เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

ผลิตภัณฑ์ชุมชน ตัวช่วยกระจายรายได้สู่ครัวเรือนผ่านสินค้าในท้องถิ่น

บทความนี้ CHEEWID จะพาไปทำความรู้จักว่าผลิตภัณฑ์ชุมชนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร พร้อมแนะนำเพื่อนำไปต่อยอดไอเดีย สร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น
ผลิตภัณฑ์ชุมชน ตัวช่วยกระจายรายได้สู่ครัวเรือนผ่านสินค้าในท้องถิ่น
Table of Contents

 

Key Takeaway

  • ผลิตภัณฑ์ชุมชน คือ สินค้าที่ผลิตด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความสามัคคีของผู้คนในชุมชน และเป็นการนำทรัพยากรมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ชุมชน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มมูลค่าสินค้า สามารถสร้างรายได้ให้กับทุกคนในชุมชน และเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น
  • ประเภทของผลิตภัณฑ์ชุมชน แบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม สมุนไพร เครื่องแต่งกาย และของใช้ ของตกแต่ง
  • กระบวนการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ทำได้โดยเลือกผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ออกแบบผลิตภัณฑ์และสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ ใช้บรรจุภัณฑ์สินค้าให้เหมาะสม และการเล่าเรื่องให้น่าสนใจ

 

ชุมชนแต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์และวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์ชุมชนจึงเป็นสินค้าที่น่าสนใจ เพราะเป็นสินค้าที่แสดงถึงความแตกต่างตามประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญา ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างรายได้แล้ว ก็ยังส่งเสริมการพัฒนาชุมชนอย่างยังยืนได้อีกด้วย ในบทความนี้ Cheewid จะพาไปทำความรู้จักว่าผลิตภัณฑ์ชุมชนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร พร้อมแนะนำวิธีผลิตผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ เพื่อนำไปต่อยอดไอเดีย และสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น

ผลิตภัณฑ์ชุมชน ตัวช่วยกระจายรายได้ให้คนในหมู่บ้าน

ผลิตภัณฑ์ชุมชน คือ การผลิตสินค้าโดยชาวบ้านในชุมชนหรือหมู่บ้านแต่ละจังหวัด จากวัสดุหรือวัตถุดิบต่างๆ ที่มีอยู่และหาได้ง่ายในพื้นที่ มาผลิตหรือแปรรูปด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้กลายเป็นสินค้าหลากหลาย เช่น อาหารแปรรูป เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ และของตกแต่ง ทั้งนี้เพื่อให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ ส่งเสริมให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคง พร้อมทั้งพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

 

ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่เป็นมากกว่าการสร้างรายได้

 

ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่เป็นมากกว่าการสร้างรายได้

ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ชุมชน ช่วยส่งเสริมการบริหารจัดการและการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการนำวัตถุดิบหรือทรัพยากรในท้องถิ่นที่มีคุณค่า นำความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมา มาประยุกต์ใช้ในการผลิตสินค้า ซึ่งส่งเสริมให้คนในชุมชนเกิดความสามัคคีและอยากมีส่วนร่วมในการผลิตสินค้า เป็นการสร้างมูลค่าให้กับสินค้าในท้องถิ่น สร้างงาน สร้างรายได้ และทำให้ชุมชนหรือท้องถิ่นเป็นที่รู้จักมากขึ้น

 

5 ประเภทของผลิตภัณฑ์ชุมชน นำไปต่อยอดไอเดียได้ง่าย

 

5 ประเภทของผลิตภัณฑ์ชุมชน นำไปต่อยอดไอเดียได้ง่าย

ก่อนจะเริ่มทำการผลิตสินค้าในชุมชน อย่างแรกควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของสินค้าในชุมชนว่ามีทรัพยากรแบบใดบ้าง เหมาะกับการนำมาผลิตอะไรได้บ้าง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งแนวทางการผลิตผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ดังนี้

1. ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหาร

ผลิตภัณฑ์อาหาร คือ สินค้าในชุมชนที่เหมาะกับชุมชนที่มีพื้นที่การเกษตรหรือพื้นที่ประมงขนาดใหญ่ เพราะหาวัตถุดิบได้ง่าย และบางพื้นที่สามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี มีสินค้าทางเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ อาหารและผลไม้แปรรูปเบื้องต้น เช่น การทำปลารมควัน ปลาแดดเดียว นำผลไม้ไปแช่อิ่มหรืออบแห้ง ทำกะปิจากกุ้งฝอย รวมถึงอาหารกึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูปที่เก็บได้นาน เช่น นำหนังหมูไปทอดเพื่อให้กลายเป็นแคบหมู และการทำน้ำพริกเผา พริกแกงจากเครื่องเทศหรือสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่น

2. ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องดื่ม

ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม คือ สินค้าในท้องถิ่นที่มีวัตถุดิบจากแหล่งเพาะปลูกเป็นส่วนใหญ่ เหมาะกับชุมชนที่มีดินเพาะปลูกที่เหมาะสมและมีแหล่งน้ำที่เพียงพอ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพียงต่อการนำมาทำเครื่องดื่ม ซึ่งมีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น การทำสุรากลั่น สุราแช่ ไวน์ผลไม้ จากผลไม้ตามฤดูกาล การทำสาโท เหล้าอุ ด้วยการหมักข้าวเหนียวผสมกับแกลบ หรือส่วนผสมอื่นๆ ไว้ในไห ทั้งยังมีเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น เมล็ดกาแฟคั่วจากการเพาะปลูกเฉพาะพื้นที่ การเพาะปลูกต้นชา ต้นสมุนไพร เพื่อให้ได้ใบของต้นชา หรือลูกสมุนไพร มาใช้ทำเป็นเครื่องดื่ม

3. ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสมุนไพร

ผลิตภัณฑ์สมุนไพร คือ สินค้าที่มีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ ในแต่ละจังหวัดมีสมุนไพรพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ จึงเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรพื้นบ้านที่พบได้ทั่วทุกจังหวัด และเหมาะกับชุมชนที่มีความรู้เรื่องยาหรือเรื่องสมุนไพร มักทำเป็นเครื่องสำอาง ดูแลสุขภาพ สินค้าทางการเกษตร ที่สำคัญต้องไม่ใช่สินค้าที่เป็นอาหาร เช่น การสกัดน้ำมันมะพร้าวแบบสกัดเย็นเพื่อบำรุงผิวหรือเส้นผม ยาหม่องสมุนไพรจากตะไคร้หอม เสลดพังพอน บรรเทาอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ และน้ำส้มควันไม้ที่ได้จากการเผาถ่าน ช่วยกำจัดศัตรูพืชและดับกลิ่นเหม็น

 

 

4. ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย

ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องแต่งกาย คือ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับตกแต่งกายอย่าง กระเป๋า รองเท้า หมวก กำไล ที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เส้นด้าย มาถักทอด้วยมือ เครื่องจักร หรือนำสีที่ได้จากพืชธรรมชาติมาย้อมให้เกิดลวดลาย มักเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ที่เหมาะกับชุมชนที่มีความรู้เรื่องผ้าทอ ลวดลายผ้าทอ การย้อมผ้าที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นและได้อนุรักษ์ไว้ เช่น ผ้าย้อมคราม จากต้นครามธรรมชาติ การทอผ้าจากเส้นใยกล้วยย้อมสีธรรมชาติ และทอผ้าด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ตามวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น

5. ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับของใช้ ของตกแต่ง

ผลิตภัณฑ์ของใช้ ของตกแต่ง คือ สิ่งของตกแต่งบ้านหรือสถานที่ต่างๆ ภายในบ้าน ให้เป็นของขวัญของที่ระลึกได้ และผลิตโดยไม่ใช้เครื่องจักรหรือแรงงานคน เหมาะกับชุมชนที่มี ความรู้ ความเข้าใจในการประดิษฐ์สิ่งของที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม หรือวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น โดยสินค้าในชุมชนหรือสินค้าในท้องถิ่น เช่น นำแผ่นไม้มาแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ ทำเครื่องดนตรีจำลอง ใช้พืชพื้นถิ่นมาสานเป็นตะกร้าหวาย กระเป๋ากระจูดสาน รวมถึงการใช้ดินเหนียว ทราย และแร่ธาตุต่างๆ ไปขึ้นรูป วาดลวดลาย และเผาด้วยความร้อนสูง เพื่อให้ได้ ชามกระเบื้อง เซรามิก และโอ่งที่มีลวดลาย เป็นต้น

