เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง
ทางเท้า ก้าวเดินสู่ความเท่าเทียม กับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยพลเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จัก ปัญหาทางเท้าที่คนไทยต้องเจอ ทั้งฟุตบาทไม่ทนทาน รถจักรยานยนต์ ร้านค้าบนทางเท้า การออกแบบที่ไม่คิดถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ มาสร้างทางเท้าให้ดี เพื่อชีวิตที่ดีกัน!

ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข
ปัญหาคนว่างงาน วิกฤตเงียบและความท้าทายที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักปัญหาว่างงานในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ควรมีทางออกเพื่อเสริมพลังและสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทยกลับมายืนหยัดและมีชีวิตที่ดีได้อย่างเข้มแข็ง

Key Takeaway นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คือโครงการจากรัฐบาลที่กำหนดให้ประชาชนเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาเดียวเพียง 20 บาทตลอดสาย เป้าหมายของโครงการคือสร้างความเท่าเทียม ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสให้คนเมืองทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางอย่างสะดวก ลดปัญหารถติดและมลพิษ ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนเมือง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาล กรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ด้านระบบขนส่งมวลชน เชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้าในราคาคงที่ ช่วยให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ความท้าทายของนโยบายนี้ คือความยั่งยืนทางการเงิน ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลชดเชยผู้ประกอบการ และปัญหาการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า ทุกวันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะค่าโดยสารที่สะสมไปแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ลองคิดดูว่า… ถ้าเราเดินทางไกลแค่ไหนก็จ่ายเพียง 20 บาท จะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากขนาดไหน? ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ! บทความนี้พามาเจาะลึกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน เรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษา หรือแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางทุกวันแน่นอน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คืออะไร? โครงการค่าโดยสาร 20 บาท คือความตั้งใจง่ายๆ ที่อยากให้การเดินทางสาธารณะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน หรือผู้สูงอายุ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไมคนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงหลายระดับ บางทีแค่ไปทำงานหรือไปเรียนใกล้ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม?” แนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยลดภาระและทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์เดินทางในราคาเท่ากัน ในปี 2567 ได้เริ่มทำโครงการนำร่องในสายสีแดงและสายสีม่วงแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากเลย ส่วนเรื่องการหาเงินมาจ่ายนั้น รัฐบาลไม่ได้แค่รับภาระทั้งหมดเอง แต่มีการแบ่งงบและจัดสรรเงินมาใช้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ให้บริการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้และไม่ขาดทุน กลไกนี้ช่วยให้ความมั่นคงในการเดินรถยังดำเนินไปได้ โดยรัฐจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้บริการจริงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นธรรมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจว่าจะทำให้คมนาคมสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดค่าโดยสารราคาเดียวที่คนทุกวัยทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับคนเมือง? ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การเดินทางในเมืองใหญ่จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน การมีนโยบายที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางจึงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองและหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาได้จริง ลดค่าครองชีพ เพิ่มโอกาสการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องเดินทางประจำ การกำหนดราคาเดียวช่วยให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางไกล เพิ่มโอกาสในการเดินทางและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นโยบายยังช่วยกระตุ้นให้เกิดชุมชนและธุรกิจใหม่ในเขตชานเมือง เพิ่มความสะดวกและคุณภาพชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืน ลดปัญหารถติดและมลพิษ นโยบายนี้ไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เมื่อประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปริมาณรถติดก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ที่สำคัญคือทำให้เมืองน่าอยู่ สะอาด และเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้นสำหรับทุกคน สร้างเมืองที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นโยบายนี้ไม่ได้แค่ทำให้ค่าโดยสารถูกลงเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นักเรียน หรือผู้สูงอายุ ช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทุกสายรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง และทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นคนทุกกลุ่ม เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าเดินทางของคนในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พร้อมส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น สร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ความเท่าเทียมในการเดินทาง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเดินทาง เพราะไม่ว่าคนจะขึ้นรถไฟฟ้ากี่สายหรือต้องเดินทางไกลเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็จ่ายค่าโดยสารราคาเดียว ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือรัฐบาลช่วยชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรักษาคุณภาพบริการและทำให้นโยบายนี้ดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ นโยบายนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาค่าโดยสารที่ถูกลงทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังร่วมมือกับกรุงเทพฯ ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและฟีดเดอร์ระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ที่เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานระบบได้ครบวงจรขึ้น แก้ปัญหารถติด นโยบายนี้เป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ได้ เมื่อค่าโดยสารถูกลง ผู้คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งบนถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยลดเวลาการเดินทางและความเครียดของผู้ใช้ถนนด้วย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นขึ้นโดยรวมในระยะยาว เชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมือง นโยบายนี้เป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนเมืองเติบโตเป็นระบบ การลดค่าเดินทางช่วยเพิ่มกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในชุมชนต่างๆ เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางเข้า - ออกเมืองได้สะดวกและบ่อยขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้ารวดเร็ว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพัฒนาไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพฯ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่วางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่กรุงเทพฯ นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผลักดันให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นโยบายรถไฟฟ้ากับชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นหัวใจของชีวิตคนเมือง ร่วมกับการส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษ พร้อมผลักดันให้โครงการได้ผลจริงในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามผล ทำให้นโยบายนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองจริงๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท… ความท้าทายและคำถามที่ยังคงอยู่ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้จะได้รับการตอบรับอย่างดีและช่วยลดภาระค่าโดยสารของประชาชน แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงินหลักๆ เพราะรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการชดเชยค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ แต่จากการศึกษาพบว่า… ต้นทุนการเดินรถไฟฟ้าสายหลักอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อเที่ยว ทำให้นโยบายนี้เป็นไปได้ถ้าบริหารจัดการดีและมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่มั่นคง เช่น การใช้รายได้ภาษีจากภาคขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการสัมปทานรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้และผลประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนและการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ปัญหานี้ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องเจรจาและหาข้อตกลงร่วมที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทางเลือกและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนานโยบายในอนาคต ได้แก่ การผลักดันกฎหมายตั๋วร่วมเพื่อให้ใช้บริการได้ด้วยบัตรเดียวทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะมีความมั่นคงและเข้าถึงได้ง่ายในระยะยาว สรุป นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนเมือง ทำให้การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนเมืองอย่างทั่วถึง พร้อมแก้ไขปัญหารถติดและมลพิษ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเทพฯ และภาคประชาสังคม ซึ่งบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมและติดตามนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคง FAQ – คำถามที่พบบ่อย โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทครอบคลุมทุกสายไหม? โครงการนี้ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีเหลือง สายสีชมพู และ Airport Rail Link (ARL) รวมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงที่ทำไปแล้วทั้งหมด 8 สาย รวม 13 เส้นทางและกว่า 194 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางในราคาคงที่เพียง 20 บาทตลอดสาย แม้ต้องเปลี่ยนสายก็จะไม่เกินราคานี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ส่งผลต่อปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างไร? นโยบายนี้ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน เพราะราคาค่าโดยสารถูกลง คุณภาพชีวิตและการเดินทางจึงดีขึ้น ลดความหนาแน่นของการจราจรในช่วงเร่งด่วนได้ ประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายนี้ได้อย่างไร? ประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และใช้บัตร EMV Contactless หรือบัตร Rabbit แบบ ABT เพื่อยืนยันตัวตน ร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้นต่อไป
อนาคตเข้าถึงได้! นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โครงการเปลี่ยนชีวิตคนเมือง

