Key Takeaway
|
ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาทำความเข้าใจกับประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการเก็บภาษีผ้าอนามัย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของภาษีเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผู้บริโภคและสังคมอย่างกว้างขวาง มาดูกันว่าเรื่องนี้มีผลอย่างไร และทำไมถึงกลายเป็นประเด็นที่หลายคนต้องใส่ใจ
ภาษีผ้าอนามัย (Pink Tax) คืออะไร?
ภาษีผ้าอนามัย (Tampon Tax) หรือที่เรียกกันในเชิงเสียดสีว่า “Pink Tax” คือภาษีที่เก็บจากสินค้าสำหรับผู้หญิง เช่น ผ้าอนามัย ซึ่งถูกจัดในหมวดหมู่สินค้าที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีอัตราภาษีที่ต่างกันในแต่ละประเทศ บางประเทศจัดผ้าอนามัยเป็นสินค้าจำเป็นพื้นฐานและยกเว้นภาษี ขณะที่บางประเทศจัดให้เป็นสินค้าทั่วไป เวชภัณฑ์ หรือสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้ต้องเสียภาษีสูงขึ้น
ข้อมูลจากกรมการค้าภายในของไทยระบุว่า ผ้าอนามัยเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการติดตามราคาและสถานการณ์เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภคทุกปักษ์ (15 วัน)
ปัญหาภาษีผ้าอนามัยที่ส่งผลต่อผู้บริโภคและสังคม
ภาษีผ้าอนามัยเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและสังคมในหลายด้าน ซึ่งไม่ได้แค่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิมนุษยชนในสังคมด้วย ในหัวข้อนี้จะมาเจาะลึกกันว่าภาษีผ้าอนามัยส่งผลกระทบในด้านต่างๆ อย่างไรบ้าง
ภาระทางค่าใช้จ่าย
ผู้มีประจำเดือนใช้ผ้าอนามัยประมาณ 20 ชิ้นต่อเดือน หรือประมาณ 240 ชิ้นต่อปี ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่ถูกคิดเพิ่มในราคาผ้าอนามัยทำให้ผู้มีประจำเดือนต้องใช้จ่ายอย่างน้อยปีละ 1,512 บาท สำหรับผ้าอนามัย และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมถึง 40,000 บาทตลอดชีวิตในการซื้อผ้าอนามัย
โดยราคาผ้าอนามัยแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับลักษณะและคุณสมบัติพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาของการมีประจำเดือน เช่น ความบาง กลิ่นหอม ความเย็น เทคโนโลยีระบายกลิ่นอับ ลวดลาย มีปีกหรือไม่มีปีก ถนอมจุดซ่อนเร้นหรือสําหรับคนแพ้ง่าย
ในส่วนของราคานั้นผ้าอนามัยสำหรับกลางวันมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2-5 บาทต่อชิ้น ส่วนแบบกลางคืนจะมีราคาสูงขึ้นเล็กน้อยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4-10 บาทต่อชิ้น และแผ่นอนามัยมีราคาราคาเฉลี่ย 2-3 บาทต่อชิ้น ขณะที่ผ้าอนามัยชนิดสอดมีราคาสูงกว่า ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 บาทต่อชิ้น
ความไม่เท่าเทียมทางเพศ
ประจำเดือนเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ จากงานวิจัยของ รศ.พรรณพิไล ศรีอาภรณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่าประจำเดือนคือเลือดที่ไหลออกจากโพรงมดลูกพร้อมเยื่อบุโพรงมดลูกที่ตายแล้วในทุกๆ 21-36 วัน ครั้งละ 3-5 วัน ปริมาณเลือดที่ออกมีประมาณ 30-100 มิลลิลิตร โดยผู้หญิงจะใช้ผ้าอนามัย 3-4 ชิ้นต่อวัน
อย่างไรก็ตามผ้าอนามัยซึ่งเป็นสินค้าพื้นฐานที่ผู้หญิงและผู้มีประจำเดือนทุกคนต้องใช้ กลับยังถูกเก็บภาษีผ้าอนามัยและมักถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ที่ไม่เหมาะสม การที่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผ้าอนามัยจึงเหมือนกับการถูกเลือกปฏิบัติ เพราะต้องเสียเงินเพิ่มจากสิ่งที่เป็นความจำเป็นตามธรรมชาติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งสะท้อนถึงการไม่ให้ความสำคัญต่อความหลากหลายทางเพศในประเทศนี้ด้วย
คนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงสินค้า