 

แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ออกมาโดดเด่น มีเอกลักษณ์

 

แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ออกมาโดดเด่น มีเอกลักษณ์

กระบวนการสร้างและพัฒนาสินค้าในชุมชนให้ประสบความสำเร็จ ต้องมีความเข้าใจว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง จึงจะสามารถสร้างสินค้าในชุมชนหรือในท้องถิ่นให้มีเอกลักษณ์ และเป็นที่จดจำ โดยมีหลักการและแนวคิด 5 ข้อ ดังนี้

1. คัดเลือกผู้นำ ปรับวิสัยทัศน์

เลือกผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล พร้อมเปิดรับแนวทางใหม่ และมีการวางแผนการทำงาน กำหนดเป้าหมายเป็นขั้นตอนชัดเจน ก็จะทำให้ทรัพยากรหรือสินค้าในท้องถิ่นที่ไม่มีมูลค่า กลายเป็นสิ่งค้าที่มีมูลค่า ด้วยการปรับเปลี่ยนหรือแปรรูปสินค้าที่มีอยู่ ให้เป็นสินค้าที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางใจ และมีจุดเด่นที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมในพื้นที่ ส่งผลดีที่ช่วยเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า เพิ่มงานและเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชน

2. ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้โดดเด่น

ในการผลิตสินค้าท้องถิ่นอาจมีสินค้าที่ผลิตออกมาคล้ายกัน ทำให้บางสินค้าไม่ได้รับความนิยม ไม่เป็นที่รู้จักของในหมู่มาก ทำให้ตัวสินค้าดูไม่โดดเด่น ดังนั้นสิ่งสำคัญในการออกแบบสินค้าในชุมชน ต้องออกแบบให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีความสอดคล้องกับตัวสินค้า และสื่อให้เห็นชัดว่า สิ่งนี้คือสินค้าอะไร เป็นสินค้าประเภทไหน ซึ่งจะช่วยดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาสนใจสินค้ามากขึ้น จนทำให้สินค้ากลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

3. สร้างแบรนด์ให้เป็นเอกลักษณ์

ผลิตภัณฑ์พื้นบ้านจากชุมชนหรือจังหวัดอื่น ต่างมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน เพื่อให้มีความแตกต่างในการดึงดูดผู้บริโภค จึงต้องสร้างแบรนด์ให้เป็นเอกลักษณ์ มีความคิดสร้างสรรค์ และดึงจุดเด่นของสินค้าออกมาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบชื่อ โลโก้ โทนสี ตัวหนังสือ สัญลักษณ์ และรูปภาพ ซึ่งทำให้เป็นที่จดจำต่อลูกค้า และกระตุ้นความสนใจของลูกค้าให้เลือกซื้อสินค้าโดยไม่วางแผนมาก่อน

4. คัดเลือกบรรจุภัณฑ์สินค้า

ควรคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้า เลือกได้จากรูปแบบของสินค้าเป็นหลัก เช่น อาหารแห้ง ผักผลไม้ แก้วและเซรามิกต่างๆ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สำคัญต้องมีรูปทรงน่าใช้ มีความสะดวกในการใช้งาน และเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ส่งผลให้มูลค่าสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าแตกต่างจากสินค้าอื่น

5. สร้างเรื่องราวให้กับผลิตภัณฑ์

การสร้างเรื่องราวสินค้าจะทำให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมทางอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องราวของสินค้ามากขึ้น อาจเริ่มจากการเล่าเรื่องวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน จากการนำทรัพยากรในท้องถิ่นมาแปรรูป หรือทำขึ้นใหม่ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น และให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการทำ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเห็นคุณค่าของสินค้า มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ทำให้สินค้าในท้องถิ่นเป็นที่รู้จัก และช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนได้

