เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

รวมงานผู้สูงอายุทำที่บ้านได้ ทำงานคลายเหงา พร้อมส่งเสริมสุขภาพจิต

บทความนี้ CHEEWID จะพาไปอัปเดตสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุในไทย พร้อมรวมไอเดียงานสำหรับผู้สูงอายุวัย 50-60 ปีที่ยังมีไฟอยากทำงานอยู่ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
รวมงานผู้สูงอายุทำที่บ้านได้ ทำงานคลายเหงา พร้อมส่งเสริมสุขภาพจิต
Table of Contents

 

Key Takeaway

  • สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) หมายถึง สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกิน 10% ของประชากรทั้งหมด หรืออายุ 65 ปีขึ้นไปเกิน 7% ซึ่งแนวโน้มทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว
  • ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ คาดว่าภายในปี 2593 ผู้สูงอายุจะคิดเป็นกว่า 16% ของประชากรทั้งหมด ส่งผลต่อเศรษฐกิจ แรงงาน และคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเอง
  • การทำงานวัยเกษียณช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้ ลดความเหงา กระตุ้นสมอง และส่งเสริมสุขภาพจิต ช่วยให้รู้สึกมีคุณค่าและมีปฏิสัมพันธ์กับสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการมีชีวิตที่มีความสุขในวัยเกษียณ

 

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ทำให้หลายคนในวัยเกษียณมองหากิจกรรมที่ช่วยคลายเหงาและส่งเสริมสุขภาพจิต การทำงานวัยเกษียณจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้สูงอายุยังรู้สึกมีคุณค่าและมีชีวิตชีวา บทความนี้จะพาไปอัปเดตสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุในไทย พร้อมแนะนำไอเดียงานที่เหมาะสำหรับงานสำหรับผู้สูงอายุวัย 50-60 ปีที่ยังมีไฟอยากทำงานอยู่ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน!

 

ทำความรู้จัก สังคมผู้สูงอายุ คืออะไร

ทำความรู้จัก สังคมผู้สูงอายุ คืออะไร

สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) คือ ภาวะที่ประชากรในประเทศมีสัดส่วนของผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นกลุ่มประชากรหลัก ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การพัฒนาทางการแพทย์ที่ทำให้อายุขัยเฉลี่ยยืนยาวขึ้น และอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยทั่วไปอายุเกษียณในประเทศต่างๆ ไม่เหมือนกัน เช่น ประเทศไทยกำหนดอายุเกษียณที่ 60 ปี ญี่ปุ่นที่ 65 ปี ส่วนบางประเทศในยุโรปขยับขึ้นไปถึง 67 ปี 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้สูงอายุจะเกษียณจากงานประจำแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสูญเสียความสามารถในการทำงาน ผู้สูงอายุยังมีทักษะและประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดชีวิต เช่น ทักษะด้านการบริหารจัดการ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง การสอนและให้คำปรึกษา งานฝีมือ หรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีในบางแขนง 

ทักษะเหล่านี้ยังคงมีคุณค่าและสามารถนำมาต่อยอดในการทำงานวัยเกษียณได้ ไม่ว่าจะเป็นงานอิสระ งานพาร์ทไทม์ หรือการเป็นที่ปรึกษาในสายงานที่เคยทำมา ซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมรายได้ แต่ยังช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าและกระตือรือร้นกับชีวิตหลังเกษียณอีกด้วย

 

 

อัปเดตสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุในไทย

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยระบุว่า ในปี 2566 ประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2593 สัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 16% ปัจจัยหลักที่ทำให้สังคมไทยเข้าสู่ภาวะนี้คือ อัตราการเกิดที่ลดลง เนื่องจากคนรุ่นใหม่มีค่านิยมแต่งงานช้าหรือไม่ต้องการมีบุตร รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ขณะเดียวกัน อายุขัยเฉลี่ยของประชากรเพิ่มขึ้น เพราะการแพทย์และสาธารณสุขพัฒนาขึ้น ทำให้ประชาชนมีอายุยืนยาวขึ้น สถานการณ์นี้ส่งผลให้โครงสร้างประชากรไทยเปลี่ยนแปลงไป จำนวนประชากรวัยแรงงานลดลง ขณะที่จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสวัสดิการของประเทศ ทำให้เกิดความท้าทายในการดูแลผู้สูงวัย ทั้งในแง่สุขภาพ การเงิน และคุณภาพชีวิตโดยรวม