กลุ่มคนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงผ้าอนามัยได้เพราะปัญหาด้านการเงิน การมีภาษีสีชมพูจึงอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวัน เช่น เด็กหลายคนต้องขาดเรียนเพราะไม่มีผ้าอนามัยใช้ บางคนต้องเลือกว่าจะซื้อข้าวหรือผ้าอนามัย หรือในเรือนจำหญิงที่มีผ้าอนามัยไม่เพียงพอและไม่มีคุณภาพ นอกจากนี้พนักงานโรงงานที่มีรายได้ต่ำจำนวนมากต้องใช้งานผ้าอนามัยให้น้อยแผ่นต่อวัน หรือบางคนต้องใช้ผ้าขี้ริ้วแทน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยโดยรวม
สิ่งนี้ทำให้ผู้มีประจำเดือนไม่สามารถดูแลสุขภาพได้เต็มที่เพราะความกังวลเรื่องการเงิน การที่ผ้าอนามัยยังเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ยากสำหรับหลายๆ คน สะท้อนถึงการละเลยจากภาครัฐในการจัดหาสวัสดิการสุขภาพพื้นฐานให้กับประชาชนทุกเพศทุกวัย และยังสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมในการจัดเก็บภาษีของสินค้าที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน
การรณรงค์และเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกภาษีผ้าอนามัย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ปี 2559 เรื่อยมาจนถึงปี 2565 ได้มีแคมเปญและการเคลื่อนไหวมากมายที่เกิดขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อเรียกร้องการยกเลิกภาษีผ้าอนามัยหรือการลดอัตราภาษีผ้าอนามัย ดังนี้
แคมเปญ Free Periods
หนึ่งในแคมเปญที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ #FreePeriods ที่เริ่มต้นในสหราชอาณาจักรในปี 2559 แคมเปญนี้มุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักเรียน โดยเริ่มต้นจากการเดินขบวนประท้วงเพื่อเรียกร้องให้มีการจัดหาผ้าอนามัยฟรีและหยุดการตีตราผู้มีประจำเดือน นอกจากนี้ยังมีการสร้างแฮชแท็กในโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่งผลให้เกิดนโยบายงบประมาณสำหรับผ้าอนามัยในโรงเรียนของสหราชอาณาจักร
Save ผ้าอนามัย
ในประเทศไทย ปี 2563 ได้มีแคมเปญ #Saveผ้าอนามัย ที่เริ่มต้นโดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ยกเลิกการเก็บภาษีผ้าอนามัยและสนับสนุนการแจกผ้าอนามัยในสถานศึกษา
นอกจากนี้ยังมีการยื่นรายชื่อสนับสนุนจำนวน 30,000 รายชื่อไปยัง นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากพรรคก้าวไกล เพื่อให้รัฐสภาพิจารณา เมื่อเกิดประเด็นผ้าอนามัยแบบสอดตามมาภายหลัง นายธัญวัจน์ก็ได้ออกมาย้ำถึงความสำคัญของสวัสดิการผ้าอนามัยว่า “ถึงแม้จะไม่มีการขึ้นภาษี แต่ผู้มีประจำเดือนยังคงมีต้นทุนที่เกี่ยวกับเพศที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้อยู่ดี”
ผ้าอนามัยไม่มีภาษี
ในปี 2564 เกิดประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยเมื่อราชกิจจานุเบกษาประกาศให้ “ผ้าอนามัยแบบสอด” เป็นเครื่องสำอาง โดยระบุว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ใช้เพื่อซับเลือดประจำเดือน ซึ่งการจัดให้ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอางจะทำให้ถูกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 30% ทำให้เกิดความกังวลว่าราคาผ้าอนามัยจะสูงขึ้นตามมา ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม พร้อมแฮชแท็ก #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี #ภาษีผ้าอนามัย และ #แจกฟรีไม่ได้รึไง บนโซเชียลมีเดีย
แคมเปญ Don’t Bleed My Purse
#DontBleedMyPurse เป็นแคมเปญในปี 2565 ที่จัดโดย Scora Thailand ซึ่งมุ่งให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาวะและสังคมของผู้มีประจำเดือนในรูปแบบที่เข้าใจง่ายผ่านอินโฟกราฟิกขนาดสั้น พร้อมทั้งจัดงานเสวนาออนไลน์ (Webinar) ร่วมกับกลุ่มต่างๆ ที่กำลังขับเคลื่อนประเด็นนี้ โดยมีเป้าหมายหลักในการยกเลิกภาษีผ้าอนามัยและทำให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับกลุ่มผู้มีประจำเดือน
เปรียบเทียบนโยบายภาษีผ้าอนามัยในหลายประเทศ
หลายประเทศมีการกำหนดภาษีผ้าอนามัยในอัตราที่แตกต่างจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ซึ่งบางประเทศได้จัดผ้าอนามัยเป็นสินค้าพื้นฐานที่ต้องได้รับการยกเว้นภาษี หรือกำหนดอัตราภาษีที่ต่ำกว่าสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น