 

องค์กรส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อการกระจายรายได้ระดับครัวเรือน

 

องค์กรส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อการกระจายรายได้ระดับครัวเรือน

องค์กรส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน ทำหน้าที่ให้ความรู้ ให้การสนับสนุนคนในชุมชนเกี่ยวกับการบริหารจัดการสินค้า การผลิตทรัพยากรที่มีอยู่ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ที่สร้างจุดเด่นของสินค้าในท้องถิ่นให้มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรม เพื่อสร้างสรรค์สินค้าที่มีคุณภาพ และสามารถสร้างรายได้ในการพัฒนาท้องถิ่นให้ยั่งยืน

Goods Labs

ธนชิต ฉั่วริยะกุล กราฟิกดีไซเนอร์ที่มีความสนใจเรื่องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การจัดหาของขวัญ และของชำร่วย ได้ก่อตั้ง Goods Labs เป็นแพลตฟอร์มและบริการออกแบบของขวัญ ที่ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องไอเดียของขวัญ การหาแหล่งของขวัญให้กับคนที่ไม่รู้ว่าจะเลือกของขวัญแบบไหนดี โดยการนำเสนอสินค้าในท้องถิ่น ที่ออกแบบอย่างประณีตและสร้างสร้างสรรค์โดยช่างฝีมือคนไทย สนับสนุนให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นมีความยั่งยืน รวมถึงการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติเป็นหลัก เพื่อลดปัญหาขยะที่ทำลายสิ่งแวดล้อม

โยธกา (Yothaka)

สุวรรณ คงขุนเทียน เป็นนักธุรกิจและนักออกแบบ ผู้ก่อตั้งโยธกาขึ้นในปี 1989 โดยเริ่มต้นการทำเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาของไทยที่ไม่มีใครเห็นคุณค่า ให้กลายเป็นสินค้าที่น่าสนใจของกลุ่มคนต่างชาติต่อมา ต่อมาจึงได้ออกแบบเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับหัตถกรรมฝีมือคนไทย อย่างงานจักสานผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน โดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หญ้าลิเภา เส้นใยสับปะรด หางลีซอ ต้นหวาย มาผลิตเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็น โซฟา เก้าอี้ เบาะรองนั่ง และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ รวมถึงนำเศษเส้นด้ายรีไซเคิล ส่งให้ชุมชนผ้าทอมือ เพื่อประยุกต์ในการทำสินค้าของแบรนด์ และช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน

 

 

ศาลานา

ศาลานา แบรนด์ข้าวไทยออร์แกนิก เป็นธุรกิจเพื่อสังคม จุดเริ่มต้นเพื่อส่งเสริมเรื่องเกษตรอินทรีย์และเกษตรวิถีธรรมชาติ ด้วยการทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรที่เพาะปลูกเกษตรอินทรีย์กับผู้บริโภค ทั้งการลงพื้นที่เพื่อพัฒนาทักษะของเกษตรกร สร้างโรงสีและห้องปฏิบัติการสำหรับวิจัยพันธุ์ข้าวต่างๆ เพื่อเอาผลผลิตจากข้าวที่เพาะปลูกแบบปลอดสารเคมี มาพัฒนาเป็นข้าวอินทรีย์หลากหลายสายพันธุ์ เช่น ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ 105 ข้าวหอมมะลิแดง และข้าวหอม 5 สายพันธุ์ ยกระดับสินค้าและพันธุ์ข้าวในชุมชนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงการคิดค้นตู้ขัดข้าวอินทรีย์อัตโนมัติ ที่ให้ผู้บริโภคได้ลองซื้อข้าวอินทรีย์ไปลองทาน

