เข้าสู่ระบบ

Table of Contents
Recent Post
แนะนำ 11 กิจกรรมสำหรับเด็ก เสริมทักษะและการเรียนรู้ผ่านความสนุก
แนะนำ 11 กิจกรรมสำหรับเด็ก เสริมทักษะและการเรียนรู้ผ่านความสนุก

บทความนี้ CHEEWID จะพาทุกคนมารู้จัก กิจกรรมสำหรับเด็กไม่เพียงแต่สนุกสนาน แต่ยังช่วยเสริมทักษะและการเรียนรู้ การทำกิจกรรมที่หลากหลายสามารถช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม

หลักการ 3R มีอะไรบ้าง? วิธีง่ายๆ ช่วยจัดการขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม
หลักการ 3R มีอะไรบ้าง? วิธีง่ายๆ ช่วยจัดการขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม

บทความนี้ CHEEWID จะพาทุกคนมารู้จัก 3R คือ ลด (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และรีไซเคิล (Recycle) ช่วยจัดการขยะและรักษาสิ่งแวดล้อมโดยลดปริมาณขยะ ใช้วัสดุซ้ำ พร้อมรีไซเคิลเพื่อประหยัดทรัพยากร

ภาษีผ้าอนามัยคืออะไร? ทำไมจึงเป็นประเด็นด้านความเท่าเทียมทางเพศ
ภาษีผ้าอนามัยคืออะไร? ทำไมจึงเป็นประเด็นด้านความเท่าเทียมทางเพศ

บทความนี้ CHEEWID จะพาทุกคนมารู้จักภาษีผ้าอนามัย (pink tax) คือภาษีที่เรียกเก็บจากผลิตภัณฑ์สุขอนามัยผู้หญิงซึ่งเป็นสินค้าจำเป็น ก่อให้เกิดข้อถกเถียง การยกเลิกช่วยลดค่าใช้จ่ายและส่งเสริมความเป็นธรรม

เปโดคืออะไร? กฎหมาย บทลงโทษ และวิธีรับมือพฤติกรรมเปโดในสังคม
เปโดคืออะไร? กฎหมาย บทลงโทษ และวิธีรับมือพฤติกรรมเปโดในสังคม

บทความนี้ CHEEWID ชวนทุกคนมาตระหนักรู้เกี่ยวกับ เปโด โดยเปโด นั้นคือ ความสนใจทางเพศต่อเด็กที่ส่งผลกระทบต่อเหยื่อและสังคม การเข้าใจกฎหมาย และวิธีรับมือกับพฤติกรรมเปโด จะช่วยให้เราป้องกันและจัดการกับปัญหานี้ได้ดียิ่งขึ้น

ภาษีผ้าอนามัยคืออะไร? ทำไมจึงเป็นประเด็นด้านความเท่าเทียมทางเพศ

บทความนี้ CHEEWID จะพาทุกคนมารู้จักภาษีผ้าอนามัย (pink tax) คือภาษีที่เรียกเก็บจากผลิตภัณฑ์สุขอนามัยผู้หญิงซึ่งเป็นสินค้าจำเป็น ก่อให้เกิดข้อถกเถียง การยกเลิกช่วยลดค่าใช้จ่ายและส่งเสริมความเป็นธรรม
ภาษีผ้าอนามัยคืออะไร? ทำไมจึงเป็นประเด็นด้านความเท่าเทียมทางเพศ
Table of Contents

 

Key Takeaway

  • ภาษีผ้าอนามัยคือภาษีที่เก็บจากผ้าอนามัย ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับผู้มีประจำเดือน โดยปกติจะจัดอยู่ในหมวดสินค้าที่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  • ภาษีผ้าอนามัยเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีประจำเดือน ทำให้เข้าถึงผ้าอนามัยยากขึ้นและสะท้อนความไม่เท่าเทียมทางเพศ
  • ตัวอย่างการเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกภาษีผ้าอนามัย ได้แก่ แคมเปญ #FreePeriods ในสหราชอาณาจักร และในไทย เช่น #Saveผ้าอนามัย #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี และ #DontBleedMyPurse

ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาทำความเข้าใจกับประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการเก็บภาษีผ้าอนามัย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของภาษีเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผู้บริโภคและสังคมอย่างกว้างขวาง มาดูกันว่าเรื่องนี้มีผลอย่างไร และทำไมถึงกลายเป็นประเด็นที่หลายคนต้องใส่ใจ

ภาษีผ้าอนามัย (Pink Tax) คืออะไร?

ภาษีผ้าอนามัย (Pink Tax) คืออะไร?

ภาษีผ้าอนามัย (Tampon Tax) หรือที่เรียกกันในเชิงเสียดสีว่า “Pink Tax” คือภาษีที่เก็บจากสินค้าสำหรับผู้หญิง เช่น ผ้าอนามัย ซึ่งถูกจัดในหมวดหมู่สินค้าที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีอัตราภาษีที่ต่างกันในแต่ละประเทศ บางประเทศจัดผ้าอนามัยเป็นสินค้าจำเป็นพื้นฐานและยกเว้นภาษี ขณะที่บางประเทศจัดให้เป็นสินค้าทั่วไป เวชภัณฑ์ หรือสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้ต้องเสียภาษีสูงขึ้น

ข้อมูลจากกรมการค้าภายในของไทยระบุว่า ผ้าอนามัยเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการติดตามราคาและสถานการณ์เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภคทุกปักษ์ (15 วัน)

ปัญหาภาษีผ้าอนามัยที่ส่งผลต่อผู้บริโภคและสังคม

ปัญหาภาษีผ้าอนามัยที่ส่งผลต่อผู้บริโภคและสังคม

ภาษีผ้าอนามัยเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและสังคมในหลายด้าน ซึ่งไม่ได้แค่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิมนุษยชนในสังคมด้วย ในหัวข้อนี้จะมาเจาะลึกกันว่าภาษีผ้าอนามัยส่งผลกระทบในด้านต่างๆ อย่างไรบ้าง

ภาระทางค่าใช้จ่าย

ผู้มีประจำเดือนใช้ผ้าอนามัยประมาณ 20 ชิ้นต่อเดือน หรือประมาณ 240 ชิ้นต่อปี ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่ถูกคิดเพิ่มในราคาผ้าอนามัยทำให้ผู้มีประจำเดือนต้องใช้จ่ายอย่างน้อยปีละ 1,512 บาท สำหรับผ้าอนามัย และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมถึง 40,000 บาทตลอดชีวิตในการซื้อผ้าอนามัย

โดยราคาผ้าอนามัยแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับลักษณะและคุณสมบัติพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาของการมีประจำเดือน เช่น ความบาง กลิ่นหอม ความเย็น เทคโนโลยีระบายกลิ่นอับ ลวดลาย มีปีกหรือไม่มีปีก ถนอมจุดซ่อนเร้นหรือสําหรับคนแพ้ง่าย

ในส่วนของราคานั้นผ้าอนามัยสำหรับกลางวันมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2-5 บาทต่อชิ้น ส่วนแบบกลางคืนจะมีราคาสูงขึ้นเล็กน้อยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4-10 บาทต่อชิ้น และแผ่นอนามัยมีราคาราคาเฉลี่ย 2-3 บาทต่อชิ้น ขณะที่ผ้าอนามัยชนิดสอดมีราคาสูงกว่า ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 บาทต่อชิ้น

ความไม่เท่าเทียมทางเพศ

ประจำเดือนเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ จากงานวิจัยของ รศ.พรรณพิไล ศรีอาภรณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่าประจำเดือนคือเลือดที่ไหลออกจากโพรงมดลูกพร้อมเยื่อบุโพรงมดลูกที่ตายแล้วในทุกๆ 21-36 วัน ครั้งละ 3-5 วัน ปริมาณเลือดที่ออกมีประมาณ 30-100 มิลลิลิตร โดยผู้หญิงจะใช้ผ้าอนามัย 3-4 ชิ้นต่อวัน

