหาเร)

8. มูลนิธิตึกสงฆ์สมเด็จพระพุธาจารย์ (อาจ อาสภมหาเร)

บริจาคเงินโรงพยาบาลสงฆ์ที่มูลนิธิตึกสงฆ์สมเด็จพระพุธาจารย์ (อาจ อาสภมหาเร) ที่นี่มีบทบาทในการพัฒนาสวัสดิภาพของพระสงฆ์ โดยเฉพาะด้านการดูแลสุขภาพ ผ่านการจัดตั้งตึกสงฆ์อาพาธในโรงพยาบาลขอนแก่นเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้รับการรักษาพยาบาลที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพระธรรมวินัย 

ทางมูลนิธิยังมีการจัดสภาพแวดล้อมและการบริการที่เอื้อต่อสมณเพศ เช่น การแยกพื้นที่ระหว่างพระสงฆ์ และฆราวาส การจัดเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น และมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าใจวิถีปฏิบัติของพระสงฆ์ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพพระสงฆ์อย่างครบวงจรตั้งแต่การป้องกันโรค การรักษา และการฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อให้พระสงฆ์มีสุขภาวะที่ดี และปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ที่อยู่: ถนนศรีจันทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง ขอนแก่น 
  • เบอร์ติดต่อ: 043-236-190, 043-009-900
  • เว็บไซต์: https://www.kkh.go.th/donate/donate-buddhist/ 

 

มูลนิธิหลวงพ่อพุธ

9. มูลนิธิหลวงพ่อพุธ

มูลนิธิหลวงพ่อพุธ มีจุดประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์พระภิกษุที่อาพาธ โดยเฉพาะรูปที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการรักษาพยาบาลหรือไม่มีโยมอุปัฏฐาก โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมด นอกจากนี้ ยังขยายความช่วยเหลือไปยังบุคคลทั่วไปที่ประสบความเดือดร้อน ยากจน เจ็บป่วย หรือประสบภัยพิบัติต่างๆ พร้อมทั้งสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ด้านการแพทย์ การศึกษา การศาสนา และการบรรเทาสาธารณภัย และร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อมุ่งสร้างประโยชน์แก่สังคมอย่างแท้จริง

 

มูลนิธิศรีธรรมราชา

10. มูลนิธิศรีธรรมราชา 

มูลนิธิศรีธรรมราชา เป็นองค์กรที่มีบทบาทในการช่วยพัฒนาสวัสดิภาพของพระสงฆ์ผ่านการสนับสนุนด้านการดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาลแก่พระภิกษุสงฆ์ เช่น การจัดให้มีบริการทางการแพทย์ที่เหมาะสมกับสมณเพศ การสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลแก่พระสงฆ์ที่อาพาธและขาดแคลนทุนทรัพย์ การจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น และการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีบทบาทในการส่งเสริม และสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา เพื่อให้พระสงฆ์สามารถดำรงสมณเพศ และปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

  • ที่อยู่: ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอท่าศาลา นครศรีธรรมราช
  • เบอร์ติดต่อ: 063-078-4999
  • เว็บไซต์: https://www.facebook.com/srithammaracha/?locale=th_TH 

 

กองทุนสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ

11. กองทุนสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ 

กองทุนสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรที่ประสบปัญหาในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีเอกสารสำคัญ เช่น ใบสุทธิ หรือบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงพระสงฆ์ต่างชาติ พระสงฆ์ที่ไม่มีญาติ และพระสงฆ์ติดเตียง ซึ่งมักประสบข้อจำกัดในการรักษาพยาบาล ทางกองทุนจึงมีส่วนช่วยสนับสนุนค่ารักษาพยาบาล เพื่อให้พระภิกษุสามเณรทุกรูปเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึงโดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานะหรือเอกสาร

  • ที่อยู่: หมู่ 3 บ้านปลาดุก ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง อุบลราชธานี
  • เบอร์ติดต่อ: 045-319-300
  • เว็บไซต์: https://50pansa.moph.go.th/ 

 

สรุป

พระสงฆ์ไทยกำลังประสบปัญหาด้านสวัสดิภาพ โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เนื่องจากหลายรูปไม่มีเอกสารสำคัญ ไม่มีญาติ ขาดทุนทรัพย์ในการรักษา หรือเป็นพระสงฆ์ต่างชาติ อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในเรื่องรูปแบบการรักษาที่ต้องสอดคล้องกับพระธรรมวินัยและการดูแลพระสงฆ์ติดเตียงที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ 

การบริจาคให้โรงพยาบาลสงฆ์จึงมีความสำคัญในการสนับสนุนการดูแลรักษาพระสงฆ์ที่อาพาธในหลายด้าน ทั้งการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ การสนับสนุนค่ารักษา รวมถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงพยาบาล ให้เหมาะสมกับสมณเพศเพื่อให้พระสงฆ์ได้รับการดูแลรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและสมศักดิ์ศรี

Cheewid ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนโรงพยาบาล องค์กร หรือมูลนิธิสงฆ์ เพื่อสนับสนุนสวัสดิการของพระสงฆ์ ให้พระสงฆ์ได้รับการดูแลรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ

 

Reference:

  1. DonationThailand. กองทุนสงฆ์อาพาธ ทั่วประเทศ ทำบุญ บริจาคสร้างตึกสงฆ์. donationthailand.net. Published 26 June 2024. Retrieved 12 November 2024.

องค์กรและโครงการเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner-โรงพยาบาลสงฆ์ Priest Hospital
logo-โรงพยาบาลสงฆ์ Priest Hospital

โรงพยาบาลสงฆ์ Priest Hospital

สถาบันสุขภาพสงฆ์แห่งชาติ โดย จอมพล ป. พิบูลสงครามให้บริการตรวจวินิจฉัย บำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อพัฒนาวิชาการแพทย์ด้านโรคทั่วไปและจักษุวิทยาแก่พระภิกษุ-สามเณร 

banner-ศูนย์ดูแลพระสงฆ์อาพาธและผู้ป่วยยากไร้ระยะท้าย จังหวัดสุรินทร์

ศูนย์ดูแลพระสงฆ์อาพาธและผู้ป่วยยากไร้ระยะท้าย จังหวัดสุรินทร์

หน่วยงานตระหนักถึงสุขภาวะชีวิตระยะท้ายของผู้ไร้ที่พึ่งและพระสงฆ์อาพาธ ตามหลักและวิธีการดูแลใน 4 มิติ ได้แก่ ร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ เพื่อให้มีชีวิตระยะท้ายที่มีคุณค่า พร้อมที่จะจากไปอย่างสงบ
banner-ศูนย์ดูแลพระป่วยพระอาพาธ วัดทับคล้อ(สวนพระโพธิสัตว์)
logo-ศูนย์ดูแลพระป่วยพระอาพาธ วัดทับคล้อ(สวนพระโพธิสัตว์)

ศูนย์ดูแลพระป่วยพระอาพาธ วัดทับคล้อ(สวนพระโพธิสัตว์)

ศูนย์ดูแลพระป่วยพระอาพาธ และศูนย์ฟื้นฟูด้านสุขภาพประจำชุมชน เพื่อดูแลพระป่วยพระอาพาธ ดูแลด้านสุขภาวะพระสงฆ์ และด้านสาธารณะสงเคราะห์ คือ พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และญาติโยมที่ป่วย