SarnSard

เตยปาหนัน พืชตระกูลปาล์มที่ขึ้นเองตามธรรมชาติตามแนวชายหาด และนิยมใช้งานในจักสานตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของวัฒนธรรมอิสลาม จนกลายเป็นสินค้าในท้องถิ่นของชาวจังหวัดตรัง ทำให้ SarnSard (สานสาด) เกิดแนวคิดในการนำเตยปาหนันมาทำเป็นสินค้าจักสาน ใช้เทคนิคออกแบบสมัยใหม่ ให้สอดคล้องกับลายสาน และวัฒนธรรมในท้องถิ่น เพื่อสร้างสรรค์ลายสานบนสินค้าให้เป็นเอกลักษณ์ เช่น กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าคล้องคอ กระเป๋าถือ กระเป๋าใส่บัตร และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ทำให้คนเมืองรุ่นใหม่หันมาสนใจมากขึ้น ถือเป็นการอนุรักษ์งานฝีมือของผู้คนในชุมชนให้กับคนรุ่นหลังอีกด้วย

สรุป

ผลิตภัณฑ์ในชุมชน เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการรวมตัวของชาวบ้านในชุมชน ที่นำเอาทรัพยากรหรือวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น มาแปรรูปหรือประดิษฐ์ด้วยภูมิปัญญา ให้เป็นสินค้าในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ หากชุมชนใดเริ่มสร้างสินค้าหรือสร้างแบรนด์ ควรจะมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนา ออกแบบให้มีเอกลักษณ์ ใช้บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสม สร้างเรื่องราวหรือความเป็นมาเพื่ออธิบายเกี่ยวกับตัวสินค้า และ ปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อการพัฒนาต่อยอดสินค้าให้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาฐานเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน

 

References

  1. marah5g. วิธีแก้ไข Otop ผลิตสินค้าแล้วขายไม่ออก. marah5g.com. Retrieved February 20 2025.
  2. top. ประเภทผลิตภัณฑ์ OTOP. otop.cdd.go.th. Retrieved February 20 2025.
  3. Zortout. เคล็ดลับการสร้างตัวตน ยกระดับสินค้าชุมชนให้กลายเป็นที่รู้จักในปี 2023. zortout.com. Published 5 September 2023. Retrieved February 20 2025.

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

logo-Goods Labs

Goods Labs

Goods Labs เป็นบริการรับออกแบบและคัดสรรของขวัญ โดยบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรลงกล่องของขวัญล้วนเป็นสินค้าท้องถิ่นที่ผลิตในประเทศไทย นำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากแหล่งผลิตในท้องถิ่น โดยฝีมือคนไทยที่เน้นเทคนิคแบบไทยดั้งเดิมและการออกแบบที่ประณีต โดยใส่ใจสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงความยั่งยืน (Sustainability)

โยธกา (Yothaka)

โยธกา (Yothaka) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1989 เป็นแบรนด์คราฟท์เฟอร์นิเจอร์ที่นำงานหัตถกรรมมาผสานกับงานออกแบบ จนเกิดเป็นเฟอร์นิเจอร์ในรูปแบบที่เป็นสากล และให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ใช้เฉพาะวัสดุที่ผลิตขึ้นในเมืองไทย มุ่งสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ ผ่านการหยิบเอางานศิลปะที่โดดเด่นจากหลายยุคหลายสมัยมาผสมผสานกับงานหัตถกรรมดั้งเดิม
banner-ศาลานา
logo-ศาลานา

ศาลานา

ศาลานา เป็นธุรกิจเพื่อสังคม แบรนด์ข้าวไทยออร์แกนิกที่ขับเคลื่อนเรื่องอาหารปลอดภัย เป็นพื้นที่เพื่อพัฒนาการเกษตรที่มุ่งมั่นสร้าง “Smart Farmer” ที่นำนวัตกรรมและแนวทางการสร้างต้นแบบธุรกิจสมัยใหม่มาใช้ โดยยึดหลักเกษตรวิถีธรรมชาติ เพื่อขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจ

SarnSard

SarnSard ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2019 เป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่สานต่อหัตถกรรมจักสานเตยปาหนัน จังหวัดตรัง เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมทางศาสนาอิสลาม มีแนวคิดการออกแบบคือ Future Crafts ที่ผสมผสานงานฝีมือท้องถิ่นเข้ากับนวัตกรรมการออกแบบ