อย่างไรก็ตามผ้าอนามัยซึ่งเป็นสินค้าพื้นฐานที่ผู้หญิงและผู้มีประจำเดือนทุกคนต้องใช้ กลับยังถูกเก็บภาษีผ้าอนามัยและมักถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ที่ไม่เหมาะสม การที่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผ้าอนามัยจึงเหมือนกับการถูกเลือกปฏิบัติ เพราะต้องเสียเงินเพิ่มจากสิ่งที่เป็นความจำเป็นตามธรรมชาติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งสะท้อนถึงการไม่ให้ความสำคัญต่อความหลากหลายทางเพศในประเทศนี้ด้วย

คนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงสินค้า

กลุ่มคนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงผ้าอนามัยได้เพราะปัญหาด้านการเงิน การมีภาษีสีชมพูจึงอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวัน เช่น เด็กหลายคนต้องขาดเรียนเพราะไม่มีผ้าอนามัยใช้ บางคนต้องเลือกว่าจะซื้อข้าวหรือผ้าอนามัย หรือในเรือนจำหญิงที่มีผ้าอนามัยไม่เพียงพอและไม่มีคุณภาพ นอกจากนี้พนักงานโรงงานที่มีรายได้ต่ำจำนวนมากต้องใช้งานผ้าอนามัยให้น้อยแผ่นต่อวัน หรือบางคนต้องใช้ผ้าขี้ริ้วแทน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยโดยรวม

สิ่งนี้ทำให้ผู้มีประจำเดือนไม่สามารถดูแลสุขภาพได้เต็มที่เพราะความกังวลเรื่องการเงิน การที่ผ้าอนามัยยังเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ยากสำหรับหลายๆ คน สะท้อนถึงการละเลยจากภาครัฐในการจัดหาสวัสดิการสุขภาพพื้นฐานให้กับประชาชนทุกเพศทุกวัย และยังสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมในการจัดเก็บภาษีของสินค้าที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน

การรณรงค์และเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกภาษีผ้าอนามัย

การรณรงค์และเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกภาษีผ้าอนามัย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ปี 2559 เรื่อยมาจนถึงปี 2565 ได้มีแคมเปญและการเคลื่อนไหวมากมายที่เกิดขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อเรียกร้องการยกเลิกภาษีผ้าอนามัยหรือการลดอัตราภาษีผ้าอนามัย ดังนี้

แคมเปญ Free Periods

หนึ่งในแคมเปญที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ #FreePeriods ที่เริ่มต้นในสหราชอาณาจักรในปี 2559 แคมเปญนี้มุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักเรียน โดยเริ่มต้นจากการเดินขบวนประท้วงเพื่อเรียกร้องให้มีการจัดหาผ้าอนามัยฟรีและหยุดการตีตราผู้มีประจำเดือน นอกจากนี้ยังมีการสร้างแฮชแท็กในโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่งผลให้เกิดนโยบายงบประมาณสำหรับผ้าอนามัยในโรงเรียนของสหราชอาณาจักร

Save ผ้าอนามัย

ในประเทศไทย ปี 2563 ได้มีแคมเปญ #Saveผ้าอนามัย ที่เริ่มต้นโดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ยกเลิกการเก็บภาษีผ้าอนามัยและสนับสนุนการแจกผ้าอนามัยในสถานศึกษา 