บทความนี้ CHEEWID จะพามาเจาะลึกกับนโยบายรถไฟฟ้า20 บาท ที่รัฐบาลผลักดัน นโยบายที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเดินทางของประชาชน

ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน
ฟองดูว์กทม. (Traffy Fondue) เปลี่ยนสังคมเมืองด้วยพลังประชาชน

บทความนี้ CHEEWID จะพามารู้จักจากเสียงประชาชนสู่การแก้ไขจริง! Traffy Fondue คือระบบร้องเรียนของ กทม. นำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา เพิ่มคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวกรุงให้ดีขึ้น

มารู้จักเครื่องมือ Eisenhower Principle ที่นิยมใช้บริหารจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพ

CHEEWID ชวนมารู้จักเครื่องมือทรงพลังที่ประธานาธิบดี Eisenhower ใช้บริหารจัดการเวลาในการทำงานและในชีวิตประจำวัน
Table of Contents

ความเป็นมาของ Eisenhower Principle

จากสุนทรพจน์ใน Second Assembly of the World Council of Churches งานสัมมนาสภาโบสถ์โลกครั้งที่ 2 ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Dwight D. Eisenhower ได้ยืมเอาคำกล่าวของ Dr J. Roscoe Miller อธิการบดีประจำ Northwestern University มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น ที่กล่าวไว้ว่า:

“ผมมักจะมีปัญหาอยู่ด้วยกันสองข้อเสมอๆ นั่นก็คือปัญหาเร่งด่วนและปัญหาสำคัญ แต่ปัญหาเร่งด่วนมักไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขณะที่ปัญหาสำคัญก็มักไม่ใช่
เรื่องเร่งด่วนด้วยเช่นกัน”

จากข้อความดังกล่าวนั้น “Eisenhower Principle” เป็นสิ่งที่ไอเซนฮาวด์ใช้ในการจัดการทำงานต่างๆ ของเขาเอง

ความสำคัญของหลักการ Eisenhower 

  1. ช่วยด้านการบริหารเวลา (Time-Management)
  2. ลดความเครียดเมื่อควบคุมเวลาและรู้สึกเร่งรีบตลอดเวลาไม่ได้
  3. ช่วยเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจที่ดีขึ้น เข้าใจการจัดลำดับความสำคัญ

 

มารู้จักเครื่องมือ Eisenhower Principle

 

เมื่อนำหลักการนี้ไปใช้บริหารจัดการเวลา จะช่วยให้สามารถรับมือกับสถานการณ์เร่งด่วนเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นกับเราได้ โดยที่ไม่สูญเสียเป้าหมายในการทำงานจริงไป ซึ่งการเขียนรายการกิจกรรมและการทำงานต่างๆ ที่ชัดเจน แบ่งตามรูปแบบต่อไปนี้

  • สำคัญและเร่งด่วน (Important & Urgent)
  • สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน (Important but not Urgent)
  • ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน (Not Important but Urgent)
  • ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน (Not Important and not Urgent)

 

มารู้จักเครื่องมือ Eisenhower Principle

หลักการ “สำคัญ หรือ เร่งด่วน” ของ Eisenhower

หลักการสำคัญ (Important) หรือเร่งด่วน (Urgent) จะช่วยระบุและเรียงลำดับความสำคัญในกิจกรรมต่างๆ โดยแยกเป็นกิจกรรมหรืองานที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน และกิจกรรมหรืองานไหนที่สามารถเว้นไว้ก่อนได้ในตอนนั้น

เรื่องสำคัญ (Important)
กิจกรรมหรืองานที่เมื่อทำแล้วนำเราไปสู่ความสำเร็จที่คาดหวัง (ทั้งในส่วนของการทำงานและเรื่องส่วนตัว) องค์ประกอบ เช่น

  • ผลกระทบระยะสั้นและระยะยาว
  • ผลกระทบต่อวัตถุประสงค์โดยรวม
  • ผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม

เรื่องเร่งด่วน (Urgent)
กิจกรรมหรืองานที่ต้องทำในตอนนั้น หรือปัญหาที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของเรา แต่จะเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับเป้าหมายของคนอื่นเสียมากกว่า ปัญหาก็คือกิจกรรมหรืองานแบบนี้มักจะดึงความสนใจของเราไปมากกว่าสิ่งสำคัญเสมอ เพราะเราจะรู้สึกว่าหากไม่ทำสิ่งนี้มันจะเกิดปัญหาอื่นขึ้นกับเราได้

ภาพรวมและรายละเอียดเพิ่มเติมของ Eisenhower Principle 

มารู้จักเครื่องมือ Eisenhower Principle

Priority 1 สำคัญและเร่งด่วน (Important & Urgent)

งานหรือกิจกรรมที่สำคัญและเร่งด่วนมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ 1. งานที่ไม่ได้คาดการณ์ว่าจะเข้ามา 2.งานที่ปล่อยไว้จนใกล้เส้นตาย ซึ่งเราสามารถป้องกันการทิ้งงานบางอย่างไว้จนถึงเส้นตายได้โดยใช้วิธีการในหัวข้อการหลีกเลี่ยงการทำงานแบบผัดวันประกันพรุ่ง

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกครั้งที่จะหลีกเลี่ยงการผลัดวันทำงานหรือวางแผนการทำงานล่วงหน้าได้ และทางเลือกที่ดีที่สุดเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ คือยอมสละเวลาหรือทิ้งการทำงานตามตารางเวลาบางส่วนเพื่อจัดการปัญหาสำคัญและเร่งด่วนที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทันที กรณีที่ทิ้งงานมาแก้ปัญหาในส่วนนี้ แล้วมีปัญหาอื่นเกิดตามมา เราอาจต้องปรับตารางเวลาใหม่ทั้งหมด