 

ประโยชน์ของการทำงานในวัยสูงอายุ

ประโยชน์ของการทำงานในวัยสูงอายุ

  • สุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น : การทำงานช่วยให้ผู้สูงอายุได้เคลื่อนไหวร่างกายและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งช่วยลดความเครียด ความเหงา และภาวะซึมเศร้า อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และอัลไซเมอร์ เพราะสมองยังคงได้รับการกระตุ้นอยู่เสมอ
  • ความมั่นคงทางด้านการเงิน : แม้จะเกษียณแล้ว แต่การมีรายได้จากการทำงานวัยเกษียณจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ลดภาระของครอบครัว และช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่นมากเกินไป
  • ความรู้สึกมีคุณค่า : การได้ทำงานและมีบทบาทในสังคมทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองยังมีความสามารถและมีคุณค่า ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของครอบครัวหรือสังคม ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพจิตใจและทำให้มีความสุขกับชีวิตมากขึ้น
  • การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ : การทำงานในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ช่วยให้ผู้สูงอายุได้ฝึกฝนทักษะใหม่ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยี การทำธุรกิจ งานฝีมือผู้สูงอายุ หรือทักษะเฉพาะทางในสายงานที่สนใจ ซึ่งช่วยให้สมองยังคงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การสร้างเครือข่ายสังคม : การทำงานช่วยให้ผู้สูงอายุได้พบปะผู้คนในหลากหลายวัย ทำให้มีโอกาสสร้างมิตรภาพใหม่ๆ และขยายเครือข่ายทางสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเหงาและเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดี

 

รวม 9 ไอเดียงานสำหรับผู้สูงอายุวัย 50-60 ปีที่ยังมีไฟอยากทำงานอยู่

รวม 9 ไอเดียงานสำหรับผู้สูงอายุวัย 50-60 ปีที่ยังมีไฟอยากทำงานอยู่

แม้ว่าอายุเกษียณประเทศต่างๆ จะอยู่ในช่วง 60-65 ปี แต่สำหรับผู้สูงวัยหลายคนพอหยุดทำงานอาจทำให้รู้สึกเหงาหรือขาดเป้าหมายในชีวิต ดังนั้นงานวัยเกษียณที่สามารถทำได้ที่บ้าน หรือเป็นงานที่ใช้ทักษะที่สะสมมาตลอดชีวิตจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ นี่คือ 9 ไอเดียงานสำหรับผู้สูงอายุวัย 50-60 ปีที่ยังมีไฟอยากทำงานอยู่ ซึ่งช่วยสร้างรายได้และเติมเต็มชีวิตให้มีความสุข

 

ชาวสวน

1. ชาวสวน

การทำสวนเป็นงานสำหรับผู้สูงอายุทําที่บ้านที่ช่วยให้ได้ใช้เวลาท่ามกลางธรรมชาติ เช่น ปลูกผักสวนครัว ผลไม้ หรือไม้ดอกไม้ประดับเพื่อขายในตลาดหรือผ่านช่องทางออนไลน์ งานนี้เหมาะกับผู้สูงวัยที่รักธรรมชาติ เพราะช่วยให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว ลดความเครียด และยังมีรายได้เสริมจากการขายผลผลิตอีกด้วย

2. ขายขนมหรืออาหารโฮมเมด

การทำขนมหรืออาหารโฮมเมดเป็นงานผู้สูงอายุทําที่บ้านที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย เบเกอรี่ หรืออาหารโฮมเมดเพื่อสุขภาพ งานนี้เหมาะกับผู้สูงอายุที่รักการทำอาหารและมีฝีมือด้านการทำขนม เพราะสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ใช้พื้นที่ภายในบ้าน และยังสามารถขายผ่านโซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มเดลิเวอรีต่างๆ

 

Influencer สูงวัย

3. Influencer สูงวัย

ยุคนี้การเป็น Influencer ไม่จำกัดเฉพาะวัยรุ่นเท่านั้น ผู้สูงวัยก็สามารถแชร์ประสบการณ์ชีวิต แนะนำสินค้า หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ได้ งานนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีทักษะการพูด การเล่าเรื่อง และสนุกกับการใช้โซเชียลมีเดีย แถมยังสามารถสร้างรายได้จากการรีวิวสินค้าและโฆษณาอีกด้วย