นอกจากนี้ยังมีการยื่นรายชื่อสนับสนุนจำนวน 30,000 รายชื่อไปยัง นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากพรรคก้าวไกล เพื่อให้รัฐสภาพิจารณา เมื่อเกิดประเด็นผ้าอนามัยแบบสอดตามมาภายหลัง นายธัญวัจน์ก็ได้ออกมาย้ำถึงความสำคัญของสวัสดิการผ้าอนามัยว่า “ถึงแม้จะไม่มีการขึ้นภาษี แต่ผู้มีประจำเดือนยังคงมีต้นทุนที่เกี่ยวกับเพศที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้อยู่ดี”

ผ้าอนามัยไม่มีภาษี

ในปี 2564 เกิดประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยเมื่อราชกิจจานุเบกษาประกาศให้ “ผ้าอนามัยแบบสอด” เป็นเครื่องสำอาง โดยระบุว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ใช้เพื่อซับเลือดประจำเดือน ซึ่งการจัดให้ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอางจะทำให้ถูกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 30% ทำให้เกิดความกังวลว่าราคาผ้าอนามัยจะสูงขึ้นตามมา ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม พร้อมแฮชแท็ก #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี #ภาษีผ้าอนามัย และ #แจกฟรีไม่ได้รึไง บนโซเชียลมีเดีย

แคมเปญ Don’t Bleed My Purse

#DontBleedMyPurse เป็นแคมเปญในปี 2565 ที่จัดโดย Scora Thailand ซึ่งมุ่งให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาวะและสังคมของผู้มีประจำเดือนในรูปแบบที่เข้าใจง่ายผ่านอินโฟกราฟิกขนาดสั้น พร้อมทั้งจัดงานเสวนาออนไลน์ (Webinar) ร่วมกับกลุ่มต่างๆ ที่กำลังขับเคลื่อนประเด็นนี้ โดยมีเป้าหมายหลักในการยกเลิกภาษีผ้าอนามัยและทำให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับกลุ่มผู้มีประจำเดือน

เปรียบเทียบนโยบายภาษีผ้าอนามัยในหลายประเทศ

เปรียบเทียบนโยบายภาษีผ้าอนามัยในหลายประเทศ

หลายประเทศมีการกำหนดภาษีผ้าอนามัยในอัตราที่แตกต่างจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ซึ่งบางประเทศได้จัดผ้าอนามัยเป็นสินค้าพื้นฐานที่ต้องได้รับการยกเว้นภาษี หรือกำหนดอัตราภาษีที่ต่ำกว่าสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น

ประเทศที่เก็บภาษีผ้าอนามัยเท่ากับภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าทั่วไป

  • ฮังการี 27%
  • โครเอเชีย 25%
  • ฟินแลนด์ 24%
  • อาร์เจนตินา 21%
  • แอลเบเนีย 20%
  • บัลแกเรีย 20%
  • ตุรกี 18%
  • จีน 13%
  • ไทย 7%

ประเทศที่เก็บภาษีผ้าอนามัยต่ำกว่าภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าทั่วไป

  • เบลเยียม เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 6% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 21%
  • เยอรมนี เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 7% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 19%
  • เวียดนาม เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 5% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 10%
  • ไซปรัส เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 5% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 19%
  • เอธิโอเปีย เก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตรา 10% ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปคือ 15%

 

สรุป

ภาษีผ้าอนามัยคือภาษีที่เก็บจากผ้าอนามัยซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นสำหรับผู้มีประจำเดือน โดยทั่วไปจะถูกจัดอยู่ในหมวดสินค้าทั่วไปที่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เช่นเดียวกับสินค้าอื่นๆ ซึ่งทำให้ราคาผ้าอนามัยสูงขึ้น ปัญหาจาก Pink Tax คือเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีประจำเดือน สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมทางเพศ และยากต่อการเข้าถึงผ้าอนามัยสำหรับบางกลุ่ม

ตัวอย่างแคมเปญยกเลิกภาษีผ้าอนามัย เช่น #FreePeriods ในสหราชอาณาจักร #Saveผ้าอนามัย ในไทย นอกจากนี้เรายังสามารถสนับสนุนสิทธิสตรีและความเท่าเทียมทางเพศผ่านองค์กรและมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับสตรีผ่าน Cheewid ได้อีกด้วย