ถ้าเรามีสิ่งสำคัญและเร่งด่วนพร้อมกันจำนวนมาก ให้พยายามวิเคราะห์ดูว่าสามารถทำส่วนไหนพร้อมกันได้ และแบ่งส่วนนั้นให้อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เราสามารถเรียงลำดับการทำงานและกิจกรรมที่มีความสำคัญเท่ากันได้ดีขึ้น

Priority 2 สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน (Important but Not Urgent)

ต้องแน่ใจว่าตารางเวลาที่จัดไว้สำหรับงานหรือกิจกรรมในส่วนนี้ กว้างและมีเวลามากพอที่จะทำให้เราสามารถทำงานหรือกิจกรรมนี้ได้อย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งนี้ตารางเวลาที่จัดไว้ควรจะครอบคลุมถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงานหรือกิจกรรมนั้นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้งานหรือกิจกรรมเหล่านี้กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญ

ข้อแนะนำสำหรับการแยกแยะเรื่องสำคัญกับเรื่องที่ไม่สำคัญ และการเข้าใจว่าเรากำลังทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร มีคำถาม 2 ข้อที่จะช่วยชี้แจงกระบวนการทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังวิธีการของ Eisenhower

  • ฉันกำลังทำอะไร? มีเป้าหมายอะไร? (Target)
  • หลักการสำคัญที่ขับเคลื่อนชีวิตของเราคืออะไร? (Core Values)


Priority 3 ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน

งานหรือกิจกรรมในส่วนนี้ส่วนมากแล้วจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความต้องการหรือเป้าหมายของเราเลย และมักจะมาจากคำขอร้องของคนอื่น ดังนั้นเมื่อมีงานหรือกิจกรรมเช่นนี้เข้ามาให้ดูว่าจะสละเวลาในตารางงานได้หรือไม่ และถ้าไม่ได้ก็ควรบอกปฏิเสธคำขอเหล่านั้นอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือพยายามโน้มน้าวให้คนที่มาขอความช่วยเหลือพยายามแก้ไขปัญหาหรือทำงานเหล่านั้นด้วยตัวเอง

ในอีกทางหนึ่งเราสามารถที่จะเป็นผู้ช่วยของคนอื่นได้ โดยการจัดเวลาว่างไว้สำหรับทำงานหรือกิจจกรรมในส่วนนี้โดยเฉพาะและต้องให้คนเหล่านั้นรู้ด้วยว่าเราจะว่างแค่ในช่วงเวลานี้เท่านั้น เพื่อที่พวกเขาจะได้มาขอความช่วยเหลือได้ถูกเวลา และเราก็จะไม่สูญเสียเวลาที่ต้องใช้ทำอย่างอื่นไปกับเรื่องเร่งด่วนที่อาจจะเข้ามาในตอนที่เราไม่มีเวลาสำหรับเรื่องเหล่านั้นอีกด้วย

Priority 4 สิ่งที่ไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ

กิจกรรมหรืองานในส่วนนี้คือสิ่งที่รบกวนมากที่สุด ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรืองานเหล่านี้ โดยเพิกเฉยต่องานและกิจจกรมในส่วนนี้ไปเลย แม้ว่าบางเรื่องจะเป็นคำขอร้องของคนอื่น คล้ายกับกรณีของงานเร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ หากทำได้ให้ปฏิเสธคำขอเหล่านี้และอธิบายเหตุผลต่อคนที่ขอร้องว่าทำไมเราจึงทำสิ่งนี้ไม่ได้ให้พวกเขาเข้าใจ

ซึ่งการที่ทำแบบนี้จะทำให้คนอื่นๆ มองเห็นความชัดเจนและการจัดลำดับในการทำงานของเราและจะไม่ขอร้องให้เราทำสิ่งเหล่านี้ในอนาคตอีกด้วย

Template สำหรับการใส่ข้อมูล Eisenhower Principle

Template สำหรับการใส่ข้อมูล Eisenhower Principle

สรุป

Eisenhower Principle นับว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราบริหารจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานหรือใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเราให้ดียิ่งขึ้น 

ทำความรู้จักเรามากขึ้น

Logo_Square

Cheewid

แพลตฟอร์มองค์กรระบบคลาวด์ที่สนับสนุนองค์กรเพื่อสังคม เราเพิ่มโอกาสในความเท่าเทียมสำหรับนวัตกรรมทางสังคม และร่วมเป็นผู้รับรู้การเปลี่ยนแปลงทางสังคม