4. งานฝีมือ

งานฝีมือผู้สูงอายุเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น การถักไหมพรม เย็บปักถักร้อย ทำเครื่องประดับ หรือของตกแต่งบ้าน ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มอย่าง ทอกะยาย แบรนด์ผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติ ที่ช่วยสนับสนุนผู้สูงอายุในการขายงานฝีมือในชุมชน โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้กับผู้สูงวัยผ่านนวัตกรรมทางสังคม งานนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบงานประณีตและต้องการมีรายได้จากงานอดิเรก

 

คุณครูสอนพิเศษ

5. คุณครูสอนพิเศษ

ผู้สูงวัยที่เคยเป็นครูหรือลงลึกในศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งสามารถรับสอนพิเศษได้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาการ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ หรือการสอนทักษะเฉพาะทาง เช่น ดนตรี ศิลปะ งานนี้เหมาะกับผู้ที่ชอบถ่ายทอดความรู้ และยังช่วยให้สมองได้ฝึกฝนอยู่เสมอ

6. นักลงทุน

การลงทุนเป็นงานวัยเกษียณที่ช่วยให้เงินทำงานแทน เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์ งานนี้เหมาะกับผู้สูงวัยที่มีเงินเก็บและต้องการให้เงินงอกเงยโดยไม่ต้องทำงานหนัก แต่จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน

 

ที่ปรึกษาออนไลน์

7. ที่ปรึกษาออนไลน์

ผู้สูงวัยที่เคยทำงานด้านบริหาร การตลาด กฎหมาย หรือธุรกิจ สามารถเป็นที่ปรึกษาออนไลน์ให้กับบริษัทหรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้ งานนี้เป็นงานผู้สูงอายุทําที่บ้านที่ช่วยให้ใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังสามารถรับงานได้ตามความสะดวกโดยไม่ต้องเดินทาง

8. นักเขียนหรือนักแปล

สำหรับผู้ที่มีทักษะด้านการเขียน การเป็นนักเขียนบทความ นักแปล หรือนักเขียนนิยายเป็นทางเลือกที่ดี สามารถเขียนหนังสือ บทความ หรือคอนเทนต์ออนไลน์ งานนี้เหมาะสำหรับผู้สูงวัยที่ชอบเล่าเรื่อง มีความคิดสร้างสรรค์ และต้องการหารายได้จากงานอดิเรก

 

ช่างภาพออนไลน์

9. ช่างภาพออนไลน์

แม้จะเป็นงานวัยเกษียณ แต่ถ้ามีใจรักการถ่ายภาพ งานช่างภาพออนไลน์สามารถสร้างรายได้ได้ง่ายๆ โดยการขายภาพผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Shutterstock, Adobe Stock หรือ Freepik งานนี้เหมาะกับผู้สูงวัยที่รักการเดินทางและการบันทึกภาพความทรงจำ อีกทั้งยังเป็นงานผู้สูงอายุทำที่บ้านได้ ไม่ต้องมีเวลางานที่ตายตัว

องค์กรเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงวัยให้สดใส

นอกจากการทำงานวัยเกษียณเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและใจแล้ว ยังมีหลายองค์กรที่มุ่งเน้นการดูแลและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพจิต การดูแลผู้สูงวัยที่บ้าน หรือกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่กระฉับกระเฉงขึ้น บทความนี้ได้รวบรวมองค์กรที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือผู้สูงวัยเพื่อให้มีชีวิตที่สดใสและมีคุณภาพมากขึ้น

 

สมาคมบ้านปันรัก

สมาคมบ้านปันรัก

สมาคมบ้านปันรัก ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้และกิจกรรมเพื่อสังคม สมาคมมุ่งเน้นให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการความรู้ และสร้างเครือข่ายสังคมเพื่อพัฒนาสังคมผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

หนึ่งในโครงการสำคัญคือการสอนทักษะใหม่ๆ ให้ผู้สูงอายุ เช่น คอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน รวมถึงกิจกรรมที่ช่วยเสริมสุขภาพ เช่น โยคะ มวยจีน และลีลาศ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถพัฒนาทักษะ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน Buddy homecare

บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน Buddy homecare

Buddy HomeCare ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 เป็นกิจการเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นการดูแลผู้สูงอายุถึงที่บ้าน โดยให้บริการทั้งด้านสุขภาพและการอยู่เป็นเพื่อนเพื่อช่วยลดความเหงา จุดเด่นขององค์กรคือการฝึกอบรมเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีทักษะในการดูแลผู้สูงวัย ทำให้พวกเขามีอาชีพและความมั่นคงทางการเงิน

รายได้จากการให้บริการแก่ผู้สูงอายุที่มีกำลังจ่ายถูกนำไปสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุยากไร้ โดยมีเป้าหมายให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ยังช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว ทำให้ญาติสามารถมั่นใจได้ว่าผู้สูงวัยจะได้รับการดูแลที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องย้ายไปอยู่สถานดูแลผู้สูงอายุ

 

YoungHappy

YoungHappy

YoungHappy เป็นชุมชนที่มีโซลูชันที่ครอบคลุมทุกช่วงวัยเพื่อสนับสนุนผู้สูงอายุทั้งผ่านงานกิจกรรมออฟไลน์และแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อดำเนินชีวิตที่กระตือรือร้นด้วย “ความสนุกสนาน มีศักดิ์ศรี และพึ่งพาตนเอง”

 

สรุป

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ทำให้หลายคนมองหางานผู้สูงอายุทําที่บ้านหรือกิจกรรมที่ช่วยให้มีความสุขและมีรายได้เสริม งานสำหรับผู้สูงอายุวัย 50-60 ปีที่ยังมีไฟอยากทำงานอยู่มีหลากหลาย เช่น งานฝีมือผู้สูงอายุ การเป็นที่ปรึกษาออนไลน์ หรือการลงทุน นอกจากนี้ยังมีองค์กรที่สนับสนุนสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย เช่น สมาคมบ้านปันรัก, Buddy HomeCare และ YoungHappy ที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีชีวิตที่มีความสุข กระฉับกระเฉง และมีความหมายมากขึ้น

 

References

  1. Punthai Coffee ถูกใจวัยเก๋า! ส่อง 10 อาชีพสำหรับผู้สูงวัย สร้างรายได้ไม่ง้อลูกหลาน. Punthaicoffee Published 25 May 2024. Retrieved 24 February 2025.
  2. ธนาคารแห่งประเทศไทย. เพิ่มจำนวนวัยทำงาน ด้วยการขยายอายุเกษียณ. bot.or. Retrieved 24 24 February 2025.
  3. The Business Plus เปิดชื่อบริษัทชั้นนำ รับสมัครสูงวัยไฟยังแรงเข้าทำงาน. The Business Plus Published February 24 2023. Retrieved 24 February 2025.

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner-ทอกะยาย
logo-ทอกะยาย

ทอกะยาย

ทอกะยาย เป็นแบรนด์ผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติ ที่เห็นความสำคัญและหลงใหลในวิถีชีวิตทอผ้าของคุณยาย ตั้งแต่การปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม จนนำมาทอมือเป็นผ้าผืนงาม และมุ่งมั่นพัฒนาผ้าทอพื้นถิ่น สานต่อวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น และสร้างอาชีพให้กับผู้สูงอายุในชุมชน

banner-YoungHappy
logo-YoungHappy

YoungHappy

YoungHappy เป็นกิจการเพื่อสังคมที่มุ่งสร้างคอมมูนิตี้สำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทยและทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเสริมพลังให้ผู้สูงวัยมีความสนุก มีคุณค่า และพึ่งพาตนเองได้ พร้อมทั้งเป็นพื้นที่ให้ผู้สูงอายุได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเข้าถึงบริการต่าง ๆ

banner-บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน Buddy homecare2
logo-บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน Buddy homecare

บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน Buddy homecare

บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน Buddy homecare เป็นกิจการเพื่อสังคม ที่ส่งพนักงานไปดูแลผู้สูงอายุถึงที่บ้าน ดูแลทั้งด้านสุขภาพ และการไปอยู่เป็นเพื่อน จุดเด่น คือ พนักงานผู้ดูแลมาจากการฝึกอบรมน้องๆ

banner-สมาคมบ้านปันรัก
logo-สมาคมบ้านปันรัก

สมาคมบ้านปันรัก

สมาคมบ้านปันรัก เป็นสมาคมที่ส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวบูรณาการความรู้ แลกเปลี่ยน และถ่ายทอดระหว่างกัน และร่วมกันดำเนินการทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ให้เกิดการถ่ายทอดสู่สังคมอย่างกว้างขวาง