ประเทศที่เก็บภาษีผ้าอนามัยเท่ากับภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าทั่วไป
- ฮังการี 27%
- โครเอเชีย 25%
- ฟินแลนด์ 24%
- อาร์เจนตินา 21%
- แอลเบเนีย 20%
- บัลแกเรีย 20%
- ตุรกี 18%
- จีน 13%
- ไทย 7%
ประเทศที่เก็บภาษีผ้าอนามัยต่ำกว่าภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าทั่วไป
- เบลเยียม เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 6% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 21%
- เยอรมนี เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 7% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 19%
- เวียดนาม เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 5% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 10%
- ไซปรัส เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 5% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 19%
- เอธิโอเปีย เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 10% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 15%
สรุป
ภาษีผ้าอนามัยคือภาษีที่เก็บจากผ้าอนามัยซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นสำหรับผู้มีประจำเดือน โดยทั่วไปจะถูกจัดอยู่ในหมวดสินค้าทั่วไปที่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เช่นเดียวกับสินค้าอื่นๆ ซึ่งทำให้ราคาผ้าอนามัยสูงขึ้น ปัญหาจาก Pink Tax คือเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีประจำเดือน สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมทางเพศ และยากต่อการเข้าถึงผ้าอนามัยสำหรับบางกลุ่ม
ตัวอย่างแคมเปญยกเลิกภาษีผ้าอนามัย เช่น #FreePeriods ในสหราชอาณาจักร #Saveผ้าอนามัย ในไทย นอกจากนี้เรายังสามารถสนับสนุนสิทธิสตรีและความเท่าเทียมทางเพศผ่านองค์กรและมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับสตรีผ่าน Cheewid ได้อีกด้วย
Reference:
- The Active. หลายประเทศ เก็บภาษีผ้าอนามัยต่ำกว่าสินค้าทั่วไป แต่ไทยยังเท่ากัน | The Active. theactive.thaipbs.or.th. Published 7 March 2022. Retrieved 19 February 2025.
- ผู้จัดการออนไลน์. “ผ้าอนามัย” ทุกชนิดเป็น “เครื่องสำอาง” ทั้งหมด แต่ออกประกาศเฉพาะ “ชนิดสอด” เพราะหลุดนิยาม กม.. mgronline.com. Published 17 December 2019. Retrieved 19 February 2025.
- BBC NEWS ไทย. ภาษีผ้าอนามัย : ผ้าอนามัยเป็นสินค้าที่กระทรวงพาณิชย์ควบคุม แต่ผู้ใช้บางคนบอกว่า “แพง” – BBC News ไทย. bbc.com. Published 17 December 2019. Retrieved 19 February 2025.
- ญาทิตา เอราวรรณ. ลดเลิกภาษีผ้าอนามัย?. thairath.co.th. Published 6 September 2023. Retrieved 19 February 2025.
- ทิพากร ไชยประสิทธิ์. “ผ้าอนามัย” สินค้าราคาเกินเอื้อม | Thai PBS News ข่าวไทยพีบีเอส. thaipbs.or.th. Published 17 December 2019. Retrieved 19 February 2025.
- เอม มฤคทัต. ทำไมต้องจ่ายภาษี แค่เกิดมามีประจำเดือน – ili. ili-co.me. Published 31 July 2021. Retrieved 19 February 2025.
- Praewpan Sirilurt. แก้ปัญหา “ความยากจนในช่วงมีประจำเดือน” ผ่านการขับเคลื่อนสวัสดิการของรัฐบาลในหลายประเทศ | SDG Move. sdgmove.com. Published 16 June 2022. Retrieved 19 February 2025.
- Chanan Yodhong. #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี ผ้าอนามัยต้องเป็นสวัสดิการของรัฐและรัฐต้องไม่หากินกับเมนส์ประชาชน. thematter.co. Published 27 July 2021. Retrieved 19 February 2025.
- Naphatsawan Sitthitham. #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี ฟรี (ภาษี) ผ้าอนามัยมีที่ประเทศไหนบ้าง? – Mission To The Moon Media. missiontothemoon.co. Published 23 July 2021. Retrieved 19 February 2025.
- กชกร พลเยี่ยม. Period Poverty ราคาที่ต้องจ่ายจากการมีประจำเดือน |. workpointtoday.com. Published 2 August 2021. Retrieved 19 February 2025.