Reference:

  1. The Active. หลายประเทศ เก็บภาษีผ้าอนามัยต่ำกว่าสินค้าทั่วไป แต่ไทยยังเท่ากัน | The Active. theactive.thaipbs.or.th. Published 7 March 2022. Retrieved 19 February 2025.
  2. ผู้จัดการออนไลน์. “ผ้าอนามัย” ทุกชนิดเป็น “เครื่องสำอาง” ทั้งหมด แต่ออกประกาศเฉพาะ “ชนิดสอด” เพราะหลุดนิยาม กม.. mgronline.com. Published 17 December 2019. Retrieved 19 February 2025.
  3. BBC NEWS ไทย. ภาษีผ้าอนามัย : ผ้าอนามัยเป็นสินค้าที่กระทรวงพาณิชย์ควบคุม แต่ผู้ใช้บางคนบอกว่า “แพง” – BBC News ไทย. bbc.com. Published 17 December 2019. Retrieved 19 February 2025.
  4. ญาทิตา เอราวรรณ. ลดเลิกภาษีผ้าอนามัย?. thairath.co.th. Published 6 September 2023. Retrieved 19 February 2025.
  5. ทิพากร ไชยประสิทธิ์. “ผ้าอนามัย” สินค้าราคาเกินเอื้อม | Thai PBS News ข่าวไทยพีบีเอส. thaipbs.or.th. Published 17 December 2019. Retrieved 19 February 2025.
  6. เอม มฤคทัต. ทำไมต้องจ่ายภาษี แค่เกิดมามีประจำเดือน – ili. ili-co.me. Published 31 July 2021. Retrieved 19 February 2025.
  7. Praewpan Sirilurt. แก้ปัญหา “ความยากจนในช่วงมีประจำเดือน” ผ่านการขับเคลื่อนสวัสดิการของรัฐบาลในหลายประเทศ | SDG Move. sdgmove.com. Published 16 June 2022. Retrieved 19 February 2025.
  8. Chanan Yodhong. #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี ผ้าอนามัยต้องเป็นสวัสดิการของรัฐและรัฐต้องไม่หากินกับเมนส์ประชาชน. thematter.co. Published 27 July 2021. Retrieved 19 February 2025.
  9. Naphatsawan Sitthitham. #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี ฟรี (ภาษี) ผ้าอนามัยมีที่ประเทศไหนบ้าง? – Mission To The Moon Media. missiontothemoon.co. Published 23 July 2021. Retrieved 19 February 2025.
  10. กชกร พลเยี่ยม. Period Poverty ราคาที่ต้องจ่ายจากการมีประจำเดือน |. workpointtoday.com. Published 2 August 2021. Retrieved 19 February 2025.

องค์กรเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้อง

banner - กสศ
logo - กสศ

กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

เราสนับสนุนช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา เสริมสร้าง พัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู
logo - มูลนิธิไทยรัฐ

มูลนิธิไทยรัฐ

เราเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการศึกษา และช่วยเหลือกิจกรรมเกี่ยวกับการศึกษาแก่นักเรียนที่ยากจนและนักเรียนดีเด่นทั่วไป ส่งเสริมการศึกษา และค้นคว้าวิจัยงานหนังสือพิมพ์ร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์เพื่อเด็กๆ

banner - sos เด็กโสสะ

มูลนิธิโสสะแห่งประเทศไทยฯ

เราช่วยเหลือเด็กที่สูญเสียบิดามารดา ขาดญาติมิตร ในรูปแบบของครอบครัวทดแทนถาวรระยะยาว เพื่อให้เด็กสามารถประกอบอาชีพและเลี้ยงดูตัวเองได้ไม่เป็นภาระต่อสังคม